ตามไปดู "ชาวบ้านสรุปผลการวิจัยชุมชนโดยใช้วิธี...เล่าให้ฟัง"
ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานโครงการบ่มเพาะนวัตกรรมการเกษตร ที่ใช้ระยะเวลา 1 ปี โดยมี เป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวบ้านทำวิจัยด้วยตนเอง ซึ่งรับผิดชอบร่วมทีมงาน (ตนเองได้เรียนรู้ด้วย) ในพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 6 กลุ่ม 5 จังหวัด คือ 1) จังหวัดสิงห์บุรี ( กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรโพธิ์หอม) 2) จังหวัดชัยนาท (กลุ่มโรงสีข้าวเที่ยงแท้ และกลุ่มแม่บ้าน ท่าทราย) 3) จังหวัดสุพรรณบุรี (กลุ่มเกษตรกรปลูกหน่อไม้ฝรั่งตำบลวังยาว) 4) จังหวัดปราจีนบุรี (กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทับลาน) และ 5) จังหวัดลพบุรี (กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรลำสนธิ)
การทำงานที่เกิดขึ้นเป็นช่วงสุดท้ายของการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ของชุมชนจากการทำวิจัย โดยจะเก็บองค์ความรู้ต่าง ๆ ในรูปแบบสื่อการเรียนรู้ (เทปภาพ) ที่มาจากการสรุปผลของชาวบ้านโดยการเล่าให้ฟัง ซึ่งผลจากการสังเกตุการทำงานและวิธีการเล่าสรุปข้อมูลนั้นเริ่มต้นจาก
ขั้นที่ 1 เล่าภาพรวมของกลุ่ม ได้แก่ ความเป็นมา ปัญหาที่เกิดขึ้น วัตถุประสงค์ และ สรุปประเด็นที่จะทำวิจัยนั้นมีกี่เรื่อง (โจทย์วิจัย)
ขั้นที่ 2 เล่าสรุปผลการทำวิจัยของแต่ละเรื่อง ได้แก่ ประเด็นปัญหาที่ทำวิจัย วัตถุประสงค์ จำนวนสมาชิกที่ทำ ทรัพยากร การวางแผนและออกแบบ การเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือ การอ่านและเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปผลที่เกิดขึ้น (ข้อค้นพบ)
ขั้นที่ 3 เล่าสรุปผลภาพรวมของกลุ่มที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัยชุมชน ได้แก่ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มและชุมชน การเรียนรู้ของตนเอง การพัฒนาอาชีพโดยการทำวิจัย และข้อเสนอแนะ
เมื่อฟังชาวบ้านเล่าเนื้อหาสาระที่ค้นพบจากการบ่มเพาะภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ความภาคภูมิใจที่ได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนเองหรือกลุ่มต้องการ ได้แก้ปัญหาอาชีพด้วยตนเอง และได้ค้นพบสิ่งใหม่ที่เป็นนวัตกรรมให้กับชุมชน เป็นต้น โดยเฉพาะกับคำพูดของชาวบ้านที่ว่า.....
"ตอนแรกเจ้าหน้าที่มาชวนให้ทำวิจัย พวกเราก็บอกว่ามันเป็นเรื่องยาก...พวกเราไม่มีความรู้หรอก...ขอไม่ทำ" หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้เทคนิคการเชิญชวนทำงานกับชุมชน จนชาวบ้าน ใจอ่อน (ตามติดข้อมูล/ไม่ทิ้งพื้นที่) ยอมเป็นนักวิจัยชุมชน และทดลองแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการ วิจัย
ซึ่งเมื่อจบสิ้นการทำงาน ชาวบ้านก็บอกว่า "อ๋อ....การทำวิจัยนั้นเหรอ...ไม่ใช่เรื่องยากเลย.....ถ้าไมเชื่อก็ลองทำกันดู...และตอนนี้นะ...กลุ่มเรามีโจทย์ที่ต้องมาค้นหาคำตอบกันต่อ...มีอีกหลายเรื่องที่พวกเราสงสัย...ดู ๆ แล้วมีงานให้ทำได้ตลอดเลย...ไม่จบสิ้น...และตอนนี้เรามี...นักวิจัยน้อยเกิดขึ้นด้วย"
บทบาทของนักส่งเสริมจึงเริ่มปรับเปลี่ยน โดยเรียนรู้เกี่ยวกับการเป็น "นักวิจัย" เพื่อนำมาใช้ เป็นทางลัดและเป็นวิธีการใหม่ในการทำงานกับชาวบ้าน เพราะจากผลการประมวลข้อมูลนั้นพบว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เป็นวิธีการทำงานที่สามารถทำให้ชุมชนคิดเป็น ทำเป็น และยั่งยืนได้ อันจะส่งผลให้ งานส่งเสริมจะไม่ตาย....
เรื่องราวดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ตามไปดูเขาถ่ายทำเทปภาพจาก 6 กลุ่ม 5 จังหวัด ในครั้งที่ 1 วันที่ 9 -11 มกราคม 2549 และครั้งที่ 2 วันที่ 17-19 มกราคม 2549 ซึ่งเป็นความสุขของการทำงานพัฒนาบุคลากรที่ว่า "ทำอย่างไรให้คนอื่นเขาเรียนรู้ตามสิ่งที่เขาต้องการได้บรรลุผล" โดยเฉพาะการทำงานกับพื้นที่และชุมชนเกษตร
ศิริวรรณ หวังดี (9 ก.พ. 49)
ดีจังเลยครับ เห็นบทบาทนักส่งเสริมการเกษตรเปลี่ยนบทบาท ทำงานแบบให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม
ให้ชาวบ้านเป็นผู้คิดว่าต้องการรู้เรื่องอะไร ขณะเดียวกันนักส่งเสริมการเกษตร ก็หันมาเป็นผู้ส่งเสริมมากขึ้น เพราะที่ผ่านๆมา ชาวบ้านบอกว่าได้ความรู้แต่ไม่ยั่งยืน (เป็นลักษะของการสอนมากกว่าส่งเสริม)