ในระบบการปกครองท้องถิ่นของประเทศสหภาพพม่านั้น พม่าแบ่งการปกครองออกเป็นมณฑลและรัฐ
หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด
ประเทศ
ในระบบการปกครองท้องถิ่นของประเทศสหภาพพม่านั้น
พม่าแบ่งการปกครองออกเป็นมณฑลและรัฐ พม่าเรียกมณฑลว่า
ตาย (96b'Nt) และเรียกรัฐว่า ปะหยี่แหน่
(exPNopN) สหภาพพม่ามีตาย ๗ ตาย
และอาจเรียกตายทั้ง ๗ รวมกันว่า ปะหยี่มะ (exPN,)
ซึ่งอาจแปลว่า“แผ่นดินใหญ่” ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อยู่ตอนกลางของประเทศ
และประชากรที่อยู่ในปะหยี่มะจะเป็นชนเชื้อสายพม่าเป็นส่วนมาก
ส่วนปะหยี่แหน่นั้น อาจแปลว่า “แผ่นดินย่อย”
เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่รอบนอกปะหยี่มะ
และประชากรส่วนใหญ่ในปะหยี่แหน่จะมิใช่ชนเชื้อสายพม่า
หากแต่เป็นชนเผ่าอื่นๆ อาทิ กะฉิ่น กะเหรี่ยง ฉิ่น ฉาน คะยา มอญ ยะไข่
ฯลฯ พม่ามีปะหยี่แหน่ทั้งหมด ๗ ปะหยี่แหน่
ในภาษาอังกฤษ เรียก ตาย ว่า Division และเรียก
ปะหยี่แหน่ว่า State ในภาษาไทย ตายอาจเทียบได้กับ
มณฑล หรือ จังหวัด ส่วนปะหยี่แหน่นั้น อาจแปลว่า รัฐ
ในแต่ละตายและปะหยี่แหน่จำนวน ๑๔ เขตการปกครองนี้
พม่าจะแบ่งการปกครองในแต่ละเขตเป็นระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน
พม่าเรียกอำเภอว่า ขะหย่าย (-U6b'N = district)
เรียกตำบลว่า มโยะแหน่ (1,bhopN = township)
และเรียกหมู่บ้านว่า ย-หว่า หรือ
เจ-ย-หว่า (U:k หรือ gdytU:k = village)
แต่ถ้าเป็นเขตชุมชนเมืองที่มีเทศบาลหรือสุขาภิบาลจะเรียกว่า
ยะแกวะ (ixNd:dN) ซึ่งอาจแปลว่า ย่าน หรือ เขต
ในปัจจุบันพม่ามีอำเภอ ๖๔ ขะหย่าย มีตำบล ๓๒๔
มโยะแหน่ มีหมู่บ้าน ๑๓,๗๔๗ ย-หว่า และ
และย่าน ๒,๔๗๐ ยะแกวะ
พม่ายังมีคำสำหรับเรียก “เมือง” โดยทั่วไป ว่า มโยะ (1,bh)
คำนี้ใช้เทียบได้กับ มโยะแหน่ แต่ต่างกันที่
มโยะแหน่เป็นท้องที่ที่มีที่ว่าการตำบลตั้งอยู่
ในขณะที่มโยะเป็นท้องที่ในระดับตำบลโดยทั่วไป
จึงย่อมต่างจากเมืองในภาษาไทยที่คำว่าเมืองมักใช้เรียกท้องที่ในตัวจังหวัด
และหากเป็นเมืองหลวงพม่าจะเรียกว่า มโยะด่อ (1,bhg9kN)
ในที่นี้คำว่า ด่อ (g9kN)
เป็นคำลงท้ายนามที่เกี่ยวข้องกับประเทศหรือราชสำนัก
