การตั้งชื่อ
ชาวพม่าไม่ใช้นามสกุล
แต่ละคนจะมีชื่อเป็นนามตัวเท่านั้น พ่อ แม่
ลูกและพี่น้องจึงไม่มีนามบ่งชี้ความสัมพันธ์อย่างเด่นชัด
และภรรยาจึงไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุลตามสามี
ชื่อพม่ามักต้องเป็นชื่อที่มีความหมายเป็นมงคล
บ่งบอกรูปลักษณ์และลักษณะนิสัย
ชื่อที่นิยมใชัมักประกอบด้วยคำดังต่อไปนี้
หม่อง (g,k'N)
“หนุ่ม”
นุ (O6 )
“อ่อน, นุ่ม”
อ่อง (gvk'N )
“ชนะ”
หนั่ย ( Ob6'N)
“สามารถ”
จ่อ (gdykN)
“โด่งดัง”
โฉ่ (-y7b )
“หวาน”
ขิ่ง ( -'N)
“รัก ,
สนิท”
หละ ( ]a)
“สวย”
ข่าย (-6b'N)
“ทน”
เส่ง ( 0boN)
“เพชร”
ฉเหว่
(gU)
“ทอง”
มยะ(e,)
“มรกต”
เตง ( lboNt)
“แสน”
ตัน ( loNt)
“ล้าน”
เอ (
gvt)
“เย็น”
หนี่
(ou)
“แดง”
ผยู่
(ez&)
“ขาว”
จี่ ( EdPN)
“แจ่มใส”
ทูน
(5:oNt)
“รุ่งจรัส”
อู ( fut)
“แรก , ต้น”
ชาวพม่านิยมชื่อที่ให้ความหมายอันน่าภาคภูมิ
แสดงความมั่งมีศรีสุขและแฝงด้วยเสน่ห์ เช่น นายหย่านอ่อง
(ioNgvk'N) แปลว่า “ ชนะศัตรู” นายเมตตาอ่อง (g,99kgvk'N) แปลว่า
“ได้รับเมตตา” คือมีนัยว่า“ ชนะใจ” นายตันฉ่วย (loNtgU) แปลว่า
“ทองเป็นล้าน” นายเตงหนั่ย (lboNtOb6'N) แปลว่า “แสนชัย”
นายจ่อเตงเด (gdykNlboNtg{t) แปลว่า
“ร่ำรวยเงินแสนระบือนาม” นายเนลีงแทะ ( go]'Nt5dN) แปลว่า
“คมแสงตะวัน” นางตันตีง (loNt9'N) แปลว่า “เทิดล้าน”
นางโฉ่โฉ่หละ (-y7b-y7b]a) แปลว่า “หวานสวย ”
นางมยะโมหนั่ย (e,,b6tOb6'N) แปลว่า “ ได้ชัยฝนมรกต ” นางนุนุ
(O6O6) แปลว่า “ นิ่มนวล”
ผู้หญิงพม่านิยมใช้ชื่อที่ให้ความหมายอ่อนโยนน่ารัก
ในขณะที่ผู้ชายนิยมชื่อที่มีนัยเข้มแข็ง มั่งมีและชาญฉลาด
ในสมัยพุกาม มีการตั้งชื่อด้วยคำว่า ตี่ง (l'N)
เป็นคำเก่าที่มีนัยว่า “ อิสระ” มักหมายถึง
“ผู้ประเสริฐ”หรือ “ภิกษุ” ปัจจุบันเป็นคำสรรพนามหมายถึง “ท่าน”
มีการสันนิษฐานไว้ว่า คำนี้น่าจะนิยมใช้ในสมัยนั้น
ก็เพื่อต้องการจำแนกตัวเองให้ต่างจากผู้ตกเป็นทาส
โดยเฉพาะทาสพุทธเจดีย์ ที่เรียกว่า พยาจู่น
(46iktdyoN ) คำว่า จู่น (dyoN ) นั้นหมายถึงทาส
และคำว่า พยา (46ikt) หมายถึง พุทธเจดีย์
การเป็นทาสพุทธเจดีย์ถือว่ามีฐานะต่ำต้อย อันที่จริงคำว่า
จู่นที่แปลว่า ทาส นั้น
ได้ใช้เรื่อยมาเป็นคำสรรพนามอย่างสุภาพในคำว่า จู่นด่อ
(dyoNg9kN) แปลว่า “กระผม” หรือ “ข้าหลวง” และ จู่นมะ (dyoN, )
แปลว่า“ ดิฉัน” หรือ “ข้าหญิง” การเรียกตนเองเป็น “ข้า”
ในภาษาพม่ากลับดูสุภาพในปัจจุบัน ส่วนคำว่า ตี่ง
อาจใช้ว่า อะตี่ง (vl'N) ในความหมายว่า “
คุณท่าน”ได้เช่นกัน
ในการตั้งชื่ออาจตั้งตามลำดับผู้เกิดก่อนหลัง
เช่นหากเป็นลูกคนโต จะใช้คำว่า อู (fut) แปลว่า “แรก ,ต้น”หรือ
จี(Wdut) แปลว่า “ใหญ่” ประกอบชื่อ หากเป็นคนกลางจะมีคำว่า ลัต
(]9N) และหากเป็นคนสุดท้องจะมีคำว่า แหง่ ('pN) เล (g]t) หรือ
ทเว หรือ ทวย (g5:t) เช่น พระนางสุพยาลัต (06z6ikt]9N)
เป็นพระธิดาคนกลางของพระนางอะเลนันดอ
มเหสีของพระเจ้ามินดง พี่สาวของพระนางสุพยาลัตมีพระนามว่า
สุพยาจี (06z6iktWdut) และน้องสาวของพระนางมีพระนามว่า สุพยาแหง่
(06z6ikt'pN)
คนพม่ามักเชื่อเรื่องโชคลาง
เด็กบางคนอาจมีชื่อเล่นเป็นชื่อทำนองให้ผีชัง เช่น เจ้าหมา
('g-:t) เจ้าดำ (',PNt) เจ้าขี้เหล่ (U6xNCb6t)
เจ้าขี้แมว (gEdk'Ng-yt)
ชื่อเหล่านี้ตั้งเรียกเพียงชั่ววัยเด็กเท่านั้น
ชื่อบางคนมีความหมายพิเศษ เช่น
คนที่รอดพ้นจากภัยเกือบต้องสิ้นชีวิต อาจชื่อว่า แต๊ะเปี่ยง (ldNexoN)
แปลว่า “คืนชีพ,ฟื้น” หรือ คนที่พี่ตายไปก่อนอาจชื่อว่า หม่องจ่าง
(gvk'NdyoN) แปลว่า “ นายเหลือ”
นอกจากนี้การตั้งชื่อของชาวพม่ายังนิยมตั้งตามวันที่เกิด
โดยกำหนดอักษรประจำวันเป็นอักษรตัวแรกของชื่อ ดังนี้
วันอาทิตย์
เริ่มด้วยอักษร
อ (v)
วันจันทร์
เริ่มด้วยอักษร
ก (d ) ข (-
) ค (8
) ฆ
(S) ง (')
วันพุธ
เริ่มด้วยอักษร
จ (0 ) ฉ
(C) ช (=
) ฌ
(G) ญ (P)
วันพฤหัสบดี
เริ่มด้วยอักษร
ป (x ) ผ (
z) พ
(r) ภ
(4) ม (, )
วันศุกร์
เริ่มด้วยอักษร
ส (l) ห (s)
วันเสาร์
เริ่มด้วยอักษร
ต (9) ถ
(5) ท
(m) ธ
(T) น (o )
พม่าเชื่อว่าวันที่เกิดจะช่วยบ่งบอกลักษณะนิสัย
จึงมักนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลือกคู่ครองว่ามีดวงสมพงศ์กันหรือไม่
และเชื่อว่าหากทราบอักษรตัวแรกของชื่อก็พอจะคาดเดานิสัยใจคอได้
แต่ถ้าไม่ทราบชื่อก็ให้สังเกตตอนไปไหว้พระเจดีย์
เพราะชาวพม่านิยมไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดที่ตั้งอยู่รายรอบพระเจดีย์นั้น
วิธีนี้เป็นเพียงข้อชี้คร่าวๆ สำหรับคนที่เชื่อถือดวงชะตา
วิรัช
นิยมธรรม