ประเด็นข่าว: ความดีกับคุณธรรมในสายตาเยาวชน


เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และ วิจัยความสุขชุมชน เสนอผลสำรวจเรื่อง ความรักวันวาเลนไทน์ ดารา นักการเมืองและประชาธิปไตยในมุมมองของเด็กและเยาวชน : กรณีศึกษาเด็กเยาวชนอายุ 12-19 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังข่าวที่ปรากฏอยู่โดยทั่วไป

เรื่องที่น่าสนใจคือทัศนคติของเยาวชนที่เป็นกลุ่มสำรวจครับ เอามาบันทึกไว้เพราะเกรงว่าข้อมูลจะหายไป

  • ตัดตอนจาก วิกฤติเยาวชนไทยยอมมีเพศสัมพันธ์คืนวันวาเลนไทน์, กรุงเทพธุรกิจ 11 ก.พ. 2551

    ดร.นพดล แถลงถึงมุมมองความรู้สึกของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ต่อการเมืองไทย พบว่า ร้อยละ 60.9 รู้สึกเบื่อ น่ารำคาญ วุ่นวาย และเซ็งต่อการเมืองของประเทศ ในขณะที่ร้อยละ 29.1 ไม่สบายใจและเป็นห่วง ร้อยละ 10.9 รู้สึกว่าคนไทยไม่รักไม่สามัคคีกัน และร้อยละ 4.4 ระบุว่าการเมืองไทยมีแต่เรื่องโกงกิน

    นอกจากนี้ ผลสำรวจ 10 อันดับภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่เด็กและเยาวชนจะเลือกทำตาม ซึ่งพบว่า ร้อยละ 28.3 ระบุเป็นเรื่องความฉ้อฉล เห็นแก่ตัว ทุจริต โกหก ของบรรดานักการเมือง ขณะที่ร้อยละ 16.9 ระบุการทำตัวดี บุคลิกดี และร้อยละ 9.8 ระบุความซื่อสัตย์

    "ที่น่าสนใจคือ ถามว่าพอจะหานักการเมืองที่เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรมได้หรือไม่ ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 47.5 ระบุว่าหายาก ร้อยละ 52.5 ระบุว่าพอหาได้ จากนั้นสอบถามชื่อนักการเมืองที่ชื่นชอบในเรื่องความดี คุณธรรม ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 45.2 ระบุว่าเป็น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 23.2 ระบุนายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 22.4 ระบุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

    สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 55.9 เห็นด้วยต่อการนำหลักปรัชญาและวิถีปฏิบัติแห่งเศรษฐกิจพอเพียงในการแก้ ปัญหาวิกฤติของประเทศไทย รองลงมา ร้อยละ 17.7 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 22.5 เห็นด้วยปานกลาง

    สำหรับมุมมองทางการเมืองของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ ดร.นพดล กล่าวว่า ผลวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตย แม้ประเทศไทยจะมีปัญหาวิกฤติใดๆ ก็ตาม และทางออกของปัญหาที่กำลังอยู่ในใจของเด็กเยาวชนเหล่านี้คือ การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปคือ ผลวิจัยก่อนหน้านี้ที่เคยพบว่าเด็กและเยาวชนเกินกว่าครึ่งมีความเอนเอียง ที่จะยอมรับรัฐบาลที่โกงกินแต่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี รวมไปถึงการกินค่าหัวคิวหรือการกินตามน้ำ ถ้าหากพวกเขาเติบโตขึ้นมาในอีก 10 ปีข้างหน้า และไปอยู่ในสาขาวิชาชีพต่างๆ ของประเทศ โดยบรรดาผู้ใหญ่ในสังคมตามกลไกของกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้ ไม่กระทำอะไรบางอย่างเพื่อขัดเกลาทัศนคติและพฤติกรรมของพวกเขาแล้ว สังคมไทยจะเป็นเช่นไรในเวลานั้น

