หวยพม่า : ลาภแห่งกุศล


หวยพม่า : ลาภแห่งกุศล
การเล่นหวยในสังคมพม่าเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ ในเขตเมืองย่างกุ้งแทบทุกย่านจะมีร้านจำหน่ายหวยให้พบเห็นอยู่แทบไม่ขาด มีทั้งเปิดเป็นร้านตามตึกแถวกลางเมือง หลายที่จะทำเป็นซุ้มแผงลอยตั้งอยู่ริมทางและย่านชุมชน ตลอดจนทำแผงเร่ขายไปตามย่านตลาด ละแวกบ้าน และในเขตลานวัด พาหนะนำเร่จะมีทั้งรถยนต์ รถเข็น และรถจักรยาน อีกทั้งแทบทุกร้านจะนิยมติดลำโพงป่าวประกาศชักจูงลูกค้าให้มาซื้อหวย ดูปริมาณร้านหวยก็พอจะบอกได้ว่าคนพม่านั้นนิยมเล่นหวยกันไม่น้อย หลายคนถึงขนาดกำหนดโชคชะตาไว้กับหวย ทั้งยังมีการหาเลขหวยในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหมอ ใบ้หวย เก็งเลขเด็ด และขอหวยจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น บ้างถึงกับโยงเรื่องบุญกุศลให้มามีส่วนในการชี้ชะตาเสี่ยงโชค นับว่าหากเป็นนักเลงหวยแล้ว ก็จะไม่แทงหวยกันลอยๆ ต่างมีหลักมีเกณฑ์ไม่ต่างไปจากเหล่านักเลงหวยของไทยเราเช่นกัน
คำว่า "หวย" ในภาษาพม่านั้นจะใช้คำว่า ถี่(5u)  คำนี้กล่าวกันว่าไม่ใช่คำพม่าแท้ๆ แต่มีที่มาจากคำในภาษาอังกฤษ จะมีอยู่บ้างที่เห็นว่าอาจมาจากคำในภาษาจีนก็เป็นได้ แต่มิได้มีการยืนยันที่มาของศัพท์ภาษาจีนที่ชัดเจน จึงเป็นไปได้มากทีเดียวว่า "ถี่" เป็นคำภาษาอังกฤษมาแต่เดิม ด้วยมีประวัติการเล่นหวยและร่องรอยของศัพท์ช่วยสนับสนุน สารานุกรมพม่า ฉบับที่ ๕ ซึ่งพิมพ์ในปี ค.ศ.๑๙๖๔ ระบุว่า "ถี่"  เป็นคำที่กร่อนเสียงมาจากคำว่า Lottery  แรกๆคนพม่าคงจะออกเสียงคำนี้ว่า  "หล่อถะรี"(g]kN5iu)   ต่อมาออกเสียงหดลงเป็น "หล่อถี่"(g]kN5u) และที่สุดก็เหลือเฉพาะพยางค์ท้ายกลายเป็น "ถี่" (5u) ตามที่ใช้มาจนบัดนี้
ในประเทศพม่าก่อนสมัยของพระเจ้าธีบอ(lugxj)นั้น ชาวพม่าจะนิยมเล่นหวยที่ชาวจีนนำมาเผยแพร่ เรียกกันว่า โตงแซะเช่าก์ก่อง($( gdk'N) หวยชนิดนี้เป็นหวย ๓๖ ตัว มีลักษณะเป็นตัวหวย วาดเป็นรูปสัตว์ ๓๒ ชนิดและสิ่ง ๔ อย่าง เกาะอยู่บนร่างของเจ้าแม่จันที(0O·u) หรือ จัณฑี(0òu) ตัวหวยทั้ง ๓๖ ตัวบนส่วนต่างๆของเจ้าแม่จัณฑี มีดังนี้
บนส่วนหัว มี ๔ ตัว คือ ม้า นาคทอง ผีเสื้อ ป่า; ตามลำตัว มี ๙ ตัว คือ แม่ชี  สมัน ไก่ อีกา เสือ เต่า นก นกยูง หมู;  บนแขนขวา มี ๔ ตัว คือปลาทอง ช้าง หอย ห่าน;  บนแขนซ้าย มี ๔ ตัว คือ นกกระยาง แมงมุม ลิง งู;  บริเวณเอว มี ๕ ตัว คือนาคบิน กระต่าย สุนัข ปู แพะ;  บนขาขวา มี ๕ ตัว คือ วัว ไส้เดือน กบ ผึ้ง หนู;  บนขาซ้ายมี ๕ ตัว คือ บ้าน ปลาเงิน นกพิราบ พลอย ปลาไหล
หวย ๓๖ ตัวนั้น เป็นหวยที่เล่นกันในท้องถิ่น มีลักษณะคล้ายกับหวย ก.ข. ของไทย (หวย ก.