ไปฟังปาฐกถาของนักปราชญ์ว่าด้วยชุมชนไทย
วันที่
๑๐ ก.พ. ๔๙ ผมรีบบึ่งกลับมาจากสุพรรณบุรี
เพื่อไปฟังปาฐกถาชุด “สิรินธร” ครั้งที่ ๒๑ เรื่อง
“ประวัติศาสตร์ สังคม กลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลไท” โดย ศ. ดร.
ฉัตรทิพย์ นาถสุภา นักปราชญ์ด้าน
เศรษฐกิจสังคมชุมชนหมู่บ้านไทย
ผมจะไม่สรุปประเด็นที่ท่านบรรยาย
แต่จะบันทึกส่วนที่ผมประทับใจ
และเห็นลู่ทางทำงานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในชุมชน
อันจะเป็นพลังเสริมชาวบ้านที่รวมตัวกันเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
ในรูปแบบต่างๆ เช่น โรงเรียนชาวนา แผนแม่บทชุมชน
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน
อันจะเป็นการรวมพลังของการวิจัย
กับการจัดการความรู้เข้าด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยทั้งสังคมไปสู่สังคมอุดมปัญญา
(Knowledge-based Society) คำบรรยายส่วนที่ “โดนใจ”
ผมอย่างแรง คือ
“ในอดีตกาลนักปราชญ์ราชบัณฑิตไม่ได้ศึกษาและทำความเข้าใจชาวบ้านสามัญ
ไม่เห็นพลังของพวกเขา ไม่รับรู้
และไม่เห็นค่าว่าพวกเขามีวัฒนธรรม
ศึกษาและชื่นชมแต่สถาบันและวัฒนธรรมของอินเดียและจีน
ต่อมาเมื่อตะวันตกแพร่อิทธิพลมาถึงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ ๑๕๐
ปีมานี้
ปัญญาชนไทยจำนวนมากก็หันไปศึกษาและชื่นชมตะวันตกอย่างสุดโต่ง
ต้องการทำให้ประเทศเปลี่ยนทุกอย่างให้ทันสมัยแบบตะวันตก
(modernization)
มีนัยว่าสังคมและวัฒนธรรมไทยล้าหลัง
หรือแรงหน่อยก็คือป่าเถื่อน เชื่อว่าการทันสมัย
(modernity) มีแบบเดียว คือการเป็นตะวันตก
ชนชั้นนำไทยจำนวนมากพยายามแปลงตัวเองเป็นตะวันตก
และพยายามผลักดันลากจูงชาวบ้านสามัญไปในวิถีทางนั้นด้วย
โดยเฉพาะคือให้กลายเป็นนายทุนและคิดแบบปัจเจกชนนิยม
การแข่งขันถูกนำมาแทนที่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันและน้ำใจ
เป็นการพัฒนาแบบให้ชาวไทยปฏิเสธสถาบันและวัฒนธรรมชุมชน
ให้ปฏิเสธตัวเอง
เส้นทางประเทศไทย อนาคตแบบสังคมและวัฒนธรรมชุมชน
หมายความถึงการสามารถก้าวข้ามการทันสมัยแบบตะวันตก
ประดิษฐานการทันสมัยแบบไทย
ขณะนี้ประชาชนหลายชาติในโลก
ต่างก็คิดหาแนวทางทันสมัยแบบของตัวเอง เช่นจีน
อินเดีย รัสเซีย ญี่ปุ่น
หรือชาวศาสนาอิสลาม
การทันสมัยแบบของไทยเราเองจะเป็นจริงได้
ก็ต่อเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างปัญญาชนกับประชาชนพื้นเมือง
ต้องมีการค้นหา ฟูมฟัก พัฒนา
และถักทอสานซ้ำวัฒนธรรมและจิตวิญญาณชุมชน
ยืนยันความเป็นตัวของเราเอง
พัฒนาจากศักยภาพของเราเอง
รวมทั้งเลือกสรรนำเทคโนโลยีและส่วนดีของวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาเติมผสม
กระบวนการนี้ต้องการนักวิชาการและปัญญาชนที่จะสืบค้น
ศึกษา และซึมซับกระบวนการที่เป็นจริงของประชาชนในประวัติศาสตร์
และในปัจจุบัน
นำกลับมาเผยแพร่และอธิบายถึงความชอบธรรม
และจินตนาการถึงระบบที่จะสมบูรณ์แน่นแฟ้นขึ้น
ที่จะเกิดและควรเกิดขึ้นในภายหน้า
ประกอบเขตเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมขึ้นเป็นภูมิภาคและเป็นประเทศชาติ
เป็นการทันสมัยแบบไทย แบบของเราเอง”
ผมได้เรียนเสนอ ศ. ฉัตรทิพย์ เป็นการส่วนตัวว่า สคส.
อยากขอให้ท่านประกอบคณะวิจัย “เศรษฐกิจชุมชนไทย"
อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อศึกษาเศรษฐกิจชุมชนไทยจากปัจจุบันสู่อนาคต
โดยเน้นการศึกษาเก็บข้อมูลภาคสนาม
เน้นการทำความเข้าใจพลวัตสังคมในปัจจุบัน
ที่ถนนทุกสายมุ่งสู่ชุมชน ทั้งโดยภาครัฐ
(กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล
ศูนย์แก้ปัญหาความยากจน ฯลฯ)
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ขบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน (เครือข่ายแผนแม่บทชุมชน
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน โครงการชุมชนเป็นสุข
ฯลฯ) การวิจัยท้องถิ่น
และขบวนการจัดการความรู้ชุมชน - ท้องถิ่น
เพื่อทำความเข้าใจว่าชุมชนท้องถิ่นกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับกระแสจากภายนอกอย่างไร
จะใช้จุดแข็งของการเป็นสังคมวัฒนธรรมชุมชน
ผสมผสานกับความรู้สมัยใหม่จากภายนอก
และกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชนที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน
“เพื่อประดิษฐานการทันสมัยแบบไทย”
หรือที่ผมเรียกว่า เพื่อสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญา
ที่สถาปนาขึ้นจากฐานชุมชนของเราเอง
วิจารณ์ พานิช
๑๐ กพ. ๔๙
ดิฉันก็เป็นคนรุ่นกลางที่เป็นห่วงเป็นใยคนรุ่นใหม่กับวิถีชีวิตของพวกเขาจริงๆ--พร้อมๆ กับความเห็นใจในคนรุ่นกลางและรุ่นแรกๆ อย่างเราๆ ว่าจะละเหี่ยใจและห่วงใยลูกหลานของเราเพียงใด(ลูกหลานที่มีใจนิยมชมชื่นกับคนชาติตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ--ที่จริงความเป็นตะวันตกก็ดีงามหลายเรื่องอยู่นะคะ)
ความชื่นชมตะวันตกแสดงโจ่งแจ้งอยู่ในรายการวิทยุหรือโทรทัศน์รายการต่างๆ ที่จัดสร้างและดำเนินรายการโดยคนไทย (ไม่รวมการนำสารคดีจากต่างประเทศเข้ามา) แม้พิธีกรจะเป็นคนไทย ชื่อไทย แต่พวกเขาต้องเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อรายการก็ต้องภาษาอังกฤษ . สารพัดจะภาษาอังกฤษ และกำกับด้วยภาษาไทยตัวเล็กๆ ข้างใต้
แค่เพลงประกอบรายการทำขนม เดินป่า ตกปลา จ่ายตลาด ก็เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ทั้งที่ผู้ดำเนินรายการก็มีใบหน้าไท้ย..ไทย หรือผสมกันหลายชาติอยู่ พิธีกรวัยรุ่นส่วนใหญ่ ต้องพูดภาษาไทยสำเนียงฝรั่ง
รายการเหล่านี้ เป็นตัวอย่างของ "ปัญญาชนไทยจำนวนมากก็หันไปศึกษาและชื่นชมตะวันตกอย่างสุดโต่ง ต้องการทำให้ประเทศเปลี่ยนทุกอย่างให้ทันสมัยแบบตะวันตก (modernization) มีนัยว่าสังคมและวัฒนธรรมไทยล้าหลัง หรือแรงหน่อยก็คือป่าเถื่อน เชื่อว่าการทันสมัย (modernity) มีแบบเดียว คือการเป็นตะวันตก" หรือไม่คะ
เราต้านกระแสแบบนี้ ไหวไหมคะ? รายการแบบนี้rattingจะดีมาก อยู่กับพวกเขาวัยรุ่น มากกว่าพ่อแม่ชะอีก (ยิ่งพ่อแม่บางคนก็พูดภาษาไทยอย่างนักจัดรายการเหล่านั้นเข้าไปอีก..ไปกันใหญ่) ทึ่จริงรายการแบบนี้อยู่กับคนไทยทุกเพศทุกวัยด้วยซ้ำ
ดิฉันขอสนับสนุนตามที่อาจารย์เขียน
"เพื่อการฟื้นฟูสังคมไทยให้อุดมปัญญาด้วยภาษาไทยและแนวคิด กับการพัฒนาวิชาการอย่างไทย และการ"มีการค้นหา ฟูมฟัก พัฒนา และถักทอสานซ้ำวัฒนธรรมและจิตวิญญาณชุมชน"
นอกจากนี้เราต้องมีกลยุทธ์ รุกหน้าอีกหลายเรื่อง และเรื่องง่ายที่ทำได้ก็คือ
การรณรงค์รายการทางวิทยุและโทรทัศน์บางรายการให้ลดความเป็นลูกครึ่ง เพิ่มความเป็นไทย โดยลดพฤติกรรมและวิธีการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น--
และ 2. เพิ่มรายการใหม่ ที่อำนวยการสร้างโดยรัฐบาล จัดรายการโดยพิธีการรุ่นใหม่ที่สร้างขึ้นมาให้งามอย่างไทย ทันสมัยอย่างไทยเรียบร้อยแล้ว
เนื้อหาควรมาจากนักวิชาการและปัญญาชน ("ผู้ที่จะสืบค้น ศึกษา และซึมซับกระบวนการที่เป็นจริงของประชาชนในประวัติศาสตร์ และในปัจจุบัน")
รูปแบบของรายการคือการนำความรู้ที่วิจัยได้ "นำกลับมาเผยแพร่และอธิบายถึงความชอบธรรม "ควรลดภาษาวิชาการลงไปบ้าง เพื่อการเข้าถึงทุกระดับ(ตั้งแต่ระดับ"ยอดหญ้า" จนถึง"รากหญ้า")
ดิฉันคิดว่ารายการโทรทัศน์สามารถเข้าถึงสังคมไทยได้ง่ายที่สุด (แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาดี ที่คนส่วนใหญ่ยังตื่นนอนอยู่และสามารถจะรับชมได้)
ดิฉันขอเสนอให้นักวิชาการ นักพูด นักเขียนที่มีสมรรถนะ และฐานะที่สามารถดึงความสนใจจากรัฐบาลและนักจัดรายการทั้งหลายให้สนใจเปลี่ยนแปลง
ศ. ดร. ฉัตรทิพย์ได้มีจดหมายลงวันที่ ๒๖ เมย. ๔๙ แจ้งว่าไม่สามารถทำโครงการวิจัยหมู่บ้านไทยต่อได้เพราะติดภารกิจ ๒ อย่าง ดังนั้นเรื่องนี้จึงพับไป และ สคส. ไม่คิดจะชวนคนอื่นทำเรื่องนี้ เพราะ สคส. ไม่ใช่แหล่งทุนวิจัย
วิจารณ์ พานิช