เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าอโนรธาผู้เป็นปฐมกษัตริย์ในประวัติศาสตร์พม่ามีกล่าวถึงทั้งในจารึก พงศาวดารพม่า และตำนาน
สารัตภะจากตำราเรียนพม่า
:
อโนรธาปฐมกษัตริย์ผู้สร้างอาณาจักรเมียนมาและหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธศาสนา
เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าอโนรธาผู้เป็นปฐมกษัตริย์ในประวัติศาสตร์พม่ามีกล่าวถึงทั้งในจารึก
พงศาวดารพม่า และตำนาน
สำหรับในพงศาวดารนั้นมีเรื่องราวบางส่วนเขียนเป็นปรัมปรา
โดยให้ภาพของพระเจ้าอโนรธาเยี่ยงบุคคลในตำนาน อาทิ
การช่วงชิงบัลลังก์ด้วยการกระทำอัศวยุทธ์จนชนะเพราะพระอินทร์อุปถัมภ์
การสังหารทารกและหญิงมีครรภ์เพื่อกำจัดผู้มีบุญที่จะมาแย่งราชบัลลังก์
ปาฏิหาริย์ในการแสวงหาพระเขี้ยวแก้วยังเมืองจีนและลังกาทวีป
การทำลายอำนาจวิเศษที่ปกป้องเมืองสะเทิม
และการจบชีวิตของพระเจ้าอโนรธาเพียงเพราะถูกกระบือขวิด เป็นอาทิ
แต่ด้วยพม่าถือว่าพระเจ้าอโนรธาคือผู้เปิดหน้าประวัติศาสตร์พม่า
ดังนั้นเนื้อหาที่ปรากฏเป็นประวัติศาสตร์ชาติจึงละส่วนที่เป็นปรัมปราออกไป
คงไว้แต่เกร็ดทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับตีความด้วยศรัทธา
เพื่อเทิดเกียรติวีรกรรมและยกย่องความสามารถของพระองค์
สำหรับเรื่องราวของพระเจ้าอโนรธาที่ปรากฏในแบบเรียนระดับพื้นฐานของพม่าระบุถึงพระองค์ในฐานะผู้สร้างอาณาจักรเมียนมาให้ยิ่งใหญ่ในยุคแรก
วีรกรรมสำคัญของพระเจ้าอโนรธา คือ การสร้างความเป็นปึกแผ่นของอาณาจักร
และการส่งเสริมพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท
เนื้อหายกย่องพระเจ้าอโนรธาเยี่ยงวีรกษัตริย์มีกล่าวไว้ในแบบเรียนอ่านประวัติศาสตร์
สำหรับเกรด ๕ หน้า ๗-๘ ดังนี้
“พระเจ้าอโนรธาครองราชบัลลังก์พุกามในปี ค.ศ. ๑๐๔๔
ในเวลาที่ขึ้นครองราชย์นั้น
อาณาบริเวณของพุกามกินพื้นที่เพียงแถบเมืองพุกามและประเทศเมียนมาตอนกลางเท่านั้น
ต่อมาพระเจ้าอโนรธาได้ก่อตั้งราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งมั่นคงโดยรวมเอาเมืองประเทศราชเล็กๆที่แยกกันเป็นส่วนเสี้ยวในประเทศเมียนมาอยู่
ณ เพลานั้น และเพื่อให้เขตพุกามรวมตัวกันได้อย่างมั่นคงในเบื้องแรก
พระองค์จึงเริ่มดำเนินการให้มีเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง
มีการกั้นเหมืองฝายตามคูคลองในพื้นที่เจ้าก์แซอย่างเป็นระบบ
ในพื้นที่นั้นได้มีการขุดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้น ๗
แห่งโดยอาศัยน้ำจากแม่น้ำปางลองและแม่น้ำซอจี แล้วตั้งหมู่บ้านขึ้น ๑๑
แห่ง
นอกจากนี้ ยังจัดการดูแลสระ คลอง และลำชลประทานในพื้นที่ต่างๆ
อาทิ ต่องตวีงจี ยะมีตีง มีงบู และมิตถิลา
มีการขยายการเพาะปลูกด้วยการปรับปรุงสระมิตถิลาแล้วทดน้ำเข้าไป
ด้วยเหตุนี้ เขตเจ้าก์แซ เขตมีงบู
และเขตมิตถิลาจึงกลายเป็นอู่ข้าวตุนเสบียงสำหรับอาณาจักรพุกาม
พอมีเสบียงกรังบริบูรณ์เศรษฐกิจของชาติก็เติบโต
จากนั้นความรู้ด้านหัตถกรรม วิจิตรศิลป์
และวัฒนธรรมก็เติบโตดุจเดียวกับความเจริญทางเศรษฐกิจ
เมื่อเศรษฐกิจมั่นคงจึงได้เริ่มดำเนินการด้านความเป็นปึกแผ่นของอาณาจักร
โดยยกทัพไปตีสะเทิมซึ่งที่เป็นเขตของชาวมอญได้สำเร็จ
เมื่อชนะเมืองสะเทิมจึงได้นำพระไตรปิฎกพร้อมด้วยพระสงฆ์ผู้รอบรู้ตำราและช่างฝีมือชาวมอญมายังพุกาม
หลังจากนั้นจึงได้รวบรวมอาณาจักรเมียนมาทางตอนล่างไว้ด้วยการสงครามและวิธีทางการเมือง
นอกจากนี้ พระเจ้าอโนรธายังตียะไข่ได้ด้วย
เกียรติศักดิ์ของพระเจ้าอโนรธาได้ขจรไปทั่วอาณาจักรเมียนมาและยังเลยไปถึงอาณาจักรเชียงใหม่และอาณาจักรโยดะยา
จากการที่ชนะสะเทิมได้ในสมัยพระเจ้าอโนรธาแล้วนั้น
จึงเป็นเหตุให้สามารถดำเนินการปกครองอย่างเป็นระบบ
และสร้างเอกภาพโดยรวมให้กับอาณาจักรเมียนมา
อโนรธาธิราชเจ้ามิสบพระทัยในความเชื่อถืออันผิดๆของเหล่าอะเยจี
ดังนั้นจึงทรงดำเนินการให้พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทมีความรุ่งเรือง
ทรงสร้างวัด กู่ และเจดีย์ขึ้นทั่วไปในทุกแห่งที่เสด็จไปเยือน
ในบรรดาเจดีย์ที่โดดเด่นได้แก่เจดีย์ชเวซีโข่งที่พุกามและเจดีย์ชเวยีงที่มิตถิลา
อโนรธาธิราชเจ้ายังได้ทรงสร้างพระพิมพ์ที่มีพระนามของพระองค์ถวายไว้ในองค์พระเจดีย์ด้วยพระองค์เอง
พระพิมพ์เหล่านั้นพบได้ทั่วอาณาจักรเมียนมา
อโนรธาธิราชเจ้าทรงตั้งเมืองปราการ ๔๓
แห่งเพื่อป้องกันภัยจากน่านเจ้าที่อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรเมียนมา
นอกจากนั้นยังทรงจัดการให้มีทหารอย่างเพียงพอด้วยการตั้งเป็นเมืองสิบ
เมืองร้อย และเมืองพันขึ้นภายในอาณาจักร
อีกทั้งทรงจัดกองทัพให้เป็นสัดส่วนตามกำลังของเมืองและหมู่บ้านที่อยู่ในพระราชอำนาจ
อโนรธาธิราชเจ้าทรงคัดสรรและยกย่องผู้ที่มีความสามารถในอาณา-จักร
ทั้งนี้เพื่อให้อาณาจักรมีความเป็นปึกแผ่น
ดังนั้นจึงได้เกิดมีวีรบุรุษที่เก่งกล้าอย่างเต็มเปี่ยม
ในบรรดาวีรบุรุษที่โดดเด่น ได้แก่ จันสิตตา
งะถ่วยยู งะโลงและแผ่ และญองอูพี
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้การนำของของอโนรธาธิราชเจ้า
ชาวพุกามจึงสามารถตั้งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง
ก็ด้วยเพราะความสมานฉันท์”
ในแบบเรียนอ่านประวัติศาสตร์ สำหรับเกรด ๕ ดังกล่าวนั้น
สะท้อนภาพความเป็นวีรบุรุษของพระเจ้าอโนรธาในด้านวิสัยทัศน์ทางการปกครอง
พระองค์ได้สร้างความเป็นปึกแผ่นด้วยการรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยและยกทัพไปตีเมืองสะเทิมของมอญ
แล้วตีได้ยะไข่, พัฒนาความอยู่ดีกินดีด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
พร้อมกับพัฒนาอู่ข้าวอูน้ำในเขตเจ้าก์แซ มีงบู และมิตถิลา,
รักษาความสงบสุขด้วยการปราบเหล่าอะเยจี ส่งเสริมพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท
และสร้างพุทธเจดีย์,
อีกทั้งสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้วยการสร้างระบบป้องกันภัยจากภายนอกและชุบเลี้ยงขุนศึก
แบบเรียนยังสะท้อนให้เห็นว่าพุกามในสมัยพระเจ้าอโนรธานั้นปรากฏขึ้นด้วยการมีผู้นำที่เก่งกล้าและมีราษฎรที่พร้อมใจ
นอกจากนี้
ในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อของราษฎรจากการพึ่งพิงลัทธิอะเยจีให้หันมานับถือพุทธศาสนานั้น
ยังมีกล่าวเป็นพิเศษในแบบเรียนอ่านประวัติศาสตร์เมียนมา สำหรับเกรด ๓
หน้า ๕ - ๖
โดยให้ภาพพระเจ้าอโนรธาเป็นนักปฏิวัติความเชื่อและองค์อุปถัมภ์พุทธศาสนา
ไว้ดังนี้
“อโนรธาเป็นราชโอรสแห่งกษัตริย์พุกาม นามว่า กวมส่องจ่องผยู
หลังจากที่อโนรธามีชัยต่อเจ้าสุกกะเตเชษฐาต่างมารดาผู้แย่งบัลลังก์จากพระบิดาได้แล้ว
พระองค์จึงมอบบัลลังก์นั้นคืนพระบิดาซึ่งทรงผนวชอยู่
เมื่อพระบิดามิทรงรับ อโนรธาจึงเสวยราชบัลลังก์
ตอนที่พระเจ้าอโนรธายังมิได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้น
ในเมืองพุกามยังมีความเชื่อถืออันผิดๆ อาทิ นัต นาค และอะเยจี
โดยเฉพาะความเชื่อถือแบบพวกอะเยจีก็กำลังครอบงำแผ่นดินพุกามอยู่ขณะนั้น
เมื่อพระเจ้า
อโนรธาขึ้นครองบัลลังก์พระองค์มิทรงพอพระทัยต่อลัทธิความเชื่อเช่นนั้น
และทรงปรารถนาในศาสนาอันชอบ ในเพลาเดียวกันนั้น
ชินอรหันต์ได้เดินทางจาริกจากเมืองสะเทิมมาแผ่พระศาสนายังเมืองพุกาม
พอพระเจ้า
อโนรธาได้โอกาสนอบนบต่อชินอรหันต์ พระองค์ก็ทรงมีศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
จึงทรงขอร้องให้ชินอรหันต์เผยแผ่พระศาสนาในพุกาม
และด้วยความช่วยเหลือของชินอรหันต์
พระเจ้าอโนรธาจึงสามารถกำจัดความเชื่อของเหล่าอะเยจีลงได้
พวกอะเยจีถูกจับสึก
แล้วให้คนเหล่านั้นรับใช้ในงานอันควรแก่อาณาจักรต่อไป ด้วยเหตุนี้
ความเชื่อถือแบบอะเยจีจึงค่อยๆหมดไปจากพุกาม
พระเจ้าอโนรธาทำให้ชนทั่วแผ่นดินพุกามหันมานับถือพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาอันชอบ
นอกจากนี้ พระเจ้าอโนรธายังได้ยกทัพไปตีได้เมืองสะเทิม
พร้อมกับอันเชิญพระไตรปิฎกและพระเถระผู้เชี่ยวชาญในพระคำภีร์มาสู่พุกาม
พระเถระชาวมอญซึ่งชำนาญในคำภีร์ได้ช่วยชินอรหันต์เป็นอย่างมากเพื่อให้พุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาอันชอบเป็นที่แพร่หลาย
พระเจ้าอโนรธามิเพียงสร้างพระเจดีย์ในพุกามแต่ยังทรงสร้างเจดีย์ในทุกที่ที่เสด็จไปถึง
ในบรรดาเจดีย์เหล่านี้ เจดีย์ที่โดดเด่นที่สุดคือ
พระเจดีย์ชเวซีโข่ง
ในการที่จะให้พุทธศาสนาแพร่หลาย
พระเจ้าอโนรธายังทรงให้มีการศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกกันในวัด
พุทธศาสนาที่พระเจ้าอโนรธาได้ทรงอุปถัมภ์นั้นยังมั่นคงมาได้จวบจนปัจจุบัน”
ในการนำพุทธศาสนาจากแผ่นดินของชาวมอญสู่พุกามนั้น
พม่ายกย่องชินอรหันต์ภิกษุมอญเป็นดุจผู้ส่องไฟนำทาง
และพระเจ้าอโนรธาเป็นดุจผู้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธศาสนาบนแผ่นดินเมียนมา
ส่วนเหล่าอะเยจีนั้นถูกตีตราให้เป็นพวกมิจฉาทิฐิ
โดยประณามว่าเป็นกลุ่มนักบวชที่แผ่อิทธิพลเหนือชาวบ้านด้วยการเอานรกมาขู่
ยกสวรรค์มาอ้าง และหากินกับลาภสักการะ
การนำพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทอันเป็นศาสนาอันชอบมาสู่อาณาจักรของชาวเมียนมานั้น
จึงถือเป็นการทำลายอำนาจมืดจากความเชื่อผิดๆ
ภาพของพระเจ้าอโนรธาในแบบเรียนจึงเป็นภาพของนักปฏิวัติทางความคิดเพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมของชาวพุทธ
แบบเรียนพม่านับว่าได้สะท้อนภาพของพระเจ้าอโนรธาให้เป็นแบบอย่างของผู้นำในการสร้างชาติด้วยพลังแห่งเอกภาพและการพัฒนา
ดูจะสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของกองทัพพม่านับแต่สมัยสังคมนิยมสืบจนปัจจุบัน
อาทิ
การยกย่องบทบาทของทหารในฐานะผู้นำในการสร้างชาติเอกราชเยี่ยงวีรชน
การปราบปรามภัยภายใน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
การพัฒนาเส้นทางการคมนาคม การส่งเสริมกิจกรรมทางพุทธศาสนา
และการบูรณะเจดีย์ทั่วประเทศ เป็นต้น
พระเจ้าอโนรธาจึงได้รับการขัดเกลาทางประวัติศาสตร์ให้มีภาพลักษณ์ของวีรกษัตริย์ชาวพุทธ
เป็นผู้สร้างประเทศ และเป็นนักปฏิรูปสังคมที่ชาญฉลาด
วิรัช
นิยมธรรม