หลักสูตรท้องถิ่น 1.
ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่น นักวิชาการและนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่นไว้หลากหลาย
ดังนี้
กรมวิชาการ (2545) กล่าวว่า หลักสูตรท้องถิ่น หมายถึง
มวลประสบการณ์ที่จัดขึ้นทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ เจตคติ
และคุณภาพการดำรงชีวิต โดยพยายามใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้บนพื้นฐานของสภาพชีวิต
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ของตนเอง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาต่าง
ๆ ของชาติบ้านเมือง ใจทิพย์
เชื้อรัตนพงษ์ (2539) กล่าวว่า หลักสูตรระดับท้องถิ่น หมายถึง
มวลประสบการณ์ที่สถานศึกษาหรือหน่วยงานและบุคคลในท้องถิ่นจัดให้แก่ผู้เรียนตามสภาพและความต้องการของท้องถิ่นนั้น
ๆ
ประมวลสาระชุดวิชาการพัฒนาหลักสูตรและวิทยวิธีทางการสอน (มสธ.)
(มปป.) ให้ความหมายหลักสูตรท้องถิ่น หมายถึง
เนื้อหาสาระและมวลประสบการณ์ที่จัดให้กับผู้เรียนในท้องถิ่นที่หนึ่งที่ใดโดยเฉพาะ
ถ้าพิจารณาขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรของหลักสูตรกลางและหลักสูตรท้องถิ่นจะพบว่ามีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไปบ้าง
หลักสูตรท้องถิ่นแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
หลักสูตรท้องถิ่นที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
เป็นหลักสูตรระยะสั้นเพื่อผู้เรียนในท้องถิ่น ทุกวัย ทุกระดับอายุ
เช่น หลักสูตรจักสาน หลักสูตรการทำของชำร่วยจากเปลือกหอย
เป็นต้น
หลักสูตรอีกประเภทหนึ่งเป็นหลักสูตรท้องถิ่นสำหรับเสริมหลักสูตรแกนกลางให้มีความสมบูรณ์ขึ้น
หลักสูตรท้องถิ่นในลักษณะนี้จะใช้ร่วมกับหลักสูตรแกนกลาง
โดยอาจจัดเป็นรายวิชาอิสระที่ให้เลือกเรียนหรือไม่อาจจัดเป็นรายวิชาแต่จัดเป็นกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ผู้สอนสามารถดัดแปลงเนื้อหาที่กำหนดมาจากส่วนกลางมาประยุกต์โดยนำเอาสาระ
ทรัพยากร
เทคนิควิธีการท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ได้ หลักสูตรท้องถิ่น
หลักสูตรท้องถิ่น
คือ หลักสูตรที่ได้คิดค้น ประยุกต์ มาจากสภาพแวดล้อม ชุมชน ทรัพยากร
รวมทั้งบุคลากรและความสนใจ ความสามารถของนักเรียน
กล่าวโดยสรุป หลักสูตรท้องถิ่น คือ
การจัดประสบการณ์การเรียนและเนื้อหาสาระให้กับผู้เรียนในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริงทางสังคม
วัฒนธรรมและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและของท้องถิ่นนั้น
ๆ 22.