  • ตัดตอนจาก โจ๋ไทยส่วนใหญ่ปฏิเสธมีเซ็กซ์วันวาเลนไทน์ - กว่า 60%เซ็งการเมือง, ผู้จัดการ Online, 10 ก.พ. 2551
            ดร.นพดล ยังกล่าวถึงมุมมองความรู้สึกของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ต่อการเมืองของ ประเทศไทย พบว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.9 รู้สึกเบื่อ น่ารำคาญ วุ่นวาย และเซ็งต่อการเมืองของประเทศ ในขณะที่รองลงมาคือ ร้อยละ 29.1 ไม่สบายใจและเป็นห่วง ร้อยละ 10.9 รู้สึกว่าคนไทยไม่รักไม่สามัคคีกัน ร้อยละ 9.6 ระบุการเมืองไทยไม่สงบ เปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป ร้อยละ 6.1 รู้สึกภูมิใจ รู้สึกเป็นประชาธิปไตย และร้อยละ 4.4 ระบุว่าการเมืองไทยมีแต่เรื่องโกงกิน
            ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ผลสำรวจ 10 อันดับภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่เด็กและเยาวชนจะเลือกทำตาม ซึ่งพบว่า ร้อยละ 28.3 ระบุเป็นเรื่องความฉ้อฉล เห็นแก่ตัว ทุจริต โกหก ของบรรดานักการเมือง รองลงมาคือร้อยละ 16.9 ระบุการทำตัวดี บุคลิกดี ร้อยละ 13.1 ระบุความเป็นผู้นำ ร้อยละ 12.8 ระบุพูดจาดี คุยดี ร้อยละ 11.8 ระบุความรับผิดชอบ ร้อยละ 9.8 ระบุความซื่อสัตย์ ร้อยละ 8.5 ระบุการทำงานหนัก ร้อยละ 7.0 ระบุการโต้เถียง ร้อยละ 5.9 ระบุความสามารถ และร้อยละ 5.2 ระบุการใช้อำนาจ
            ที่น่าสนใจคือ ถามว่าพอจะหานักการเมืองที่เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรมได้หรือไม่ ผลสำรวจพบว่า เด็กและเยาวชนจำนวนมากหรือร้อยละ 47.5 ระบุว่า หายาก แต่ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 52.5 ระบุว่าพอหาได้ จากนั้นสอบถามชื่อนักการเมืองที่ชื่นชอบในเรื่องความดี คุณธรรม ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 45.2 ของกลุ่มนี้ระบุ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร รองลงมาคือร้อยละ 23.2 ระบุนายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 22.4 ระบุนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ร้อยละ 15.7 ระบุพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ร้อยละ 9.9 ระบุนายชวน หลีกภัย และร้อยละ 8.3 ระบุนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ตามลำดับ
            และเมื่อถามถึงดารานักร้องนักแสดงที่เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรม พบว่า ร้อยละ 43.2 ระบุว่าหายาก ในขณะที่ร้อยละ 56.8 ระบุพอหาได้ โดยในกลุ่มนี้ร้อยละ 15.6 ระบุ เขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) ร้อยละ 9.3 ระบุอุษามณี ไวทยานนท์ (ขวัญ) ร้อยละ 8.7 ระบุนักร้องวงแคลช ร้อยละ 7.1 ระบุธงไชย แมคอินไตย์ และร้อยละ 6.8 ระบุวรนุช วงศ์สวรรค์ (นุ่น) ตามลำดับ
            อย่างไรก็ตาม เด็กและเยาวชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 52.5 เห็นว่าการปกครองประเทศไทยแบบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี ขณะที่ร้อยละ 24.5 ระบุค่อนข้างดี ร้อยละ 18.6 ระบุปานกลาง ร้อยละ 3.0 และร้อยละ 1.4 เท่านั้นที่ระบุไม่ค่อยดีและไม่ดีตามลำดับ
            นอกจากนี้ เมื่อถามความเห็นของเด็กและเยาวชนต่อถ้อยคำที่ว่า ถึงแม้ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤต แต่การปกครองแบบประชาธิปไตยยังดีกว่าการปกครองแบบอื่น ผลสำรวจพบว่า เด็กและเยาวชนร้อยละ 45.7 ระบุเห็นด้วย ร้อยละ 21.4 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 24.9 เห็นด้วยปานกลาง ร้อยละ 4.6 ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 3.4 ไม่เห็นด้วย
            สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.9 เห็นด้วยต่อการนำหลักปรัชญาและวิถีปฏิบัติแห่งเศรษฐกิจพอเพียงในการแก้ ปัญหาวิกฤตของประเทศไทย รองลงมาคือร้อยละ 17.7 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 22.5 เห็นด้วยปานกลาง ร้อยละ 2.4 และร้อยละ 1.5 เท่านั้นที่ไม่ค่อยเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตามลำดับ
            หัวหน้าศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า เด็กและเยาวชนช่วงอายุนี้มีจำนวนทั้งสิ้นทั่วประเทศกว่า 7.5 ล้านคน และในอีกประมาณสี่ปีข้างหน้าพวกเขาจะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบ 5 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 10 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดจึงเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีนัยสำคัญต่อทิศ ทางการพัฒนาประเทศ การทำวิจัยเพื่อเฝ้าระวังรักษาคุณภาพของพวกเขาโดยมีฐานข้อมูลเชิงคุณภาพ เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ สำคัญสำหรับสังคมไทย
            ดังนั้น รัฐบาลต้องเข้ามาจัดการกับสาเหตุของปัญหาที่กระทบต่อคุณภาพของเด็กและ เยาวชนกลุ่มนี้เพราะบางอย่างเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตของชุมชนจะจัดการแก้ไข ได้เพียงลำพัง เช่น สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เพราะมีคนใช้ยาเสพติดในชุมชน มีกลุ่มมั่วสุมของวัยรุ่น มีสถานบันเทิงในชุมชน มีสถานบริการทางเพศใกล้

แล้วสื่อสิ่งพิมพ์ เลือกที่จะพาดหัวอย่างไรเนี่ย

หมายเลขบันทึก: 164529เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2008 04:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • ตอนนี้กำลังเซ็งกับกระทรวงศึกษา
  • อึ้งกับอันนี้ครับ
  • ผลวิจัยก่อนหน้านี้ที่เคยพบว่าเด็กและเยาวชนเกินกว่าครึ่งมีความเอนเอียง ที่จะยอมรับรัฐบาลที่โกงกินแต่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี รวมไปถึงการกินค่าหัวคิวหรือการกินตามน้ำ ถ้าหากพวกเขาเติบโตขึ้นมาในอีก 10 ปีข้างหน้า และไปอยู่ในสาขาวิชาชีพต่างๆ ของประเทศ โดยบรรดาผู้ใหญ่ในสังคมตามกลไกของกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้ ไม่กระทำอะไรบางอย่างเพื่อขัดเกลาทัศนคติและพฤติกรรมของพวกเขาแล้ว สังคมไทยจะเป็นเช่นไรในเวลานั้น
  • พระเจ้าช่วย กล้วยทอด

ก็ยังดีใจที่ความเห็นของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่เห็นว่า.....

 ถึงแม้ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤต แต่การปกครองแบบประชาธิปไตยยังดีกว่าการปกครองแบบอื่น

การนำหลักปรัชญาและวิถีปฏิบัติแห่งเศรษฐกิจพอเพียงในการแก้ ปัญหาวิกฤติของประเทศไทย

เพราะโดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่ว่า การปกครองรูปแบบใด ก็สู้ การปกครองแบบประชาธิปไตยไม่ได้ค่ะ

อาจารย์ขจิต: ผมเซ็งได้ทีละหลายๆ กระทรวง โดยไม่ต้องทอดกล้วยด้วยนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผมกลับคิดว่าครอบครัวและการอบรมเลี้ยงดูที่บ้าน น่าจะมีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันมิจฉาทิฏฐิและอบาย ได้ดีกว่าการผลักภาระนี้ให้คนอื่นนะครับ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนฉาบฉวย ไม่แยกแยะสิ่งดีชั่ว มัวเมาในอบายมุข มองเฉพาะผลประโยชน์เฉพาะหน้าและเรื่องส่วนตัว จะเลี้ยงดูเด็กออกมาเป็นอย่างไรครับ

