การทักทายเล็ก ๆ กันกับคนที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วย อย่างเพื่อนร่วมงานทั้งในตอนเช้า หรือตอนเย็นก่อนกลับบ้าน จะนำมาซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างในการทำงานร่วมกันที่ผมจะขอเรียกว่า “ราบรื่น” และเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านได้ทำกันอยู่แล้วจนเป็นนิสัย
ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นกับ Dr.Ka-poom ทางโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อน และก็พบว่านักจิตวิทยาโดยทั่วไปจะเข้าใจและรับรู้เทคนิคนี้อยู่แล้วอย่างดี ยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นขึ้นเป็นอย่างมากกว่าสิ่งที่ได้ปฏิบัติอยู่ และได้รับผลจากการปฏิบัติอย่างอิ่มเอมอยู่นี้ถูกทางแน่แล้ว จึงอยากจะนำมาบอกเล่าเรื่องราวให้ได้ลองนำไปใช้กันดู เช่น
“เมื่อวานกลับตอนไหน”, “วันนี้ต้องมีอะไรดีแน่เลย เห็นยิ้มมาแต่ไกล”, “ดูสดใสนะวันนี้”, “จะกลับยังครับ กลับก่อนนะ วันนี้ผมมีคนรอ” ฯลฯ ทั้งนี้สีหน้า แววตา ถ้อยคำสำนวน ต้องจริงใจนะครับ และไม่ใช่แกล้งจริงใจ ต้องจริงใจด้วย Mind ตรงนี้เน้นเลย
สิ่งที่เขียนบันทึกนี้ผมเพิ่งจะได้นำไปแนะนำกับทีมสุขภาพเขตเมืองพัทลุง เมื่อคราวไปเป็นวิทยากรนำในการบูรณาการทีมฯ ที่เขาชัน และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมไตรภาคีร่วมพัฒนาสุขภาพชุมชนครับ
ขอเติมเต็ม..อีกเพียงเล็กน้อย
เอาความหมายตามภาษาพื้นๆ แล้วกันว่า Small
Talk คืออะไร โดยนัย...นั่น หมายถึง
การที่เราปรี่เข้าไปทักทายใครบางคนด้วยเจตนาที่ดีงาม..พูดคุย..มากกว่าการพูดทักทายว่า
"สวัสดี.."แต่มีแทรกและเจือปน
ด้วยเรื่องเล่า..ที่อาจใช้เวลาไม่นานนัก...แต่หากอาจเปี่ยมด้วย
"การแลกเปลี่ยนเรียนรู้"..นั่นจึงอาจหมายถึงและเรียกได้ว่า
Small Talk คือ..การเกิดกระบวนการ
KM
ได้โดยลงตัวแห่งความเป็นธรรมชาติ
นั่นเอง
ขอบคุณคุณสมศักดิ์ หากมีพัฒนาไปยังไงเล่ากันบ้างนะครับ
ต้องการตัวอย่างประโยคสนทนาSmall Talkเมื่อเจอกันในซุปเปอร์มาเก็ต
สวัสดีครับคุณต้นอ้อ