ที่มา : ในปี 2543 โรงพยาบาลได้มีนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้มาตรฐาน ซึ่งจะใช้มาตรฐานที่เป็นสากลเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการและเพื่อการเรียนรู้ด้วย จึงได้กำหนดให้ดำเนินการตามมาตรฐานISO14001 ซึ่งขณะนั้นเป็นมาตรฐานปี1996 (แม้จะมีISO14001 ปี2000 แต่เสร็จสมบูรณ์ภายหลัง เราจึงใช้ของปี1996ไปก่อน)
โรงพยาบาลได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ (ซึ่งมีทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยตรง ไม่ใช่ตั้งตามตำแหน่งหรือเกรงใจกัน ซึ่งข้อนี้แสดงไว้ชัดเจนในแนวทางของHA (มาตรฐานการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้โรงพยาบาลของรัฐใช้เป็นแนวทาง และต้องให้ผ่านการรับรองจากพรพ.)
การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมของรพ.จึงเริ่มขึ้นโดยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย(Thai Environment Instution ย่อว่า TEI ) ซึ่งเป็นNGO มาอบรมให้เรา ในตอนนั้นพวกเราก็เริ่มงงมากขึ้นว่า HA กับ ISO14001 มันต่างกันยังไง แถมพกมาด้วยเรื่อง CTเข้าไปอีก(ไม่ใช่ CT Scanอย่างที่เราเข้าใจในตอนแรก แต่ย่อมาจาก Cleaner Technology)
มาเริ่มจับทางได้ และเข้าใจกันหลังจากนั้น6-7เดือนทีเดียว (ตามสติปัญญาน่ะ) เรื่องISO14001กับ CT จะเล่าอีกทีในตอนหลัง
ตัวแทนที่มาจากงานต่างๆ ก็เข้าอบรมไปพร้อมกับความงงงวย เพราะคนอื่นเขาทำHA แต่พวกเราต้องทำ ISO14001 มันยังไงกันเนี่ย
ตกลงเราได้รับคำแนะนำจากTEI (เพราะอธิบายเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง แค่ HA ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากอยู่แล้ว) ให้ไปดูงานที่โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ ซึ่งเป็นรพ.เอกชนเพื่อนบ้านเราน่ะ เพราะเซ็นต์หลุยส์อยู่สาธร เราอยู่สีลม เขาก็ใจดีมากและเป็นบุญของเราที่เซ็นต์หลุยส์มีนโยบายให้ฟรีในเรืองนี้แถมต้อนรับเราด้วยขนมอร่อยมั๊กมาก (ขอบคุณนะคะ)
เราได้ไปเยี่ยม เซ็นต์หลุยส์ 2 ครั้งและได้รับ CD มาด้วยเพื่อให้เราได้ศึกษาข้อมูล (และ Copy ขออนุญาตฺตรงนี้ค่ะ) จากนั้นเราก็เริ่มดำเนินการจัดตั้งระบบในเอกสาร โดย
ส่งเอกสารให้อาจารย์ ที่ TEIอ่าน
และโดยไม่เจตนาพวกเราก็ต้องเข้าตรวจรับรองโดยไม่ทันเตรียมใจ (เข้าสอบครั้งนี้ยุ่งยากใจกว่าการสอบEntrance อีกแฮะ เครียดมาก )
เดชะบุญ (ที่จริงเพราะเราได้ดำเนินการจัดตั้งระบบตามแบบของรพ.เซ็นต์หลุยส์ ซึ่งทำไว้ดีมากๆ)เราผ่านการรับรองเมื่อวันที่.........2543 เพราะมีวี่แววว่ามีระบบ และพบว่ามีความมุ่งมั่นของผู้บริหารและทีม ( ยังไปบังอาจถามผู้ประเมินด้วย ว่า ให้เพราะเกรงใจหรือเปล่า คำตอบของ อจ.ที่มาประเมินฟังดูดี เป็นกำลังใจมั๊กมาก ว่า ที่ผ่านก็เพราะพวกเราทำมาตั้งเยอะแล้วนะ แต่ที่สำคัญก็ต้องรักษาระบบที่มีให้ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง) ก็ดีใจกันแต่เริ่มกังวลต่อ
เพราะพวกเราที่ทำงานพัฒนารู้ดีว่าการเป็น Champว่ายากแล้ว การครองChampน่ะเล่นเอาแทบถอดใจเลย ใช่ม้า?