สำหรับ ขะหย่าย นั้น เคยใช้ในสมัยรัฐบาลอูนุ (ค.ศ.๑๙๔๘–๑๙๖๒)
แต่ในสมัยสังคมนิยมหรือยุคนายพลเนวิน(ค.ศ.๑๙๖๒–๑๙๘๘)กลับเลิกใช้คำนี้
โดยได้ใช้คำว่า แหน่มะเย (opNge,) ซึ่งแปลว่า
“เขต”แทนขะหย่าย
พอถึงปัจจุบันได้นำคำขะหย่ายกลับมาใช้ใหม่
อย่างไรก็ตาม
ชาวพม่าอาจไม่ทราบว่าพื้นที่ที่ตนอาศัยนั้นขึ้นอยู่กับขะหย่ายไหน
เพราะส่วนมากมักจะจำเพียงชื่อ มโยะแหน่ และชื่อ
ย-หว่า ที่ตนอาศัยอยู่เท่านั้น
ผู้ปกครองในระดับต่างๆ จะเรียกว่า อุกกะถะ (fd¡D) ซึ่งแปลว่า
“ประธาน”
โดยจะเรียกผู้ว่าการมณฑลว่าตาย-อุกกะถะ(96b'Ntfd¡D)
เรียกผู้ว่าการรัฐว่า ปะหยี่แหน่-อุกกะถะ
(exPNopNfd¡D) เรียกนายอำเภอว่า ขะหย่าย-อุกกะถะ
(-U6b'Nfd¡D) และเรียกกำนันว่า มโยะแหน่-อุกกะถะ
(1,bhopNfd¡D) ส่วนหมู่บ้าน หรือ ย-หว่า นั้น
จะมีผู้ใหญ่บ้านปกครอง เรียกว่า
เจ-ย-หว่า-อุกกะถะ(gdytU:kfd¡D)
หรือย-หว่าตะจี (U:kl^Wdut)
ปัจจุบันผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น อุกกะถะ ในระดับมณฑล
รัฐ และขะหย่ายจะเป็นนายทหารเท่านั้น
ระดับมณฑลหรือรัฐจะมีนายทหารยศระดับพลตรีหรือ โบโจะ
(r6b]N-y7xN) ขึ้นไปเป็นอุกกะถะ
และอุกกะถะของมณฑลหรือรัฐนั้นจะกินตำแหน่งแม่ทัพภาค หรือ
ตายมู (96b'Nt,qt) อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
ส่วนในระดับขะหย่ายนั้นจะมีนายทหารยศระดับพันตรีหรือ
โบมู (r6b]N,qt) ขึ้นไปเป็นอุกกะถะ
สำหรับระดับมโยะแหน่และย-หว่านั้น
ปัจจุบันผู้ปกครองจะเป็นพลเรือน ซึ่งเรียกว่า
อยัตตา (vixNlkt)
โดยจะได้รับการเสนอแต่งตั้งจากขะหย่ายอุกกะถะซึ่งเป็นนายทหารระดับนายพัน
ปกติอุกกะถะในระดับมโยะแหน่ซึ่งเป็นพลเรือนจะต้องผ่านการศึกษาด้านการปกครองของกระทรวงมหาดไทย
และส่วนใหญ่มักจะต้องผ่านการศึกษาในระดับปริญญาตรีมาก่อน
ส่วนอุกกะถะในระดับย-หว่านั้นควรต้องจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ที่พม่าเรียกว่าเกรด ๑๐
พม่ามีคำที่นิยมใช้เรียก “ประเทศ” อยู่ ๒ คำ คือคำว่า
ปะหยี่(exPN) และ ไหน่หงั่ง (O6b'N'")
เดิมทีคำว่าปะหยี่นั้นจะหมายถึง “เมืองที่กษัตริย์ประทับ”
ปัจจุบันมีความหมายเท่ากับประเทศ
และเทียบได้กับคำว่าเมืองที่ทางไทยก็หมายถึงประเทศได้