ความเป็นมาของหลักสูตรท้องถิ่น
การจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น
และจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบองค์รวม
(Integrated
learning to the Unified Concept)
ในการจัดการศึกษา
หรือการจัดการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และ ปรับปรุง พ.ศ. 2545
ได้กำหนดการปฏิรูปการเรียนรู้ไว้ในหมวด 4
ว่าด้วยแนวทางการจัดการศึกษา โดยเฉพาะมาตรา 22 :
หลักการจัดการศึกษา มาตรา 23 : สาระการเรียนรู้
มาตรา 24 : กระบวนการเรียนรู้
ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นองค์รวม
โดยผ่านการบูรณาการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ อย่างสมดุล
การเรียนรู้บูรณาการแบบองค์รวมเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยง
หลอมรวมเป้าหมายการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ สาระหรือประสบการณ์
ทั้งภายในกลุ่มสาระหรือระหว่างกลุ่มสาระ อย่างกลมกลืน
โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
และพัฒนาผู้เรียนเป็นองค์รวม (ทุกด้าน)
ซึ่งอาจเป็นการเรียนรู้ผ่านโครงงานและการเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนที่สอดคล้องกับชีวิตจริง
นับตั้งแต่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542
เป็นกฎหมายการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกที่เป็นเสมือนธรรมนูญการศึกษา
ที่กำหนดกรอบแนวคิด ความมุ่งหมายและหลักการ
สิทธิหน้าที่ทางการศึกษา ระบบการศึกษา
แนวการจัดการศึกษา
การบริหารและการจัดการศึกษา
มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
ครู คณาจารย์และบุคลากร
ทรัพยากรและการลงทุน เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไว้ถึง 9 หมวด 78
มาตรา
ที่ครอบคลุมการปฏิรูปการศึกษาไว้ครบทุกด้าน
โดยเฉพาะในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา
ตามความที่ปรากฏในมาตรา 27
กำหนดให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย
ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ
ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ
ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่ง
ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น
คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม
และประเทศชาติ ดังนั้น
จึงเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาโดยตรงที่จะต้องจัดทำหลักสูตรที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น 3พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.
2542
หลักการจัดการศึกษา
4 แนวการจัดการศึกษา
ซึ่งระบุไว้ในหมวด
4
ได้แก่มาตรา 22 ,23 24,25, 26, 27, 28, 29, 30
ซึ่งแสดงแผนภูมิดังต่อไปนี้
5 63.
ความสำคัญของหลักสูตรท้องถิ่น
ถึงแม้ว่าจะมีหลักสูตรแกนกลางหรือหลักสูตรแม่บทแล้ว
แต่ยังต้องมีการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
ทั้งนี้มีเหตุผลและความจำเป็นดังต่อไปนี้คือ (ใจทิพย์
เชื้อรัตนพงษ์ 2539:109-110)
1.1
หลักสูตรแกนกลางหรือหลักสูตรแม่บทได้กำหนดจุดหมายเนื้อหาสาระ
และกิจกรรมอย่างกว้างๆ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้คล้ายคลึงกัน
ทำให้กระบวนการเรียนการสอนมุ่งเนื้อหาสาระและประสบการณ์ที่เป็นหลักการทั่วๆ
ไปไม่สามารถประมวลรายละเอียดเกี่ยวกับสาระความรู้ตามสภาพแวดล้อม สังคม
เศษฐกิจ ปัญหาและความต้องการของท้องถิ่นในแต่ละแห่งได้ทั้งหมด
จึงต้องพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นให้มากที่สุด
1.2 การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจ
การเมือง
และด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผลกระทบโดยตรงต่อทรรศนะและการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งในเมืองและชนบท
จึงต้องมีหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อปรับสภาพของผู้เรียนให้สามารถรับกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ
ดังกล่าวโดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภูมิลำเนาท้องถิ่นของตน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาตน ครอบครัว
และท้องถิ่นตลอดจนดำเนินชีวิตอยู่ในท้องถิ่นของตนอย่างเป็นสุข
1.3
การเรียนรู้ที่ดีควรจะเรียนรุ้จากสิ่งที่ใกล้ตัวไปยังสิ่งที่ไกลตัวเพราะเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถดูดซับได้รวดเร็วกว่า
ดังนั้นจึงควรมีหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ชีวิตจริงตามสภาพเศรษฐกิจสังคมของท้องถิ่นตน
แทนที่จะเรียนรู้เรื่องไกลตัว ซึ่งทำให้ผู้เรียนไม่รู้จักตนเอง
ไม่รู้จักชีวิต
ไม่เข้าใจและไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเอง
นอกจากนี้
การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นจะช่วยปลูกฝังให้ผู้เรียนมีความรักและความผูกพัน
รวมทั้งภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน
1.4
ทรัพยากรท้องถิ่นโดยเฉพาะภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้านในชนบทของไทยมีอยุ่มากมายและมีค่าบ่งบอกถึงความเจริญมาเป็นเวลานาน
หลักสูตรแม่บทหรือหลักสูตรแกนกลางไม่สามารถนำเอาทรัพยากรท้องถิ่นดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ได้
แต่หลักสูตรท้องถิ่นสามารถบูรณาการเอาทรัพยากรท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านทั้งหลายมาใช้ในการเรียนการสอน
ไม่ว่าด้านอาชีพ หัตถกรรม เกษตรกรรม ดนตรี การแสดงวรรณกรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งมีผลทำให้ผู้เรียนได้รู้จักท้องถิ่นของตน
เกิดความรักความผูกพันกับท้องถิ่นของตน
และสามารถใช้ทรัพยากรท้องถิ่นในการประกอบอาชีพได้ 74.