การทำมาตรฐาน ISO14001 เนี่ยมีความกังวลหลายอย่าง เช่น
1 . ใครๆก็บอกว่า ISO เป็นของต่างประเทศ พวกเราเองแม้ไม่ใช่พวกนิยมไทยจัดก็อดหวั่นไม่ได้ว่าเราจะได้รับประโยชน์คุ้มมั๊ย ค่าใช้จ่ายจะมากดังที่เคยได้ยินมาหรือไม่
{ HA , ISO 2 คำนี้ไม่มีมาตรฐานไหนเขียนได้ด้วยภาษาไทยเลย มาจากนอกด้วยกันทั้งคู่ คนทำงานก็นั่งรถยุโรป รุ่นญี่ปุ่นมา รถเมล์ยังติดตรา BENZ เลย นอกจากนั่งตุ๊กๆ นั่นน่ะไทยแท้ ....หรือเปล่า? เอาเถอะลองใช้ของนอกอีกซักที) ส่วนค่าใช้จ่ายยังบอกไม่ได้เพราะไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้แน่ เท่าที่ทราบขณะนี้การประเมินโดยระบบISO มีสำนักงาน.........ซึ่งเป็นของไทย เป็นผู้ให้การรับรองหน่วยงานที่ตรวจประเมิน ก็คือหน่วยงานที่มาตรวจและรับรองเรา (ที่เรียกว่า Certified Body )จะต้องมีการสอบเพื่อให้ผ่านมาตรฐานผู้ตรวจเหมือนกัน คือมีการตรวจประเมินผู้ตรวจอีกที (ไม่งงนะ) เพราะเขาต้องแน่ใจว่าการรับรองมีมาตรฐานระดับหนึ่ง ไม่ควรจะซื้อใบรับรองกันได้ (อันนี้คงไม่ 100 % อย่า serious )
2 . การพัฒนาคุณภาพที่ทำทั้ง HA ทั้งISO14001 จะเป็นคนละเรื่องเดียวกันหรือเปล่า เราจะผ่าเหล่า แตกกอไปจาก HA หรือเปล่า
3. ระบบจะยั่งยืนต่อเนื่องได้อย่างไร เนื้อหาการพัฒนาจริงๆนอกเหนือจากตัวระบบการจัดการล่ะ คืออะไร ต้องทำตรงไหนบ้าง
4 .ระบบISO เขาทำในงานอุตสาหกรรมเรามันโรงพยาบาลจะทำได้ประโยชน์เร้ออออ!!! ใครเขาทำกัน
รู้สึกว่ารพ.เราจะเป็นแห่งแรกๆ (ไม่เกิน10)ในโลกที่ใช้ระบบนี้ ซะด้วย พวกที่ทำมันบ้าหรือเปล่า ในตอนแรกก็เคลิ้มคิดว่าไปซะแล้ว เหมือนกันนะ เพราะทำอะไรแปลกๆขึ้นมาหลายอย่างทีเดียว
นี่แหละปัญหาของการครอง Champ นึกขึ้นมาจมูกมันรู้สึกคัดๆยังไงไม่รู้ ตอนยังไม่ได้การรับรองก็อยากได้ พอได้แล้วชักหวั่นสิเรา
วัตถุประสงค์ของบล็อก : อยากเล่าเรื่องที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ในการทำระบบISO14001ในช่วงปี2000-2003 ในโรงพยาบาล
ไม่มีความเห็น