กลอนบทละคร เรื่องระเด่นลันได


กลอนบทละครล้อเลียน ที่สนุกชวนติดตาม....

 

                      

 

 

 

                       กลอนบทละคร  เรื่อง...ระเด่นลันได

 

บทละครเรื่อง ระเด่นลันได ถ้าอ่านโดยไม่ทราบเค้ามูล ก็คง            จะเข้าใจว่า เป็นบทแต่งสำหรับ เล่นละครตลก แต่ความจริง ไม่เป็นเช่นนั้น หนังสือเรื่อง ระเด่นลันไดนี้ที่แท้เป็นจดหมายเหตุ หากผู้แต่ง ประสงค์จะจดให้ขบขัน สมกับเรื่องที่จริง จึงแกล้งแต่งเป็นละครสำหรับอ่านกันเล่น หาได้ตั้งใจจะให้ใช้เป็น บทเล่นละคร

รื่อง ระเด่นลันได เป็นหนังสือแต่งในรัชกาลที่ ๓ เล่ากันมาว่า ครั้งนั้น มีแขกคนหนึ่งชื่อ ลันได ทำนองจะเป็นพว กฮินดู ชาวอินเดีย ซัดเซพเนจร เข้ามาอาศัยอยู่ที่ใกล้โบสถ์พราหมณ์ ในกรุงเทพฯ เที่ยวสีซอขอทานเขาเลี้ยงชีพเป็นนิจ พูดภาษาไทยก็มิใคร่ได้ หัดร้องเพลงขอทานได้เพียงว่า "สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร บอกใครก็บอกใคร" ร้องทวนอยู่แต่เท่านี้ แขกลันไดเที่ยวขอทาน จนคนรู้จักกันโดยมากในครั้งนั้น มีแขกอีกคน ๑ เรียกกันว่า แขกประดู่ ทำนองก็จะเป็นชาวอินเดีย เหมือนกัน ตั้งคอกเลียงวัวนม อยู่ที่หัวป้อม (อยู่ราวที่ สนามหน้าศาลสถิตยุติธรรม ทุกวันนี้) มีภรรยา เป็นหญิงแขกมลายู ซื่อประแดะ อยู่มาแขกลันได กับแขกประดู่ เกิดวิวาทกัน ด้วยเรื่องแย่งหญิงมลายูนั้น โดยทำนองที่กล่าวในเรื่องละคอน คนทั้งหลาย เห็นเป็นเรื่องขบขัน ก็โจษกันแพร่หลาย พระมหามนตรี (ทรัพย์) ทราบเรื่อง จึงคิดแต่งเป็นบทละครขึ้น

 


พระมหามนตรี(ทรัพย์)นี้ เป็นกวีที่สามารถในกระบวน แต่งกลอนแปด จะหาตัวเปรียบได้โดยยาก แต่มามีชื่อโด่งดัง ในการแต่งกลอน ต่อเมื่อถึงแก่กรรมแล้ว เพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ใคร่พอใจแต่งโดยเปิดเผย หนังสือซึ่ง พระมหามนตรี(ทรัพย์) ได้ออกหน้าแต่งมีปรากฏ แต่โคลงฤาษีดัดตนบท ๑ กับเพลงยาวกลบทชื่อ กบเต้นสามตอน (ซึ่งขึ้นต้นว่า "แจ็บคำจำคิดจิตขวย") บท ๑ เท่านั้น ที่พระมหามนตรี (ทรัพย์) มีชื่อเสียงสืบต่อมา จนรัชกาลหลัง ๆ เพราะแต่งหนังสืออีก ๒ เรื่อง คือ เพลงยาว แต่งว่า พระยามหาเทพ(ทองปาน) เมื่อยังเป็น จมื่นราชามาตย์เรื่อง ๑ กับบทละคอนเรื่อง ระเด่นลันไดนี้เรื่อง ๑

เพลงยาวว่าพระยามหาเทพ(ทองปาน) นั้น เล่ากันมาว่า เป็นแต่ลอบแต่ง แล้วเขียนมาปิดไว้ที่ ทิมดาบตำรวจ ในพระบรมมหาราชวัง ผู้อื่นเห็นก็รู้ว่า เป็นฝีปากพระมหามนตรี(ทรัพย์) แต่ไม่มีผู้ใดฟ้องร้องกล่าว มีแต่ผู้ลอกคัดเอาไป (แล้วเห็นจะเลยฉีกทั้งต้นหนังสือเสีย จึงไม่เกิดความฐานทอดบัตรสนเท่ห์) ด้วยครั้งนั้น มีคนชัง พระยามหาเทพ (ทองปาน) อยู่มากด้วยกัน เพลงยาวนั้น ก็เลยแพร่หลาย หอพระสมุดฯ ได้พิมพ์เพลงยาวนั้น ไว้ในหนังสือวชิรญาณวิเศษเล่ม ๓ ประจำปีกุน จุลศักราช ๑๒๔๙ (พ.ศ.๒๔๓๐)