พี่ศศินันท์: บางทีเด็กตอบคำตอบนั้น เพราะเป็นตัวเลือกที่ดูดีที่สุดในบรรดาคำตอบในข้อนั้นนะครับ

เข้ามาสนับสนุนค่ะ

ครอบครัวและการอบรมเลี้ยงดูที่บ้าน น่าจะมีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันมิจฉาทิฏฐิและอบาย ได้ดีกว่าการผลักภาระนี้ให้คนอื่นนะครับ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนฉาบฉวย ไม่แยกแยะสิ่งดีชั่ว มัวเมาในอบายมุข มองเฉพาะผลประโยชน์เฉพาะหน้าและเรื่องส่วนตัว จะเลี้ยงดูเด็กออกมาเป็นอย่างไรครับ

นี่คือสิ่งที่พูดอยู่ตลอดเวลาจนเมื่อยปากแล้วค่ะ

พ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นด่านแรกค่ะ ที่ต้องดูแลอบรมบุตรหลานของตน   เพราะ1-6 ขวบเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆจะใสสะอาดดุจผ้าขาว จะใส่ของดีๆอะไรลงไป ต้องทำตอนนี้ให้มากที่สุด

 ต่อไปจะยากขึ้น เพราะเขาเริ่มมีสังคมภายนอก ซึ่งจะมีอิทธิพลกับเขามากขึ้นๆ ครอบครัวต้องวางแผนการเลี้ยงดุบุตรหลานไปจนโต ไม่ใช่ไปผลักภาระให้ครูอาจารย์แต่ฝ่ายเดียว

เรื่องนี้ มีประสบการณ์ด้วยตัวเองเยอะค่ะ

อย่างไรก็ตาม ขอมอบการ์ดแห่งมิตรภาพนี้ ให้คุณConductor ด้วยค่ะ

 

บางทีเด็กตอบคำตอบนั้น เพราะเป็นตัวเลือกที่ดูดีที่สุดในบรรดาคำตอบในข้อนั้นนะครับ

ขอแสดงความคิดเห็นต่อในประเด็นนี้ต่ออีกหน่อยค่ะ

เรื่องนี้ พี่ว่า เด็กๆ ได้รับการสอนมา ตั้งแต่ชั้นประถม เรื่องประชาธิปไตย แม้อาจยังไม่เข้าใจดีนัก แต่ทางบ้านคงจะตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาเหมือนกันว่า....

 ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อาจไม่ดีที่สุดในอุดมคติ แต่ดีที่สุด ในปัจจุบันนี้

ไม่ว่า จะ ไม่ใช่ประชาธิปไตยในรูปแบบอะไร ก็ไม่ดี ทั้งนั้น

พี่ว่าเขาน่าจะรู้เรื่อง .....มาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 อย่าง.ในเรื่องของเสรีภาพ....

 "บุคคลย่อมมีเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น"

 "บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ"

สองมาตรานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการพูดแสดงความคิดเห็น หรือถือป้ายข้อความ แสดงความคิดเห็นต่างๆก็เป็นสิทธิที่ทำได้

 ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกติกากำหนดกลไก ของระบอบประชาธิปไตยไทย

พี่ว่าเด็กๆ เขาคงรู้จริงๆนะคะ คงไม่ใช่แค่ว่า อ่านแล้วดูดีที่สุด แต่อาจะยังไม่ชัดเจนนัก และตอนนี้ รู้สึก จะมีเว็บ ที่รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยอยู่ด้วยนะคะ

เอาใจช่วยเด็กๆค่ะ อิๆๆๆ 

  • อืมยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุนะคะ
  • ครอบครัวและชุมชน เป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ

พี่ศศินันท์ครับ คำถามใน poll ไม่มีคำถามปลายเหมือนข้อสอบอัตนัยเปิดหรอกครับ เป็นการเลือก "คำตอบที่ถูกต้อง" เหมือนข้อสอบปรนัยทั้งนั้น 

คุณอ๊อดนารี ใช่ครับ เห็นด้วยที่สุด  

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท