จะเห็นได้ว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงมีระบบการปฏิบัติงานแบบระบบราชการไทย ซึ่งมีระเบียบขั้นตอนมาก และยังมีระเบียบภายในของมหาวิทยาลัยเองที่ถูกสร้างให้ซับซ้อนขึ้นมาอีก เช่น ระเบียบการเงินสำหรับงบประมาณแผ่นดินและระเบียบการเงินสำหรับงบประมาณเงินรายได้ ระบบการบริหารบุคคลที่เป็นข้าราชการและระบบการบริหารบุคคลที่เป็นพนักงาน การบริหารหลักสูตรภาคปกติกับภาคพิเศษ ซึ่งมีกระบวนการมีขั้นตอนมากพอๆ กัน ซึ่งเป็นปัญหาทำให้บุคลากรในองค์กร ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะแยกแยะออกจากกันได้อย่างไร ระเบียบภายในที่สร้างมาเพื่อความคล่องตัวซึ่งกลายเป็นไม่คล่องตัวไปโดยปริยาย อีกทั้งองค์ความรู้ในมหาวิทยาลัยทั้งที่เป็นศาสตร์และการเรียนรู้ภายในยังมีอีกมาก เช่น อาจารย์ที่สอนเก่งในภาควิชามีเทคนิคของการสอนและวิธีการถ่ายทอดให้ลูกศิษย์อยากเรียนรู้ได้อย่างไร นักวิจัยอาวุโสที่มีผลงานวิจัยยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงระดับโลก มีแนวคิดและวิธีการวิจัยอย่างไร การบริหารจัดการหลักสูตร และโครงการที่ประสพความสำเร็จ ตลอดจนการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน จึงถือเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าทั้งสิ้น ดังน้นมหาวิยาลัยขอนแก่นจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการที่จะสามารถจัดการองค์ความรู้ต่างๆ เหล่านี้ เพื่อถนอมรักษาไว้ซึ่งความรู้และใช้เป็นฐานในการต่อยอดความรู้ให้องค์กรเก่งขึ้น จะเห็นได้ว่าคนในองค์กรมีอีกมากที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถหาความรู้ในเรื่องต่างๆ ได้จากที่ใดและจากบุคคลใด ซึ่งแน่นอนในองค์กรต้องเกิดการผิดพลาด แล้วความผิดพลาดเหล่านั้นมีประโยชน์กับบุคคลอื่นๆ อย่างไร มีการเก็บเป็นข้อมูลเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดซ้ำซ้อนหรือไม่ มีการรักษาความรู้จากคณาจารย์ที่เกษียณอายุ ซึ่งท่านเหล่านี้ต่างก็มีความรู้ที่สั่งสมมานาน เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว องค์กรทราบหรือไม่ว่าท่านเหล่านี้นำความรู้นั้นกลับไปหรือทิ้งความรู้เหล่านั้นไว้เป็นประโยชน์ให้แก่คนรุ่นหลัง ทำให้การจัดการความรู้มีความสำคัญและต้องนำมาใช้ในมหาวิทยาลัย แม้ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็เป็นเรื่องใหม่ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยพยายามที่จะทำให้บุคคลากรทุกคนเข้าใจ และให้ความช่วยเหลือและให้ข้อเสนอแนะในเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้มีการแบ่งปันความรู้ ผ่านกระบวนการของการเสวนา การอภิปราย การสร้างเครือข่ายหรือกลุ่มผู้ปฏิบัติ (Community of Practice)
แนวทางหนึ่งในการจัดการองค์ความรู้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นเลือกใช้ คือการจัดโครงการสัมมนาให้แก่บุคคลากรในมหาวิทยาลัย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างในบางส่วน ดังนี้
- Km สำหรับหัวหน้าภาควิชา โดยจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ดี (Good Practice) ซึ่งกลุ่มเป้าหมายก็คือ ข้าราชการของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 120 ท่าน ประกอบด้วย หัวหน้าภาควิชาจากทุกภาควิชา และจากทุกคณะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ
ซึ่งจะมีตัวชี้วัดผลสำเร็จ ดังนี้
วิธีการที่ใช้ ได้แก่ การบรรยาย การอภิปราย และการแบ่งกลุ่ม
ผลสรุปที่ได้จากกิจกรรม คือ การนำ KM มาใช้เป็นการให้มาเรียนรู้ร่วมกัน และเปลี่ยนข้อคิดเห็นประสบการณ์ร่วมกัน ระหว่างหัวหน้าภาควิชาต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปที่ดีสำหรับองค์กร
-KM หลักสูตรสำหรับศูนย์ สถาบัน สำนัก โดยจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (I am ready) ในการจัดการความรู้ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำหรับตัวแทนสโมสรนักศึกษา ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ตัวแทน คณะ ศูนย์ สถาบัน สำนัก ได้แก่ รองคณบดี หัวหน้างาน และหัวหน้าส่วน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายการจัดกิจกรรมการจัดความรู้มหาวิทยาลัย หน่วยงานละ 5 -10 คน และตัวแทนสโมสรนักศึกษาหรือผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมการจัดความรู้มหาวิทยาลัย ระดับสโมสรคณะ หน่วยงานละ 3-5 คน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ
และมีตัวชี้วัดผลสำเร็จ ดังนี้
วิธีการที่ใช้ ได้แก่ การบรรยาย การอภิปราย และการแบ่งกลุ่ม
ผลสรุปที่ได้จากกิจกรรม คือ การนำ KM มาใช้เป็นการให้มาเรียนรู้ร่วมกัน และเปลี่ยนข้อคิดเห็นประสบการณ์ร่วมกัน เกิดการทำงานเป็นทีม การมีส่วนร่วมในการทำงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาการปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน
ซึ่งจะเห็นได้ว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการนำเอาการจัดการองค์ความรู้เข้ามามีส่วนในการช่วยพัฒนาบุคคลากรในองค์กร ทำให้ทุกๆคนเห็นถึงความสำคัญของการจัดการความรู้ ซึ่งถ้าแต่ละคนสามารถแบ่งปันความรู้ และรู้ที่จะเก็บรักษาจัดการความรู้ ก็จะสามารถทำให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ทีแท้จริงได้ และหากทุกคนมีการแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน จะทำให้รู้ว่า การให้ที่ทำให้เราได้รับมากขึ้น ก็คือการให้ความรู้ ยิ่งให้ ยิ่งรู้ ไม่เหมือนกับการให้ทรัพย์สินอื่นๆ ที่ยิ่งให้ก็ยิ่งลดลง
ที่มา Web Link : http://home.kku.ac.th/km/km.data1/KM%20I%20am%20ready27-28-3-48.htm