ส่วนบทละครเรื่องละเด่นลันได เหตุที่แต่งเป็นดังอธิบายมาข้างต้น ถ้าผู้อ่านสังเกตจะเห็นได้ว่า ทางสำนวน แต่งดีทั้งกระบวนบทสุภาพ และวิธีที่เอาถ้อยคำขบขัน เข้าสอดแซม บางแห่ง กล้าใช้สำนวนต่ำช้าลงไป ให้สมกับตัวบท แต่อ่านก็ไม่มีที่จะเขินเคอะ ในแห่งใด เพราะฉะนั้น จึงเป็นหนังสือ ซึ่งชอบอ่านกันแพร่หลาย ตั้งแต่แรกแต่ง ตลอดมาจนในรัชกาลหลัง ๆ นับถือกันว่า เป็นหนังสือกลอนชั้นเอกเรื่อง ๑

บทละครเรื่องระเด่นลันไดนี้ มีผู้ใดเคยพิมพ์มาแล้ว แต่ฉบับที่พิมพ์มาแต่ก่อน วิปลาสคลาดเคลื่อน แลมีผู้อื่นแต่งแทรกแซม เพิ่มเติมอีกเป็นอันมาก จนวิปริตผิดรูปฉบับเดิม กรรมการหอพระสมุดฯ เห็นว่าบทละคอนเรื่อง ละเด่นลันได นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ ในหนังสือกลอนไทยเรื่อง ๑ ซึ่งสมควรจะรักษาไว้ให้บริสุทธิ์ จึงได้พยายามหาฉบับมาแต่ที่ต่าง ๆ สำหรับชำระแล้วพิมพ์ไว้ในสมุดเล่มนี้

 

 

แต่เสียดายอยู่ที่ บทตอนท้ายในเล่มนี้ ยังขาดฉบับเดิมอยู่ สักสามฤาสี่หน้ากระดาษ เนื้อเรื่องที่ขาดเพียงใด จะอธิบายไว้ ท้ายเล่มสมุด เผื่อท่านผู้ใด มีฉบับบริบูรณ์ ถ้ามีแก่ใจคัดส่งมายัง หอพระสมุดฯ ฤาให้ยืมต้นฉบับ มาให้หอพระสมุดฯ ดัดได้ จะขอบพระคุณเป็นอันมาก

 

 

ดำรงราชานุภาพ

สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๓

หมายเลขบันทึก: 154404เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2007 10:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 18:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สีแสบตาอ่านได้ลำบากมากจริงๆเลยครับ

 

 

 

//หอสมุดวชิรญาณจะโดนทุบทิ้งแล้วนี่ครับ

ตอนนี้กำลังย้ายตู้ลายรดน้ำกันวุ่นวายชุลมุนเชียว

  • สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด
  • งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
  • พิศหัวตลอดเท้าขาวแต่ตา
  • ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
  • คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย
  • จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
  • หูกลวงดวงพักตร์หักงอ
  • ลำคอโตตันสั้นกลม
  • สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว
  • โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
  • เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม
  • มันน่าเชยน่าชมนางเทวี
  • เป็นนางเอก สวยยิ่ง จริงจริงแฮะ
  • นางประแดะ สรรพางค์ สำอางศรี
  • อันนางเอก อื่นใด ในวรรณคดี
  • คงไม่มี เทียบชั้น เรื่องลันได

คุณพิสูจน์....ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านและแบ่งปันความรู้ค่ะ ถ้าว่างๆช่วยอ่านบล็อคแง่คิดดีๆที่เรามองข้ามที่หนูเขียน

สักวันคุณจะรู้เอง

ขอบคุณที่เอาข้อมูลให้ดูครับ เจ้งสุดๆ

- -

ก็แค่นั้น

:p

อยากอ่านทั้งหมดโดยเฉพาะบทอัศจรรย์ตลกดีและเจ๋งมากมีปะ

มาเยียมชมเว็บ

ควยปรับรุงอีก

ขอบใจมากๆเรยยย

เราได้แสดงละครเป็นนางประแดะด้วยยย ยย

น่าจะเอามาให้อ่านเป็นกลอน

จะด้ายฮา

สีแสบตาจังเลย....แงแงแงแงแงแงแง T_T

ขอบคุณมากนะค่ะ ดิฉันมี กลอนส่งครู ด้วยค่ะ

สวยที่สุดในปฐพีค่ะ ^_^

ขอบคุนนะคะที่เอาเนื้อหาดีๆ มาแบ่งปันความรู้กันนน !

> แต๊งกิ๊วววววจ้า ,,

>_< !!

,

ขอบคุณครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ระเด่นลันไดเที่ยวสีซอขอข้าวกินตามตลาดเสาชิงช้า หน้าโบสถ์พราหมณ์ มีทหารหมาคอยเห่าหอนเฝ้ายามให้ พอโพล้เพล้ใกล้ค่ำก็สุมควันไล่ยุงแล้วนอนสูบกัญชาบนเสื่อลำแพนจนเมาพับ

พอตะวันโด่งก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าทาดินสอพอง สวมกางเกงขาดๆ สวมประคำดีควายสะพายยาม ถือกระบองกันหมาแล้วเที่ยวสีซอไปตามทางเหมือนอย่างเคย

จนมาถึงเมืองหนึ่งซึ่งใหญ่กว้าง มีเล้าหมูอยู่ใต้ถุน มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง พอระเด่นลันไดเดินเข้าไป หมาก็พากันล้อมเห่ากันเสียงดัง

ฝ่ายนางประแดะซึ่งพอตอนเช้าท้าวประดูผู้สามีออกไปเลี้ยงวัว นางอยู่ในห้อง คอยหั่นกัญชาไว้รอท่า ก็ได้ยินเสียงหมาเห่า นึกว่าวัวหลุดเข้าไปในสวนกล้วย เลยโผล่ออกมาดูตรงหน้าต่างและตวาดหมา พอเห็นระเด่นลันไดก็ชอบใจ

ตอนนั้นเอง ระเด่นลันไดพอหันมาพบสบตานางประแดะ เห็นรูปร่างของนางก็นึกพอใจเช่นกัน แล้วก็สีซอขึ้น และทำท่าทางให้นางประแดะหัวเราะ เพื่อเกี่ยวนาง หลังจากที่นางประแดะได้ฟังลีลาการสีซอของระเด่น ก็รู้สึกจับในความไพเราะ ก็เกิดความรักอันร้อนแรงลืมแม้กระทั่งผัวของตัวเอง นึกอยากจะได้ท้าวประดูมาเป็นคู่ชู้สักวัน จึงรีบจัดแจงตักข้าวกล้อง ปลาสลิดมาหวังให้ทานแก่ระเด่นลันได

ฝ่ายระเด่นลันไดก็พูดจาลดเลี้ยวเกี่ยวพานต่างๆ แต่นางประแดะก็ทำเป็นเล่นตัวบ่ายเบี่ยงแต่ก็ยังบอกชื่อตัวเองและชื่อผัวให้ ระเด่นรู้ ระเด่นก็บอกว่าคืนนี้พี่จะลอดช่องแมวขึ้นไปหาให้เปิดประตูไว้รอรับ แล้วก็จากไปทั้งที่สมอารมณ์หมายและอาลัยอาวร

ด้านท้าวประดู่ที่เลี้ยงวัวอยู่ วันที่จะเกิดเหตุก็มีลางให้กระตุกนัยน์ตาทั้งสองข้าง ตุ๊กแกลงตงมาตรงหน้าคลานไปมาแล้วก็ตาย เห็นแม่โคผลัดขึ้นสัดโคผู้ ก็หวั่นใจว่าจะมีเหตุอะไรสักอย่างแน่ จึงรีบไล่โคกลับมาเมือง (บ้าน)

มาถึงบ้าน ก็เห็นข้าวพร่องไป ปลาสลิดก็หายหมด พอเข้าในห้องจึงเรียกนางประแดะมาว่า มีใครไปมาบ้านเราบ้างหรือเปล่า นางประแดะก็ตอบกระอึกกระอักว่าไม่มีใครหรอก น้องก็นอนอยู่ในบ้าน ไม่เห็นมีใครเลย

ท้าวประดู่ยังแคลงใจอยู่จึงบอกว่า ข้าวปลาอาหารหายไปหมดแล้วจะไม่มีใครได้อย่างไร บอกมาอย่าโกหก สุดท้ายนางประแดะกลัวสามีจึงบอกว่า วันนี้มีหน่อเนื้อกษัตรามาสีซอขอข้าวสาร น้องจึงให้ทานพอพ้นๆ ไป

พอท้าวประดู่ได้ฟังก็พอเดาได้ว่าคงเป็นไอ้ระเด่นลันไดคิดอ่านมาตัดเสบียงเป็นแน่ จึงชี้หน้าตานางประแดะแล้วฉวยดาบออกมาด้วยความโกรธ

นางประแดะรีบกอดเอวสามีไว้เพราะหวาดกลัว บอกให้พี่ฟังน้องก่อน พี่เข้าใจผิดแล้ว ท้าวประดู่ตอนนี้อารมณ์เดือดมากไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ชักดาบออกมาแกว่งและบอกว่า นึกว่ากูไม่รู้หรืออย่างไร ด่าสารพัดและถีบถูกสะโพกนางประแดะกระเด็น นางประแดะเจ็บมากวิ่งกระเผลก เข้าครัวแล้วก็พูดจาประชดชีวิต พอท้าวประดู่ได้ฟังก็โกรธหนัก ดุด่าพลางผลักประตูจะตามนางเข้าไปในห้องครัว แต่นางลั่นกลอนไว้แล้ว ยักเย่ยักยันกันอยู่จนสุดท้ายท้าวประดูก็เข้าไปได้ เอาไม้กวาดไล่ตีนางประแดะ วิ่งกันไปมาอยู่ในครัว สุดท้ายก็ไล่นางประแดะออกจากบ้าน

นางประแดะข่มกลั้นน้ำตาเก็บข้าวของออกจากบ้าน เวลานั้นเป็นคืนเดือนมืดฝนตกพรำๆ นางก็หยุดยืนร้องไห้อยู่ร้านค้า

ฝ่ายระเด่นลันได พอตกดึกก็ย่องเข้าหานางประแดะ เพราะคิดว่าท้าวประดู่นอนเฝ้าวัวอยู่ข้างล่าง ท้าวประดู่ที่นอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงกึกกักก็นึกว่านางประแดะกลับมาหาเลย ทำเป็นไม่สนใจแล้วหลับไป ฝ่ายระเด่นลันไดพอเข้ามาในห้องได้เข้าใจว่าคนที่นอนอยู่เป็นนางประแดะก็ขึ้น ทับแล้วกอดจูบลูบคลำทันที

ท้าวประดู่ก็ตกใจลุกขึ้นปลุกปล้ำนึกว่าอีอำต่างคลำกันวุ่นวายเมื่อเห็นว่า อีกคนหนึ่งไม่ใช่นางประแดะ นึกว่าผีอำ พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ร้องโวยวายขึ้น ฝ่ายระเด่นลันไดก็กระโดดหนีไปอย่างทุลักทุเล

ระหว่างที่วิ่งหนีมาก็ได้ยินเสียงครางอยู่ในร้านข้างทาง พอเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นนางประแดะนั่งคลุมหัวร้องไห้อยู่ พอพบหน้ากันแล้วต่างก็ดีใจ ระเด่นจึงพานางเข้าบ้าน พอถึงบ้านระเด่นก็ชวนนางประแดะเข้ามุ้ง สุดท้ายทั้งสองก็ได้เสียกัน

กล่าวถึงนางทวายแม่ค้าหาบเร่ขายขนมอยู่แถวนั้น ซึ่งเป็นชู้เดิมเที่ยวไปมาหาสู่กันไม่ได้ขาด วันหนึ่งนางก็คิดถึงระเด่นลันไดพอตลาดวายก็แวะมาที่บ้านระเด่นลันได พอมาถึงนอกชานเห็นประดูปิดอยู่ก็แอบมองลอดช่องเข้าไป เห็นนางประแดะกับระเด่นคลีผ้าหาเล็นกันง่วนอยู่ก็ให้รู้สึกทั้งโมโหทั้ง เสียใจ แต่ไม่รู้จะอาละวาดอย่างไรจึงแกล้งเรียกทวงหนี้ข้าวเหนียวที่ค้างไว้ พอระเด่นบอกว่าจ่ายไปแล้วไม่มีติดค้าง นางก็ทำโมโหหาว่าเบี้ยว

ฝ่ายระเด่นลันไดขี้เกียจเถียงกับนางทวาย จึงพูดจาออดอ้อนแล้วเรียกให้เข้ามาคุยกันดีๆ บนเรือน

นางทวายเข้าไปในเรือน เกิดทะเละ กับ นางประแดะ นางทวายไล่ตีนางประแดะ ลอดล่องหนีไป แล้วระเด่นลันได โลมนางทวายเข้าห้อง

สีมันแสบ อ่ะค่ะ

อ่านไม่ออกเลย มีข้อมูลอีกไหมคะ?

เอาข้อมูลมาจากที่ไหนคะ แหล่งอ้างอิงหนังสือเล่มไหน เลขหน้าอะไร หรือเอามาจากเว็บที่ไปเอามาคือเว็บอะไร

ขอความกรุณาขอบรรณานุกรมด้วยค่ะจะเอาไปอ้างอิง หากใจดีช่วยส่งเมล์มาด่วนเลยนะคะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

[email protected]

ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว

พี่ไม่กลัวบาปหรอกนะโฉมศรี

อันนรกตกใจไปใยมี

ยมบาลกับพี่เป็นเกลอกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท