ลักษณะของการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน1. ผู้ทำวิจัยยังคงทำงานตามปกติของตน2. ไม่ต้องสร้างเครื่องมือวิจัย3. ไม่มีข้อมูลจำนวนมาก และไม่ต้องใช้สถิติ4. ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการสังเกต การพูดคุย และใช้การวิเคราะห์เนื้อหา5. ไม่ต้องทบทวนรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง6. ใช้เวลาทำวิจัยไม่นาน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาและจำนวนบุคคลที่ต้องการแก้ไข7. ความยาว 2 – 3 หน้าต่อเรื่อง8. ผู้เรียนได้รับการแก้ไขหรือพัฒนา9. ไม่มีการระบุประชากร กลุ่มตัวอย่าง การสุ่มตัวอย่าง10. ไม่ต้องใช้สถิติสรุปอ้างอิง และไม่มีระดับนัยสำคัญ11. ไม่มีการทดสอบก่อนหลัง12. ไม่มีตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม13. ไม่มีกลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุม14. เป็นการวิจัยเชิงคุณลักษณะ มากกว่าการวิจัยเชิงปริมาณ15. เน้นการแก้ไขที่สาเหตุของปัญหาของผู้เรียนบางคน บางเรื่อง
จากเอกสารประกอบการบรรยาย
“ การพัฒนาตนและพัฒนางานด้านวิจัย ”
โดยนายณรงค์ ช้างยัง ศึกษานิเทศ ชำนาญการพิเศษ
ลักษณะพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กวัย 5 ปี
เด็กวัย 5 ปี ถึงแม้จะเจริญเติบโตในหลาย ๆด้าน แต่ช่วงความสนใจของเด็กยังไม่สามารถสนใจในสิ่งใดได้นานนัก แต่มีลักษณะของการขยายความสนใจในเรื่องต่าง ๆมากขึ้น มีการใช้ภาษาดีขึ้น พูดจาเป็นประโยคและมีความหมายมากขึ้นยาวขึ้น ใช้ภาษาในการสื่อสารได้กว้างขวางขึ้นเนื่องจากสามารถรู้คำศัพท์ได้ถึง 2,000 คำ เวลาเล่นสมมุติตามจินตนาการจะใช้ถ้อยคำที่เคยได้ยินและจำไว้ ส่วนใหญ่ชอบพูดลดเลี้ยวเลยเถิดไปเรื่อย เนื่องจากเป็นเพราะชอบเพ้อฝันและต้องการหลีกเลี่ยงความเป็นจริง ชอบซักถามในลักษณะของการหาคำตอบเพื่อความเข้าใจ มีความสามารถในการจดจำตัวอักษร ตัวเลข จำนวน และสีต่าง ๆได้ถึง 10 สี และสามารถเรียกชื่อสีได้อย่างน้อยที่สุด คือ 4 สี คือแดง เหลือง น้ำเงิน ขาว เริ่มสนใจการอ่านเขียน มีความพร้อมในการเรียนรู้กฎเกณฑ์ง่าย ๆทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ อยากรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและต้องการหาเหตุผล สามารถแยกแยะเรื่องจริงและเรื่องที่สมมุติออกจากกันได้ มีการแสดงออกทางด้านความคิดเห็นอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหา ชอบการเล่นเกมที่มีกติกาง่าย ๆรวมทั้งการเล่นกลง่าย ๆ ชอบเรื่องที่สนุกสนานและขบขัน ผลงานทางศิลปะแสดงให้เห็นถึงความคิดและสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ชอบร้องเพลง ฟังนิทาน และเรื่องราวต่าง ๆรวมทั้งบทร้อยกรอง
ไม่มีความเห็น