ข. เริ่มเล่นกัน  เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๓๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตามคำแนะนำของเจ้าสัวจีนคนหนึ่ง)  สำหรับการออกหวย ๓๖ ตัวของพม่านั้น จะเล่นกันตามโรงหวย งวดหนึ่งมีกำหนด ๓ - ๔ วัน ก่อนถึงวันหวยออก เจ้ามือหวยจะเลือกสลากที่มีตัวหวยตัวใดตัวหนึ่งซ่อนในห่อผ้าผูกแขวนไว้ จากนั้นเจ้ามือจะบอกใบ้หวยตัวเก็ง ซึ่งพม่าเรียกว่า อะเต๊ะ(v9b9N) โดยมักแต่งเป็นปริศนาซ่อนนัย เช่น "พราหมณ์ชรา เพ่งดวงดารา ณ เชิงดอยสูง นามต่องกะละ" จากนั้นผู้เล่นก็จะพยายามแก้ปริศนานั้น พอใกล้ถึงวันหวยออก เจ้ามือก็จะบอกปริศนาเด็ดให้ลุ้นกันอีกที เรียกว่า อะเต๊ะเซง(v9b9N0b,Nt) เช่น "อยู่เชิงดอย หว่างพุ่มไม้" ผู้เล่นมีโอกาสไขปริศนานั้นอีกครา ก่อนเลือกแทงตัวหวยตามชอบ เมื่อถึงวันหวยออกเจ้ามือก็จะเฉลยตัวหวยในห่อผ้านั้น
ในการเล่นหวย ๓๖ ตัวนั้น  เจ้ามือจะกำหนดค่าแทงตัวหวยตัวละ ๑ ปยา(exkt) ซึ่งเทียบได้กับ ๑ สตางค์ หากแทงครบทั้ง ๓๖ ตัว มีสิทธิ์ได้เงินรางวัลเพียงแค่ ๒๗ ปยา เท่านั้น เพราะเจ้ามือจะชักเก็บไว้ ๙ ปยา หรือร้อยละ ๒๕ อีกทั้งเงินรางวัลยังขึ้นอยู่กับยอดจำหน่ายหวยในแต่ละงวด ดังนั้นการเล่นหวย ๓๖ ตัวจึงมีแต่ผู้ซื้อเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเสี่ยงหมดตัว ส่วนเจ้ามือเห็นมีแต่ได้ไม่มีเสีย คือได้ทั้งตอนขายหวยและตอนจ่ายรางวัล กล่าวกันว่าชาวบ้านที่เล่นหวยจนติดนั้น มักคิดเอาแต่ทางได้ วันๆจึงใช้เวลาครุ่นคิดเพื่อแก้ปริศนาของหวยตัวเด็ดนั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เวลานอน หรือเวลาทำงาน ที่สุดเงินที่หามาได้ก็ตกอยู่กับเจ้ามือหวยกันเสียมากต่อมาก หวย ๓๖ ตัวนั้น มีเล่นกันเรื่อยมา โดยเฉพาะตามงานเทศกาล จนช่วงสมัยรัฐบาลปฏิวัติ (g9kN]aoNgitv06bti) ของนายพลเนวิน ทางการพม่าได้กวดขันการเล่นพนันทุกประเภท หวย ๓๖ ตัวจึงค่อยๆหายไป จนปัจจุบันหวย ๓๖ ตัวได้เสื่อมความนิยมไปแล้ว ถึงกระนั้น ยังคงพบการเล่นพนันทำนองหวย ๓๖ ตัวอยู่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะตามชายแดน เรียกว่า "ลูกข่างสี่ตัว" หรือที่พม่าเรียกว่า เลก่องจิ่ง(g]tgdk'N8y'N) หรือที่เรียกสั้นๆว่า จิ่งโท(8y'N56bt) มีลักษณะเป็นรูปสัตว์ ๔ ตัว มีรูปกบ หมู ไก่ และปลาไหล เวลาเล่น ผู้เล่นจะเลือกแทงตามรูปสัตว์นั้น ฝ่ายเจ้ามือจะหมุนลูกข่างทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมีรูปสัตว์ในแต่ละด้าน รูปสัตว์ตัวไหนหงาย ก็ถือเป็นฝ่ายชนะ การเล่นเลก่องจิ่งนี้จึงมีลักษณะคล้ายการเล่นพนันแทงน้ำเต้า กุ้ง ปู ปลา ซึ่งเคยมีเล่นในเมืองไทย ที่จริงชาวพม่าไม่ถือว่า เลก่องจิ่ง เป็นหวย หากถือเป็นการเล่นพนัน (g]k'Ntd0kt) ชนิดหนึ่งเท่านั้น
ย้อนกลับไปยังสมัยของพระเจ้าธีบอ มีประวัติเล่าว่าพระองค์ได้ทรงอนุญาตให้เล่นหวยอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา เรียกว่า หวยหลวง หรือ ถี่ด่อ(5ug9kN) ที่เรียกเช่นนี้ก็ด้วยเพราะเป็นหวยที่ได้รับพระบรมราชานุญาต กล่าวว่าเหตุที่ราชสำนักออกหวยชนิดนี้ ก็เนื่องด้วยประสบปัญหาทางการเงิน อันเนื่องมาจากภัยคุกคามจากอังกฤษ ซึ่งมีอยู่เนืองๆ จึงจำเป็นต้องหารายได้เข้าหลวง นอกเหนือจากการเก็บอากรสิบชักหนึ่ง ที่เรียกว่า สัสสเมธะ (lÊg,T) โรงหวยหลวงเปิดขึ้นเฉพาะที่กรุงมัณฑะเล เริ่มเล่นในปี ค.ศ. ๑๘๗๙  เข้าใจว่าพระเจ้าธีบอทรงนำแบบอย่างการเล่นหวยชนิดนี้มาจากรัฐบาลอาณานิคมอังกฤษซึ่งปกครองดินแดนพม่าตอนล่างในขณะนั้น