ลักษณะ/รูปแบบของหลักสูตรท้องถิ่น
หลักสูตรท้องถิ่น
มี 2
ลักษณะ/รูปแบบ
คือ
1.
เป็นหลักสูตรที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการสร้างอย่างเท่าเทียมกับครู
และนักวิชาการจากภายนอก
เนื้อหาสาระ
โครงสร้างการจัดเวลา
การจัดการและการบริหารหลักสูตรเป็นไปตามแนวคิดและหลักการทีชาวบ้านในท้องถิ่นให้ความสำคัญ
และเห็นว่าเป็นความจำเป็นที่สมาชิกของท้องถิ่นนั้นจะต้องเรียนรู้เพื่อความอยู่รอด
ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่นนั้น
โดยเฉพาะมีการบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น
ความเป็นท้องถิ่น
กระบวนการเรียนรู้ตามวิถีท้องถิ่นกับความสามารถในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้เพื่อพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน
ชาวบ้านที่ร่วมสร้างหลักสูตรมีส่วนร่วมในการประเมินนักเรียน
2.
เป็นหลักสูตรที่ชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่นรวมตัวกันเป็นเครือข่ายจากหลายๆ
องค์กรทั้งภาครัฐ
เอกชนและกลุ่มธุรกิจเพื่อมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
หรือแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในชุมชน
เนื้อหาที่บรรจุในหลักสูตรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัญญาชาวบ้านโดยตรง
เป็นสิ่งที่ชาวบ้านให้ความสำคัญ
และเป็นสิ่งที่ชาวบ้านลงความเห็นร่วมกันว่าสามารถช่วยให้ชุมชนพัฒนาตนเองได้โดยคงความเป็นเอกลักษณ์ของตนไว้
ชาวบ้านจัดสรรงบประมาณทั้งหมดที่ใช้ในการพัฒนาและและดำเนินการเอง 5.
แนวทางการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นอาจมีขั้นตอนแตกต่างกันไปบ้าง
ตามแนวความคิดของนักการศึกษาและนักวิชาการ ดังนี้
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 (2544)
กล่าวในขั้นตอนการจัดหลักสูตรไว้ดังนี้
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สถานศึกษานำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษานั้นกำหนดโครงสร้างที่เป็นสาระการเรียนรู้
จำนวนเวลาอย่างกว้าง ๆ
มาตรฐานการเรียนรู้ที่แสดงคุณภาพผู้เรียนเมื่อเรียนจบ 12 ปี
และเมื่อจบการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้นของสาระการเรียนรู้แต่ละกลุ่ม
สถานศึกษาต้องนำโครงสร้างดังกล่าวนี้ไปจัดทำเป็นหลักสูตรสถานศึกษา
โดยคำนึงถึงสภาพปัญหา ความพร้อม เอกลักษณ์
ภูมิปัญญาท้องถิ่นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งนี้
สถานศึกษาต้องจัดทำรายวิชาในแต่ละกลุ่มให้ครบถ้วนตามมาตรฐานที่กำหนด
การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1
การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น
ขั้นที่ 2
การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
ขั้นที่ 3
การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตรระดับท้องถิ่น
