โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในสถาบันบำราศนราดูรส่วนที่ต้องคำนึงถึง
9 กุมภาพันธ์
2549
วันนี้ทาง คุณจันทรา จากศูนย์พัฒนาคุณภาพได้เชิญ อาจารย์ทัศนีย์ สุมามาลย์ Surveyor จาก พ.ร.พ. มาให้ความรู้เรื่องโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในส่วนที่สถาบันไม่ได้แสดงให้เห็นชัดในมิติของนโยบายและการดูแลผู้ป่วยในที่จะบอกได้ว่า คนไข้ที่ Admit แล้วหลังจากกลับไปจะช่วยตัวเองได้ หัวใจของการให้ความรู้ในวันนี้น่าจะเป็นส่วนของ Learning, Participation, และ Empowerment
ในความเป็นจริงทางสถาบันได้ใส่ Empowerment ไว้ใน Core value แต่ความเข้าใจอาจจะไม่ตรงกัน อาจารย์ได้ให้ความรู้ในส่วนที่เจ้าหน้าที่ยังขาดความเข้าใจดีมาก หลังจากการให้ความรู้ในวันนี้คาดว่าชาวบำราศจะเตรียมตัวสำหรับการสอบซ่อมในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 ได้ดียิ่งขึ้น ในสมัยก่อนการให้ข้อมูลผู้ป่วยมักจะเป็นลักษณะ Education หรือให้สุขศึกษา แต่แนวทางของโรงพยาบาลสำหรับสุขภาพต้องเน้นที่การให้ผู้ป่วยต้องช่วยตัวเองได้ทั้งกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ
10 กุมภาพันธ์ 2549
ในเวลากลางวันช่วง 12.00 – 13.00 น. ปกติจะมีการประชุมผู้บริหารเพื่อประสานงานและแก้ปัญหาในช่วงเตรียมการให้ พ.ร.พ. มาเยี่ยมอีกครั้งในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 คุณหมอนภา จิระคุณ ได้เตรียม Slide เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่หัวหน้าตึกที่ พ.ร.พ. (อาจารย์ทัศนีย์) จะมาตรวจเยี่ยมอีกครั้ง เพื่อดูขบวนการส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยและการเตรียมผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน คุณหมอนภาได้เตรียม Slide เป็นอย่างดีเหมาะสำหรับตึกต่างๆ จะนำไปดัดแปลงไปใช้ สิ่งที่เป็นปัญหาอาจจะเป็น Learning Setting ซึ่งในช่วง พญ.นันทา อ่วมกุล มาช่วยแนะนำเราไม่ได้กล่าวมากทำให้เราต้องมาเพิ่มเติมและเตรียม Case 5 case เสนออาจารย์ เจ้าหน้าที่เราท่าทางจะวิตกกังวลเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะพอทำได้
ในช่วง 15.00 – 16.00 น. ผู้อำนวยการได้เชิญระดับหัวหน้างานมา Review เรื่อง HPH เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันและทราบโยบาย ซึ่งผู้อำนวยการจะได้กล่าวไว้บ่อยๆ แต่อาจจะไม่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานชัดเจน
14 กุมภาพันธ์ 2549
วันนี้ในเวลา 12.00 – 13.00 น. พญ.จริยา แสงสัจจา ประธานยาได้เชิญแพทย์เข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษาเรื่องการให้ความร่วมมือเกี่ยวกับ Drug error ส่วน พญ.รุจนี สุนทรขจิต ก็ได้เสนอถึงการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องการส่งยาผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยมียาที่ต้องรับประทานก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและได้พัฒนาแนวคิดเรื่องการกำหนด High Alert Drug ให้เป็นไปตามแต่ละหน่วยงาน ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการใช้ยาแตกต่างกันแล้วแต่โรคที่ผู้ป่วย Admit
ในเวลา 15.30 ผู้อำนวยการได้กล่าวถึงนโยบายที่บุคลากรควรจะต้องทราบหลังจากประเมิน HA และ HPH เพื่อเตรียมการรับภาวะการประเมินผลของระบบราชการและระบบคุณภาพที่กลุ่มอำนวยการผู้เข้าประชุมเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มอำนวยการ จำนวน 120 คน