การออกหวยในระยะแรกนั้น ทางราชสำนักได้เปิดโรงหวย ๑ โรง อยู่ด้านตะวันตกของวังมัณฑะเล นิยมเรียกโรงหวยนี้ว่า ตึกเก้าห้อง (d6bt-oNtv69N96bdN) ตั้งอยู่ที่ตลาด เซโฉ่ดอ (gGt-y7bg9kN) ตึกนี้พังไปแล้ว เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๕๖ เนื่องเพราะแผ่นดินไหว ตอนแรกหวยหลวงแต่ละงวดมียอดจำหน่าย ๑,๒๐๐ ฉบับ ในราคาฉบับละ ๕ จั๊ต ฉะนั้นงวดหนึ่งจะขายได้ ๖ หมื่นจั๊ต แต่ต้องชักเข้าหลวงเสีย ๑ หมื่นจั๊ต แล้วนำเงินที่เหลือมาแบ่งเป็นเงินรางวัล ต่อมาราชสำนักได้เปิดโรงหวยเพิ่มขึ้นอีกเป็น ๑๐ โรง โดยอ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ราษฎร จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเล่นถึงโรงหวยใกล้วังหลวง โรงหวยย่อยจึงกระจายอยู่ตามย่านชุมชนต่างๆ แต่ละโรงจะจำหน่ายสลาก ๖,๐๐๐ ฉบับ ราคาฉบับละ ๒ จั๊ต และจะเปิดเล่นกันวันละหนึ่งหน หากนับทุกโรงก็เท่ากับว่าราษฎรมีโอกาสเล่นหวยหลวงกันถึง ๑๐ ครั้งต่อวัน บ้างว่าทางการอนุญาตให้เปิดเล่นโรงละ ๑๐ ครั้งต่อเดือน เท่ากับว่าแต่ละเดือนจะมีการเปิดเล่นหวยในเมืองมัณฑะเลกันถึง ๑๐๐ ครั้ง เดือนหนึ่งๆราชสำนักสามารถมีรายได้จากหวยหลวงถึง ๑ แสน ๒ หมื่นจั๊ต ซึ่งนับว่าไม่น้อยทีเดียว
การเล่นหวยหลวงนั้น จะเล่นแบบหวยเบอร์ หรือ หวยเลข เลขที่เล่นกันจะเป็นเลข ๑ จนถึงเลข ๖๐ จึงอาจเรียกว่า หวย ๖๐ ตัว ก็น่าจะได้ สำหรับวิธีการออกหวยนั้น จะใช้วิธีจกลูกลานจากหม้อเงิน ๒ ใบ ใบแรกจะบรรจุลูกลานที่มีเบอร์ตั้งแต่ ๑-๖๐ จำนวน ๖๐ ลูก ส่วนใบที่สองจะบรรจุลูกลานเปล่าซึ่งไม่มีเบอร์ มีจำนวน ๖๐ ลูกเช่นกัน แต่ในหม้อใบหลังนี้จะมีลูกลานลูกหนึ่งเป็นลูกลานทาสีทอง ซึ่งถือเป็นลูกลานนำโชค การจกลูกลานนั้นจะจกจากหม้อเงินทั้งสอง ทีละลูกพร้อมๆกัน หากลูกลานเบอร์ใดถูกจกออกมาพร้อมกับลูกลานสีทอง เบอร์ของลูกลานนั้นก็จะเป็นเบอร์รางวัล สำหรับผู้ถูกรางวัลใหญ่ จะได้รับเกียรติเป็นพิเศษ นายโรงหวยจะส่งรางวัลไปให้ผู้โชคดีนั้นจนถึงบ้าน โดยนำเงินรางวัลบรรทุกไปบนหลังช้าง นับว่าได้ทั้งลาภและเกียรติพร้อมกันในคราวเดียว
หวยหลวงนับว่าเป็นที่นิยมของราษฎรอย่างมาก ทำให้มีรายได้สู่ท้องพระคลังไม่ใช่น้อย  แต่ผลกระทบเสียหายกลับตกอยู่กับราษฎรโดยตรง ด้วยเพราะชาวบ้านต่างมัวเมาหวยจนเสียการเสียงาน ซ้ำร้ายกลับเกิดมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมากกว่าแต่ก่อน พระเจ้าธีบอจึงทรงสั่งให้ปิดโรงหวยนั้นเสียในปี ค.ศ. ๑๘๘๑ พร้อมกับพระราชทานเงินชดเชยให้กับผู้เป็นหนี้หวย หวยหลวงจึงเปิดเล่นได้ในระยะเวลาอันสั้น เพียงแค่ ๒ ปี ๑๐ เดือน อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็ยังมีหวยท้องถิ่น อย่างหวย ๓๖ ตัว เล่นกันต่อมา
จากหวยท้องถิ่น (หวย ๓๖ ตัว) ซึ่งเล่นกันมายาวนาน มาเป็นหวยหลวง (หวย ๖๐ ตัว) ซึ่งเล่นกันไม่ถึงสามปี ก็มาถึงหวยรัฐบาลบ้าง พม่าเรียกหวยรัฐบาลว่า อะโซยะถี่(v06bti5u) หวยชนิดนี้เป็นหวยที่ถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพม่าเป็นผู้ออกให้ชาวพม่าเล่นกันมาจนถึงปัจจุบัน กำเนิดของหวยรัฐบาลนั้นมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๓๘ เป็นสมัยที่ ดร.บะหม่อ(rg,kN) เป็นนายกรัฐมนตรี (ค.ศ.๑๙๓๗-๑๙๓๙ : รัฐบาลของดร.บะหม่อนี้เป็นรัฐบาลชุดแรกของพม่า หลังจากที่อังกฤษให้อิสระในการปกครองตนเอง โดยมิต้องเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียอีกต่อไป) เหตุที่ต้องมีการออกหวยรัฐบาลนั้น อ้างว่าเป็นเพราะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐจึงจำเป็นต้องหาหนทางผ่อนปรนภาระ รัฐบาลได้สร้างตึกสำหรับออกหวยขึ้น ณ เมืองย่างกุ้ง เริ่มเปิดทำการในวันพุธที่ ๑ มิถุนายน ๑๙๓๘ หวยรัฐบาลชนิดนี้จะออกในรูปของบัตรสลาก บนสลากจะมีตัวหวยเป็นเลข ๖ ตัว จำแนกเป็นหมวดอักษร อาทิ เอ-๐๖๑๒๗๙ (เป็นเลขรางวัลที่ ๑ ของงวดแรก) ในตอนแรกที่ออกหวยนี้ บนบัตรสลากหวยจะมีตรารูปนกยูงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศพม่าและเขียนกำกับด้วยนามรัฐบาลว่า e,oN,kO6b'N'"g9kN v06bti และ GOVERNMENT OF BURMA และเรียกหวยนี้ว่า STATE LOTTERY ราคาหวยจะจำหน่ายฉบับละ ๒ จั๊ต (ขณะนั้นเรียกว่า รูปี) มีวางขายเป็นชุดเช่นกัน ชุดละ ๑๕ ฉบับ จำนวนรางวัลทั้งหมดมี ๔๒๘ รางวัล แบ่งเป็นรางวัลใหญ่เล็ก ๖ ประเภท เงินรางวัลสูงสุดจะมีค่า ๑ แสน รองลงมา ๓ หมื่น, ๑ หมื่น, ๕ พัน, ๑ พัน และรางวัลสุดท้าย ๕ ร้อยจั๊ต หวยรัฐบาลงวดแรกออกขายในระยะเวลา ๓ เดือน คือระหว่างวันที่ ๑๓ มิถุนายน ถึง ๑๒ กันยายน ค.ศ. ๑๙๓๘ และออกหวยในเดือนต่อมา คือ วันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๓๘  หวยรัฐบาลที่เริ่มมาแต่สมัยของดร.บะหม่อนั้นพัฒนาเรื่อยมา ภายหลังมีกำหนดออก ๒ เดือนต่อครั้ง งวดสุดท้ายคืองวดที่ ๒๖๖ ได้ออกในช่วงต้นปี ค.ศ. ๑๙๘๙ นี่เอง
หวยรัฐบาลในรูปแบบที่เล่นในปัจจุบันนั้น เริ่มในสมัยรัฐบาลสล็อร์ก ออกให้เล่นกันมาตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๘๙ และเริ่มนับเป็นงวดที่ ๑ ใหม่ แรกเริ่มนั้นจำหน่ายในราคาฉบับละ ๕ จั๊ต เงินรางวัลสูงสุดมีค่า ๓ แสนจั๊ต จนถึงงวดที่ ๑๒ ตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๙๐ รัฐบาลได้เพิ่มเงินรางวัลสูงสุดเป็น ๕ แสนจั๊ต โดยยังจำหน่ายหวยในราคาฉบับละ ๕ จั๊ตเช่นเดิม ต่อมาในงวดที่ ๒๘ ตรงกับวันที่ ๓ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๙๑ เป็นต้นมา จึงได้เพิ่มเงินรางวัลสูงสุดเป็น ๑ ล้านจั๊ต และต่ำสุด ๑,๕๐๐ จั๊ต ราคาจำหน่ายฉบับละ ๑๐ จั๊ต หวยรัฐบาลในปัจจุบันมีรางวัลถึง ๑๖,๘๓๓ รางวัล และมีประเภทรางวัลถึง ๑๒ ประเภท เป็นรางวัลถูกตรงตัว ๘ ประเภท ได้แก่ ๑ ล้าน, ๕ แสน, ๓ แสน, ๒ แสน, ๘ หมื่น, ๔ หมื่น, ๒ หมื่น และ ๕ พัน ส่วนรางวัลอีกประเภทหนึ่งเป็นรางวัลใกล้เคียงหรือรางวัลเฉียด รางวัลประเภทนี้จะใช้เลขของรางวัล ๓ แสน เป็นหลักเทียบ เลขรางวัล ๓ แสนนี้ มีออกต่างเลขและต่างหมวดถึง ๑๙ รางวัล รางวัลเฉียดมีได้ ๔ ประเภท ได้แก่ รางวัล ๑ แสน หากตรงครบเบอร์แต่ต่างหมวด, รางวัล ๕ หมื่น หากตรงหมวดและเลขห้าตัวแรก, รางวัล ๑ หมื่น หากตรงหมวดและเลขสี่ตัวแรก และรางวัล ๑,๕๐๐ จั๊ต หากตรงหมวดและเลขสามตัวแรก
การซื้อหวยมักนิยมซื้อเป็นชุด อาจตามชุดอักษรที่มีตัวเลขไล่เรียงกัน หรือตามชุดตัวเลขที่ต่างเฉพาะหมวดอักษร ถือเป็นการซื้อดักเงินรางวัล หากไม่ถูกตรงตัว ก็อาจมีโอกาสถูกรางวัลใกล้เคียงได้เช่นกัน ว่ากันว่าคนพม่าน้อยคนนักที่ตามเล่นหวยแล้วไม่เคยถูกรางวัล แต่ก็มักถูกกันเฉพาะรางวัลเล็กๆเป็นส่วนมาก หวยรัฐบาลนี้ยังนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หวยอ่องบ่าเล(gvk'N4kg]) สำหรับที่มาของคำว่า อ่องบาเล นั้น เชื่อว่าคงจะกลายเสียงมาจากคำว่า อ่องบ่าเซ (gvk'Nxjg0) มีความหมายว่า "ขอจงสำเร็จ" หรือ "ขอให้มีโชค" นับว่าเป็นชื่อหวยที่แฝงนัยเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ซื้อ
หวยรัฐบาลพม่านั้นออกเป็นหมวดอักษรมานับแต่แรก ก่อนหน้านี้มีการแบ่งหมวดหวยเป็นทั้งอักษรพม่าและอักษรโรมัน แต่พอมาถึงหวยในยุคของรัฐบาลสล็อร์ก กองสลากพม่าได้ยกเลิกหมวดหวยที่เป็นภาษาอังกฤษออกเสีย เหตุน่าจะเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างสำนึกร่วมกันของชนในชาติ โดยมองว่าวัฒนธรรมอาณานิคมที่อังกฤษทิ้งไว้ให้นั้นเป็นร่องรอยของความปวดร้าวแต่อดีต ดังนั้นชื่อบ้านนามเมืองทั้งหลายที่เคยเรียกตามฝรั่งนั้น จึงได้รับการแก้ไขให้เป็นภาษาพม่าซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ ด้วยเหตุนี้หมวดหวยจึงน่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวเช่นกัน
หวยรัฐบาลในปัจจุบันยังคงเป็นหวยเลข ๖ หลักเช่นเดิม แต่จำแนกหวยตามหมวดอักษรถึง ๓๖ ชุด การถือหมวดหวย ๓๖ หมวดนี้ คงยึดตามจำนวนตัวหวยของหวย ๓๖ ตัวที่เคยเล่นกันมาแต่เดิม การกำหนดหมวดหวยจะกำหนดด้วยอักษรพยัญชนะที่มีอยู่ในภาษาพม่าจำนวน ๓๓ ตัว กับอักษรประสมอีก ๓ คู่ ครบตามจำนวน ๓๖ หมวด ดังนี้
      d(ก)          -(ข)            8(ค)            S(ฆ)          '(ง)
      0(จ)            C(ฉ)          =(ช)            G(ฌ)           P(ญ)
      ö(ฏ)            {(ฐ)            R(ฑ)            <(ฒ)           I(ณ)
      9(ต)          5(ถ)           m(ท)            T(ธ)            o(น)
      x(ป)            z(ผ)            r(พ)            4(ภ)           ,(ม)
      p(ย)          i(ร)            ](ล)           ;(ว)            l(ส)
      s(ห)          >(ฬ)            v(อ)
     dd(กก)  d-(กข)  และ d8(กค)
ลักษณะของตัวหวยบนสลากแต่ละใบนั้น จะประกอบด้วยอักษร ๑ ตัว และตัวเลข ๖ หลัก ดังเช่น d (Q@*## (ก ๖๐๑๕๒๒), C %$%)Q+ (ฉ ๔๓๔๗๐๙) และ d-  $((*%_  (กข ๓๖๖๕๔๘) เป็นต้น บนสลากจะบอกงวดที่ออก แต่จะไม่กำกับวันที่ออกเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้เพราะรัฐบาลกำหนดวันออกไว้แน่นอนแล้ว หวยที่วางขายมีทั้งที่เป็นชุดใหญ่จำนวน ๓๖ ฉบับ เป็นชุดกลางจำนวน ๑๑ ฉบับ และชุดเล็กจำนวน ๒ ฉบับ การตรวจหวยเอารางวัล สามารถตรวจได้ถึง ๔ แบบ คือ แบบรางวัลใหญ่ ตั้งแต่ ๓ แสน ๕ แสน จนถึง ๑ ล้าน, แบบรางวัล ๕ พัน ถึง ๒ แสน, แบบรางวัล ๕ พัน ถึง ๒ หมื่น และแบบรางวัลเฉียดเริ่มจาก ๑,๕๐๐ จั๊ต จนถึง ๑ หมื่น ๕ หมื่น และ ๑ แสน ขึ้นอยู่ว่าจะเฉียดมากหรือเฉียดน้อย หวยพม่าจึงนับเป็นหวยที่ผู้ซื้อสามารถลุ้นรางวัลกันได้อย่างจุใจ