ขั้นที่ 4 การกำหนดเนื้อหา8
ขั้นที่ 5 การกำหนดกิจกรรม
ขั้นที่ 6 การกำหนดคาบเวลาเรียน
ขั้นที่ 7 การกำหนดเกณฑ์
การวัดและประเมินผล
ขั้นที่ 8 การจัดทำเอกสารหลักสูตร
ขั้นที่ 9
การตรวจสอบคุณภาพและการทดลองใช้หลักสูตร
ขั้นที่ 10
การเสนอขออนุมัติใช้หลักสูตร
ขั้นที่ 11 การนำหลักสูตรไปใช้
ขั้นที่ 12 การประเมินผลหลักสูตร การปรับหลักสูตรให้เข้ากับสภาพสังคมของท้องถิ่นอาจจะดำเนินการในระดับเขตการศึกษา
ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ หรือระดับโรงเรียนก็ได้
การดำเนินการทุกระดับหากจะให้เป็นไปอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอนควรมีลำดับขั้นดังนี้
ขั้นที่ 1 จัดทำคณะทำงาน
ควรเลือกบุคคลที่มีความสามารถและมีความตั้งใจจริงในการปฏิบัติงานเป็น
สำคัญ
ขั้นที่ 2 ศึกษาสภาพข้อมูลพื้นฐาน
เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงภายในสังคม
ซึ่งจะเป็นประโยชน์
อย่างมากต่อการพัฒนาหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของท้องถิ่น
ขั้นที่ 3 กำหนดจุดมุ่งหมายสำหรับหลักสูตรท้องถิ่น
ว่าจะทำการพัฒนาโดยการปรับหลักสูตรกลาง
หรือสร้างหลักสูตรท้องถิ่นขึ้นมาเสริมนั้นควรให้บรรลุเป้าหมายอะไรบ้าง
ขั้นที่ 4
ดำเนินการเลือกเนื้อหาสาระที่มีอยู่ในหลักสูตรกลางที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความ
ต้องการของท้องถิ่นและ /
หรือจัดสร้างกระบวนวิชาขึ้นมาใหม่
ขั้นที่ 5
ดำเนินการใช้หลักสูตรตามที่ได้ปรับขยายไว้แล้วโดยมีการนิเทศติดตามผลการใช้อย่างใกล้ชิด
ขั้นที่ 6 ประเมินผลการใช้หลักสูตร เป็นขั้นที่มีความสำคัญมาก
เพราะจะทำให้ทราบว่าหลักสูตรที่
จัดทำขึ้นนั้นเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
ขั้นที่ 7 ทำการปรับปรุงแก้ไข
เป็นขั้นตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรว่าสมควรจะได้มีการปรับปรุงแก้ไข
ตรงจุดไหนจึงจะทำให้หลักสูตรเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์แก่การศึกษาในสังคม
ส่วนรวมและสังคมท้องถิ่นให้มากที่สุด แนวทางในการพัฒนาหลักสูตรนั้น
กรมวิชาการ (2545) ได้ให้แนวทางพัฒนาหลักสูตรเป็น 5 ลักษณะ
ดังนี้ 1.
การปรับกิจกรรมการเรียนการสอนหรือกิจกรรมเสริม
ให้สอดคล้องกับสภาพความต้องการของ
ท้องถิ่น
โดยไม่ทำให้จุดประสงค์ เนื้อหา คาบเวลาเรียน
ของรายวิชาพื้นฐานนั้นเปลี่ยนไป92.
การปรับหรือเพิ่มรายละเอียดหัวข้อของเนื้อหา
หมายถึง
การปรับเนื้อหาด้วยการลดหรือเพิ่มปรับ
รายละเอียดของเนื้อหา
โดยไม่ทำให้จุดประสงค์ คาบเวลาเรียน
ของรายวิชาพื้นฐานนั้นเปลี่ยนไป
3.
การปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน
เป็นการเพิ่มเติม ตัดทอน สื่อต่าง ๆ
ที่มีอยู่เพื่อความเหมาะสม
สอดคล้องกับท้องถิ่น โดยไม่ทำให้จุดประสงค์ คาบเวลาเรียน
ของรายวิชาพื้นฐานนั้นเปลี่ยนไป4.
การจัดทำสื่อการเรียนการสอนขึ้นใหม่
ทำได้โดยการจัดทำหนังสือเรียน
คู่มือครู หนังสือเสริม
ประสบการณ์
แบบฝึกหัด และเอกสารประกอบการเรียนการสอนขึ้นใช้ตามความเหมาะสม
ให้
สอดคล้องกับจุดประสงค์ เนื้อหา และสภาพท้องถิ่น
5. การจัดทำคำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติมขึ้นใหม่
เป็นการสร้างหลักสูตรท้องถิ่นทั้งรายวิชา
แต่ไม่
ซ้ำซ้อนกับรายวิชาที่เป็นรายวิชาพื้นฐาน
โดยศึกษาทั้งหลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรสถานศึกษา
ที่จัดทำไว้แล้ว
ลักษณะการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
2.1 ประเภทของหลักสูตรท้องถิ่น
หลักสูตรท้องถิ่นสามารถแบ่งเป็น 3
ประเภทคือ
2.1.1
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาโดยท้องถิ่นเองทั้งหมด
แต่ต้องเป็นไปตามนโยบายที่ส่วนกลางได้กำหนดไว้ เช่น
ในประเทศสหรัฐอเมริการัฐแต่ละรัฐสามารถจัดทำหลักสูตรของตนเองตามความต้องการของรัฐนั้นๆ
ได้ แต่ต้องไม่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลส่วนกลาง (Federal
Government) ที่ได้กำหนดไว้อย่างกว้างๆ
2.1.2
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นจากหลักสูตรแม่บทที่ส่วนกลางจัดทำ
กล่าวคือ ส่วนกลางของรัฐจัดทำหลักสูตรแม่บท
และเว้นที่ว่างให้ท้องถิ่นมีเสรีภาพในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา
และความต้องการของท้องถิ่น เช่น หลักสูตรประถมศึกษา
มัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2533
ในประเทศไทย เป็นต้น
หลักสูตรท้องถิ่นประเภทนี้จะพัฒนาได้เป็น 2 กรณี
คือ
ก.
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาโดยปรับบางส่วนของหลักสูตรแม่บท กล่าวคือ
เป็นการปรับองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของหลักสูตรแม่บท เช่น
ปรับรายละเอียดของเนื้อหาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา
และความต้องการของท้องถิ่น
ข.
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นเป็นรายวิชาใหม่
หรือการสร้างหลักสูตรย่อย เพื่อเสริมหลักสูตรแม่บท
โดยให้สอดคล้องกับสภาพ ปัญหาและความต้องการของท้องถิ่น
2.1.3
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาสำหรับท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ
เป็นหลักสูตรที่หน่วยงานในท้องถิ่นพัฒนาเป็นหลักสูตรเฉพาะกิจและเป็นหลักสูตรระยะสั้นๆ
เพื่อใช้กับชุมชนหรือท้องถิ่นตามความต้องการและความสมัครใจของผู้เรียน
รวมทั้งความสอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ
และวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่นนั้นๆ เช่น หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น
อาทิ หลักสูตรซ่อมมอเตอร์ไซด์ หลักสูตรตัดเย็บเสื้อผ้า
ที่จัดโดยกรมศึกษานอกโรงเรียนหรือกรมอาชีวศึกษาในประเทศไทย
เป็นต้น
จากการศึกษาแนวทางและกระบวนการในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นข้างต้นแล้วนั้น
จะพบว่าสถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นได้ทุกลักษณะ ได้แก่
การปรับกิจกรรมการเรียนการสอน
หรือกิจกรรมเสริมให้มีความสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
การปรับหรือเพิ่มรายละเอียดหัวข้อของเนื้อหา
การปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน
การสร้างหรือจัดทำสื่อการเรียนการสอนขึ้นใหม่
และการสร้างหลักสูตรท้องถิ่นโดยจัดทำเป็นรายวิชาขึ้นใหม่
โดยเมื่อจัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วจะต้องเสนอให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและกลุ่มงานบริหารวิชาการของสถานศึกษาเห็นชอบก่อนนำไปใช้จัดการเรียนการสอน
อาจารย์ ขอความกรุณาด้วยได้ไหม
ขอบรรณานุกรมด้วยจ๊ะ....เพราะต้องการนำไปอ้างอิง
การจัดทำการค้นคว้าอิสระ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ตะวัน
เป็นบทความที่ให้ความรู้แก่เพื่อนครูดีมากคะ
ขอบคุณมากนะคะ