วาระที่ 1 แนวทางการทำงานของสถาบันหลัง H.A. โดย ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร
วาระที่ 2 วิกฤตการณ์ 7 วัน ก่อน H.A. โดย นายดิเรก สุขแจ่ม และนายธนู คุณยศยิ่ง
วาระที่ 3 สรุปผลการตรวจเยี่ยมงานสิ่งแวดล้อมฯ และงานกลุ่มอำนวยการ (เราได้อะไร / H.A. ให้อะไร) โดย รองผู้อำนวยการสถาบันฝ่ายอำนวยการ
วาระที่ 4 หลัง H.A. เราจะทำอะไร โดย รองผู้อำนวยการสถาบันฝ่ายอำนวยการ
ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร (แพทย์หญิงอัจฉรา เชาวะวณิช)
ให้ความรู้ เรื่อง การจัดการความรู้ (KM) และแนวทางการดำเนินงานหลังเยี่ยมสำรวจรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (HA)
เรื่องเจ้าหน้าที่ ต้องมีสุขภาพแข็งแรง / รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ / ไม่ดื่มสุรา / ไม่สูบบุหรี่ เรื่องผู้ป่วย ต้องดูแลตัวเองได้ / ไม่กลับมาในเวลาไม่สมควร เรื่องญาติผู้ป่วย ต้องมีสุขภาพแข็งแรง / รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
นายดิเรก สุขแจ่ม หัวหน้างานสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และซ่อมบำรุง
สรุปสาระสำคัญ
เมื่อได้รับนโยบายจากผู้บริหาร ก็รู้สึกหนักใจ เพราะในอดีตมีอาคารไม่มาก งานก็น้อย ปัจจุบันอาคารต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตลอดจนต้องทำงานรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยจากการที่ได้รับการอบรม เรื่อง KM ทำให้มีกำลังใจขึ้น เพราะรู้จักคิดในทางที่ดี เอาเรื่องที่ประสบความ สำเร็จมาใช้ในการทำงาน เข้าใจบทบาทของตนเองที่จะขายบริการด้านใดให้กับองค์กรภายนอก และภายในก็เลยสนใจที่จะทำงาน ขยะ และน้ำเสียให้มีคุณภาพ
ความภูมิใจจากสิ่งที่ทำก็คือ คำวิจารณ์จากคณะผู้เยี่ยมสำรวจ การได้รับความร่วมมือร่วมใจจากเพื่อนร่วมงานทุกคน
นายธนู คุณยศยิ่ง หัวหน้างานซ่อมบำรุงทั่วไป
อดีตงานซ่อมบำรุง จะทำงานซ่อมต่อเมื่อมีผู้แจ้งซ่อมเท่านั้น ซึ่งเป็นการทำงานสืบต่อกันมาเป็นวัฒนธรรมเดิมๆ ไม่มีแผน ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการพัฒนา ต่อมาเมื่อมีการรับรองคุณภาพ ISO จึงได้มีการพัฒนาระบบงานขึ้นมาระดับหนึ่ง จนกระทั่งมีกระแส HA จึงได้มีการจัดอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เช่น การจัดความรู้ (KM) ทำการ BSC มาใช้การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง CQI ฯลฯ ทำให้มีแนวคิดที่จะพัฒนางานเพิ่ม ขึ้น เริ่มเน้นผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง และการทำงานเชิงรุก โดยจัดทีมช่างเยี่ยมตามตึกทุกวันจันทร์ และรับแจ้งซ่อมทางโทรศัพท์ ตลอดจนจัดแบ่งทีมช่างดูแลรับผิดชอบบำรุงรักษากลุ่มอาคารต่างๆ
ผลจากการพัฒนา
เราทำงานอะไรก่อน HA
ช่วงเวลา 1 เดือน มีความวุ่นวายมาก เพราะแต่ละตึก แต่ละงานก็ต้องการปรับปรุงงานของตนเอง ทุกงานต้องการเร่งด่วนทั้งสิ้น ต้องระดมสมอง และสรรพกำลังช่วยกันอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้คำนึงเวลาปฏิบัติปกติ รีบทำงานให้เพื่อนร่วมงาน และงานของตนเองจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สิ่งที่ได้จากประสบการณ์ครั้งนี้
1. การมองเป้าหมายใหญ่เป็นสำคัญ
2. ความสามัคคี กำลังใจ การปฏิบัติตามพรหมวิหาร 4
3. การปฏิบัติให้ต่อเนื่อง จนเป็นนิสัย และเป็นประเพณี
4. การวางแผนล่วงหน้า
นายศิริชัย เลี้ยงอักษร รองผู้อำนวยการสถาบันฝ่ายอำนวยการ
สรุปผลการเยี่ยมสำรวจของ HA ได้รับคำชมเชย 2 ประเด็น ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2 ประเด็น
1. เราได้อะไร / HA ให้อะไร เราได้อะไร
2. หลัง
HA เราจะทำอะไร
ขอเป็นกำลังใจอีกคนค่ะ
ช่วงเดือน กค.-กย.48บำราศฯของเราได้มีกิจกรรมกลุ่มCOPลดนำหนัก(BMI>29) ประมาณ 54 คนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาสมาชิกภายในกล่มหลังจากนั้นคุณกรองแก้ว(ทีมส่งเสริมสุขภาพ)ได้เชิญผ้เชียวชาญด้านอาหารและออกกำลังกายมาให้ความรู้สลับกับให้สมาชิกกลุ่มได้ลองนำสูตรอาหารไปทดลองปฏิบัติและนำมาแลกเปลี่ยนกันเช่นสูตรพระเทพฯ มีสมาชิกท่านหนึ่ง"คุณตระกาน"ได้เสนอตัวเองจัดทำอาหารลดนำหนักสำหรับเพื่อนๆ วันละ 2 มื้อๆละ 30 บาทโดยมีคุณศุภิดาจัดทำเมนูอาหารลดนำหนักให้ มีสมาชิกในกลุ่ม 7 ท่าน ทดลองประมาณ 2 สัปดาห์และได้แนวทางไปปรับใช้สำหรับตนเอง ในส่วนการออกกำลังกายจะมีรำไม้พลองป้าบุญมี รำดอกบัว แอโรบิค และลีลาศ สลับกันไป ตลอดระยะเวลา 3 เดือนจากการพูดคุยกับสมาชิกกล่มได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน มีสมาชิก 5 ท่านที่มีการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งนำหนักลดได้>10% ซึ่งประสบการณ์ของทั้ง 5 ท่านเป็นที่ประทับใจทีมงานอย่างมากถ้ามีโอกาสจะได้เล่าสู่กันฟังต่อไป
บทเรียนที่สำคัญที่ได้รับและคิดว่ามีประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนางานต่อไป คือ "การทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างตอบแล้วเอามารวมกันส่ง" เพราะทีแรกคิดว่าพอเราถูกมาเยี่ยมสำรวจซ้ำเฉพาะจุด (Focus Survey) แล้วคงหมดปัญหา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกข้อมูลที่เราตอบ พรพ.ไป จะต้องเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งแต่ระดับสถาบัน ระดับทีมนำทางคลินิก ระดับทีมเฉพาะด้านและระดับหน่วยงาน ซึ่งพวกเราทุกคนต่างก็รับผิดชอบในงานของตนเองเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ขาดการเชื่อมโยงกันจริง ๆ เช่น เรื่องความเสี่ยงด้านยาที่ตอบในข้อมูลระดับสถาบัน และกรรมการความเสี่ยงนำเสนอในกรณีพึงสังวรณ์ ก็ต้องดูข้อมูลของคณะกรรมการยาว่ามีประด็นนี้หรือไม่ เป็นต้น
จากการที่ได้ร่วมไปในทีมอ.ทัศนีย์ ในการประเมินด้าน HPH ได้เห็นโอกาสพัฒนาที่เป็นประโยชน์ในหลายๆด้านโดยเฉพาะการ empower ตนเอง ซึ่งคิดว่าเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป จะ empower ตนเองอย่างไรให้มีอิทธิบาท 4 กับการทำงาน ถ้าทำได้ถือว่าได้สร้างกุศลให้กับตนเองและสถาบันอย่างน่าอนุโมทนา
อยากให้ปิ่งและมอมอ่านของอาจารย์วิจารณ์ในเรื่องkMภาคปฏิบัติตอนที่14 15 16 เรื่องการพัฒนาบุคลากรค่ะ
อัจฉรา
สิ่งที่แสดงว่าชาวบำราศฯ เอื้ออาทรต่อผ้ป่วยและอยากช่วยให้พ้นทุกข์ที่นอกเหนือจากการป่วยทางกาย ก็คือกำเนิดหน่วยงานแนะแนวฯ ในปีประมาณ 2534 และกำเนิดชมรมกัลยาณมิตรพิชิตทุกข์ ในปี 46 ซึ่งในส่วนของชมรมกัลยาณมิตรพิชิตทุกข์ เกิดจากเจ้าหน้าที่บำราศฯเห็นและเข้าใจในความทุกข์ของผ้ป่วยมีจิตใจอยากช่วยเหลือผ้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี โดยช่วยกันบริจาคเงินคนละ 100 บาทต่อเดือนเพื่อเป็นทุนสำหรับเด็กติดเชื้อฯซึ่งนับวันจำนวนเงินบริจาคก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้ผ้มีส่วนร่วมและรับร้ได้อนุโมทนา สาธุ ด้วยค่ะ