หวยรัฐบาลในปัจจุบันนี้ ออกโดยกองสลากพม่า ที่เรียกว่า อ่องบ่าเลเตงซุฐานะแคว(gvk'N4kg] lboNtC6{ko-:c) แปลว่า "กองรางวัลเงินแสนหวยอ่องบ่าเล" กองนี้อยู่ในกรมสรรพากร กระทรวงกิจการภายใน การจำหน่ายหวยนั้น รัฐบาลจะส่งต่อให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำมาจำหน่ายปลีก หวยนี้มีกำหนดออกเพียงเดือนละครั้ง โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ ๓ ของทุกเดือน และมีกำหนดปิดจำหน่ายตามท้องที่ หากเป็นเขตเมืองย่างกุ้ง จะปิดขายในวันสิ้นเดือน ส่วนตามต่างจังหวัดจะปิดขายหวยในวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน สำหรับวันหวยออกนั้น กำหนดเป็นวันที่ ๓ ของเดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันเริ่มจำหน่วยหวยงวดถัดไป ส่วนเงินรางวัลนั้น ผู้ถูกหวยจะได้รับเงินเต็มจำนวน โดยไม่ต้องหักภาษี กองสลากกำหนดช่วงเวลาในการขึ้นเงินไว้เป็นระยะ ๑ ปี หากพ้นกำหนดตามกล่าว เงินรางวัลนั้นจะนำเข้ารัฐทันที 
ในการจำหน่ายหวยนั้น ผู้แทนจำหน่ายที่เป็นร้านใหญ่ๆ จะตั้งรางวัลสมนาคุณแก่ลูกค้าของตนที่ถูกรางวัลใหญ่ จึงทำให้มีการแข่งขันกันตกรางวัล เพื่อดึงลูกค้าประจำ รางวัลที่แจกมักจะเป็น รถเก๋ง และจักรยานยนต์ ทำให้ผู้ถูกรางวัลใหญ่ได้ลาภถึง ๒ ชั้น ทั้งจากเงินรางวัลและจากของสมนาคุณ อีกทั้งจะมีการจัดงานฉลอง ที่เรียกว่า "งานประกาศเกียรติคุณ" ซึ่งภาษาพม่าจะใช้ว่า โก่งปยุแอะขั่งบะแว(86IN1xVPNH-"x:c) มีการเชิญญาติพี่น้อง มิตรสหาย ตลอดจนหมอดู และเจ้าของร้านหวยมาร่วมฉลอง อีกทั้งยังต้องโฆษณาชื่อผู้โชคดีและชื่อร้านที่ขายหวยนั้นอีกด้วย การซื้อขายหวยรัฐบาลจึงมีบรรยากาศดูคึกคักมากทีเดียว แต่เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลได้สั่งยุติการแจกรางวัสมนาคุณดังกล่าวเสียชั่วคราว เข้าใจว่าเพื่อลดช่องทางการฟอกเงินที่ได้จากเงินรางวัลใหญ่ การซื้อขายหวยจึงเงียบเหงาลงไปขณะหนึ่ง แต่ก็กลับคึกคักขึ้นมาอีกในระยะหลัง
นอกเหนือจากหวยรัฐบาลซึ่งออกเดือนละครั้งแล้ว ชาวบ้านยังนิยมเล่นหวยใต้ดิน ที่เรียกกันว่า แช(-yc) หวยใต้ดินของพม่านี้ เป็นหวยที่ได้รับอิทธิพลจากหวยใต้ดินของไทย เริ่มเล่นกันมาราว ๒๐ ปีแล้ว วิธีเล่นก็คล้ายกับของไทยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังยึดตามเลขหวยของไทยอีกด้วย  หวยใต้ดินพม่าจึงมีเล่นกันเดือนละ ๒ งวด ตามวันที่หวยไทยออก การแทงหวยจะแทงเฉพาะเลขสามตัวสุดท้ายของรางวัลที่หนึ่งเท่านั้น ทางพม่าเรียกว่าเลข โตงโลง (l6"t]6"t) แปลว่า "สามตัว" และอาจเรียกหวยใต้ดินนี้ว่า โตงโลงแช (l6"t]6"t-yc)  ขึ้นชื่อว่า โตงโลง แล้ว ชาวพม่าก็จะรู้ทันทีว่าเป็นหวยใต้ดินจากไทยนั่นเอง หวยชนิดนี้ได้รับความนิยมกันไม่น้อย เล่นกันหลายท้องที่ ทั้งที่เมาะละแหม่ง ย่างกุ้ง จนถึงมัณฑะเล โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย ราคาค่าแทงหวยใต้ดินจะตก ๑ จั๊ต ต่อเงินรางวัล ๕๐๐-๖๐๐ จั๊ต กำหนดค่าซื้อขั้นต่ำ ๕ จั๊ต หากแทงเป็นเลขโต๊ด(v6bt96bdN) จะตกราคา ๑ จั๊ต ต่อเงินรางวัล ๕๐-๑๐๐ จั๊ต เงินรางวัลมีต่างกัน ขึ้นอยู่กับเจ้ามือหวย(m6b'N-y7xN)แต่ละราย ถึงวันหวยออกในเมืองไทย ชาวพม่าก็จะเปิดวิทยุดักฟังเลขหวยรางวัลที่หนึ่งของไทย คนพม่าบางคน โดยเฉพาะพวกเจ้ามือหวย จะรู้จักเลขไทยเป็นอย่างดี ชาวพม่าที่นิยมเล่นหวยใต้ดินมักพยายามเรียนรู้เลขไทย แถมด้วยถ้อยคำ “รางวัลที่หนึ่ง” และ “เลขที่ออก” เพื่อเอาไว้ลุ้นเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่ง การซื้อขายหวยใต้ดินนั้นผู้ขายจะจดโพยหวยออกเป็นใบเสร็จให้กับลูกค้า ในใบเสร็จจะเขียนเป็นชื่อสินค้า นัยว่าเอาไว้บังตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ  หากถูกตำรวจจับได้ ผู้ขายมีโทษจำคุก ๖ เดือน ส่วนผู้ซื้อมีโทษจำคุก ๓ เดือน คนที่ถูกจับมักเป็นผู้ขายปลีก(]k4N-:c) มากกว่าเจ้ามือรายใหญ่ และเรื่องมักถึงตำรวจในกรณีที่ผู้ซื้อถูกเบี้ยวเงินรางวัล เลยมักถูกดำเนินคดีทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ปัจจุบันชาวพม่าจึงสามารถเล่นหวยได้ถึงเดือนละ ๓ งวด เป็นหวยรัฐบาลพม่า ๑ งวด และเป็นหวยใต้ดินอิงหวยรัฐบาลไทยอีก ๒ งวด เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวใจของนักเลงหวยที่หวังอยู่กับลาภลอย จึงเบ่งบานจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว
หลังจากที่เล่าถึงประวัติหวยพม่า ตลอดจนหวยพม่าในปัจจุบันมาแล้วนั้น จึงอยากจะขอพูดถึงเทคนิคการเล่นหวยของชาวพม่าไว้บ้าง เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการเล่นหวยนั้น นักเลงหวยพม่าบอกว่าจะต้องขึ้นอยู่กับกุศลที่สร้างไว้ หากสร้างกุศลไว้มากก็ย่อมได้ลาภก้อนใหญ่ แต่ถ้าสะสมกุศลไว้น้อยก็ย่อมได้ลาภก้อนเล็ก หรืออาจไม่ได้เลย ฉะนั้นผู้เล่นหวยจึงต้องหมั่นสั่งสมบุญกุศลไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้นจะต้องหมั่นขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ช่วยเกื้อหนุน อีกทั้งก่อนซื้อก็ควรจะต้องพิจารณาตนว่าได้สร้างกุศลไว้ดีพอหรือยัง สำหรับนักเลงหวยนั้น จะมีวิธีสร้างกุศลหลายแบบ ปนเปกันระหว่างทางพุทธและทางไสย อาทิ สวดคาถา มีทั้งคาถาบูชาเทพหรือนัต(o9N) ซึ่งเลือกบูชาตามแต่ที่ตนคิดว่าเหมาะสม คาถาบูชาพระสิวลี(ia'Nlu;]b) ซึ่งถือเป็นพระอรหันต์ที่กอปรด้วยเมตตาทางโชคลาภ นอกนั้นก็อาจนั่งนับลูกประคำเพื่อบูชาพระรัตนตรัย พร้อมกับพยายามประพฤติตนให้อยู่ในศีลในธรรม อาทิ กินอาหารมังสวิรัติ ไม่ดื่มเหล้า ไม่ก่อการวิวาท ไม่เบียดเบียนสัตว์ รู้จักเจริญเมตตา และหมั่นทำบุญทำทาน วิธีการเหล่านี้เชื่อว่าจะเป็นที่มาของบุญกุศล หากขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะช่วยให้สัมฤทธิ์ผลได้โดยง่าย และหากได้หวยมาด้วยการขอพร ก็ต้องแก้บน และทำบุญ เพื่อสั่งสมกุศลกันต่อไป หวยจึงกลายเป็นมาตรชี้บุญกุศลไปในตัว