อย่างไรก็ตามมักใช้ปะหยี่กับบางประเทศเท่านั้น เช่น
เมืองญี่ปุ่น พม่าจะเรียกว่า จะปังปะหยี่ (8yxoNexPN)
เมืองพม่าจะเรียกว่า เมียนมาปะหยี่
(e,oN,kexPN) เมืองจีนจะเรียกว่า ตโยะปะหยี่
(9U69NexPN) ส่วนอินเดียอาจเรียกว่า กะลาปะหยี่(d6]ktexPN)
แปลว่า “เมืองแขก” เป็นต้น ส่วน
ไหน่หงั่ง พบใช้มากกว่า ปะหยี่ เช่น
เรียกประเทศไทยว่า ไท้ไหน่หงั่ง (56b'NtO6b'N'")
และเรียกประเทศลาวว่า หล่าโอไหน่หงั่ง
(]kv6bO6b'N'") เป็นต้น
โดยนัย ไหน่หงั่งจะหมายถึง
“ประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย” บ้างว่า น่าจะหมายถึง
“ประเทศที่เกิดขึ้นด้วยการชนะศึก” เพราะ ไหน่ (O6b'N)
แปลว่า ”มีชัยชนะ”
และมองว่าชาวพม่าสามารถรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นจากการทำศึกสงครามใน ๓
ยุคสมัย คือ สมัยอโนรธาแห่งพุกาม สมัยบุเรงนองแห่งตองอู-หงสาวดี
และยุคอลองพญาแห่งคองบอง จึงเรียกว่าประเทศในยุคนั้นว่า อาณาจักร หรือ
ไหน่หงั่งด่อ (O6b'N'"g9kN)
สำหรับผู้นำสูงสุดของประเทศในคณะรัฐบาลทหารในปัจจุบันนั้น จะเรียกว่า
ไหน่หงั่งด่อ-อุกกะถะ (O6b'N'"g9kNfd¡D)
แปลว่า “ประธานประเทศ” ปัจจุบันก็คือ พลเอกตันฉ่วย ส่วน ประชาชน หรือ
ราษฎร นั้น พม่าจะใช้ว่า ปะหยี่ตู่-ปะหยี่ตา
(exPNl^exPNlkt) หรืออาจจะเรียกว่า ไหน่หงั่งตา
(O6b'N'"lkt) ก็ได้
พม่าปกครองด้วยรัฐบาลทหารซึ่งเรียกว่า
ซิจ-อโซยะ(00Nv06bti)
ผู้ปกครองจึงเป็นนายทหารจากกองทัพแห่งชาติ ซึ่งเรียกว่า
ตัตมะด่อ (9xN,g9kN)
ในการปกครองระดับท้องถิ่นก็จะมีกองทัพภาคคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ระดับมณฑลหรือรัฐลงไป
โดยเฉพาะนายทหารระดับพันตรีขึ้นไปที่ปกครองระดับอำเภอจะมีอำนาจและมีอิทธิพลในระดับท้องถิ่นค่อนข้างมาก
จนมีคำกล่าวจากชาวบ้านค่อนแคะทหารไว้ว่า “หากบวชพระมา ๑๐ พรรษา
หรือเป็นทหารมา ๑๐ ปี ยังสึกหรือออก ถือว่าใช้ไม่ได้ !! ”
ทั้งนี้เพราะชาวพม่ามองว่าไม่มีอาชีพใดมั่นคงและสุขสบายไปกว่าการเป็นพระหรือทหาร
และยังกล่าวอีกว่าหากบวชหรือเป็นทหารมานาน
ก็คงไม่อาจคิดอ่านหรือริเริ่มทำอาชีพอื่นได้ดี ด้วยพระนั้นรู้แต่ธรรมะ
ส่วนทหารนั้นก็ถนัดเพียงรับคำสั่ง
จึงไม่เหมาะกับชีวิตสามัญที่ต้องดิ้นรน
วิรัช
นิยมธรรม