นอกจากสร้างกุศลแล้ว นักเลงหวยมักต้องพึ่งหมอดูเพื่อตรวจสอบโชคชะตา อาทิ ดูว่าปีนี้จะถูกหวยไหม จะซื้อหวยวันไหน จะแทงหมวดอักษรใด และเมื่อซื้อแล้วจะวางหวยไว้ตรงไหน ซึ่งนิยมวางที่หิ้งพระ บ้างอาจไปหาร่างทรงเทพนัต เพื่อขอให้ช่วยขอพรจากเหล่าเทพนัตทั้งหลาย บ้างใช้วิธีดูลายมือ บ้างก็ทำนายฝัน นักเลงหวยเชื่อว่าฝันบางเรื่องถือเป็นนิมิตที่ดี อาทิ ฝันเห็นหม้อน้ำมีน้ำอยู่เต็ม ฝันเห็นห่อเงินห่อทองมากมาย ฝันเห็นตึกหลังใหญ่ ฝันได้ดื่มนมแกะ และฝันได้ใส่เสื้อผ้าที่มีรอยปะชุน เชื่อกันว่าฝันแบบนี้มีนัยว่าจะได้ลาภทั้งสิ้น ที่หนักกว่านี้ ยังเชื่ออีกว่าหากได้เลขเด็ดมาในวันใด ก็จะต้องตามซื้อหวยเบอร์นั้นให้ได้เร็วที่สุดภายในวันนั้น มิฉะนั้นโอกาสทองอาจผ่านพ้นไป ส่วนการใบ้หวยนั้น มีทั้งการลงพิมพ์เลขเด็ด สังเกตปรากฏการณ์ บางทีก็ขอหวยได้จากพวกฤษีและโยคี ดังพบว่า มีการแจกโพยหวย ม้วนใส่กระดาษเล็กๆให้กับผู้บริจาคทาน โดยมากมักเป็นเลขสามตัวสำหรับแทงหวยใต้ดิน จะเห็นว่าชาวพม่าพึ่งทั้งบุญกุศล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนการเสาะหาเลขเด็ดด้วยวิธีต่างๆ
หวยของชาวพม่านับแต่หวยท้องถิ่นอย่างหวย ๓๖ ตัว หวยหลวงอย่างหวย ๖๐ ตัว หวยรัฐบาลอย่างหวยอ่องบ่าเล ตลอดจนหวยชุมชนอย่างหวยใต้ดินนั้น เฟื่องฟูขึ้นมาจนเป็นกิจการของรัฐและธุรกิจในชุมชนได้นั้น ก็เพราะหวยสามารถสนองความต้องการมั่งมีด้วยวิธีอันง่าย รัฐจึงใช้หวยเป็นช่องทางหนึ่งในการหารายได้เข้ารัฐอย่างเป็นกอบเป็นกำ นับเป็นภาษีสังคมที่ประชาชนยินยอมเสียให้รัฐโดยสมัครใจ ในส่วนของประชาชนนั้น กลับมองว่าหวยจะเป็นที่มาของโชคลาภที่ต้องเสี่ยงเอา มีการคิดหาหนทางเพื่อให้ได้ลาภก้อนใหญ่จากหวย อาทิ สร้างกุศลในแนวทางพุทธศาสนา เพื่อหวังลาภยิ่งกว่านิพพาน บนบานขอความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนคิดค้นวิธีการเก็งหวยกันต่างๆนานา และบ้างเล่นหวยอย่างคลั่งไคล้ จนมองไม่เห็นความเป็นจริง ปรากฏการณ์การเล่นหวยในสังคมพม่าจึงมีสภาพที่ไม่ต่างไปจากสังคมไทยเราทุกวันนี้
วิรัช นิยมธรรม
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15500เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2006 17:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อาจารย์สมเกียรติ เอ่าจี่มิด

ทางวิทยาลัยชุมชนระนองจะเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้นภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารและธุรกิจ(ภาษาพม่า) รายละเอียดดังนี้

สถานที่เปิดสอน ณ วิทยาลัยชุมชนระนอง

หลักสูตร หลักสูตรระยะสั้น 60 ชั่วโมง สนทนา

ระยะเวลา 9 มิ.ย. 2551 ถึง 4 ก.ค. 2551

(วันจันทร์ถึงวันศุกร์)

เวลาเรียน 17.00น ถึง 20.00น

ค่าลงทะเบียน 70 บาท (ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

ผู้สอน อาจารย์สมเกียรติ เอ่าจี่มิค

086 686 9766

[email protected]

*หมายเหตุ ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเรียนและสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ วิทยาลัยชุมชนระนอง โทร. 077 823326

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท