14 แนวทางพระราชดำริบริหารบ้านเมืองที่ มสด.(๑)


การบริหารจัดการภาครัฐตามแนวทางพระราชดำริเพื่อประเทศไทยในอนาคต

แนวทางพระราชดำริสู่การบริหารจัดการภาครัฐ

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จัดสัมมนาทางวิชาการ “การบริหารจัดการภาครัฐตามแนวทางพระราชดำริเพื่อประเทศไทยในอนาคต” โดย ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เป็นองค์ปาฐกแสดงปาฐกถาเรื่อง “แนวทางพระราชดำริสู่การบริหารจัดการภาครัฐ”

 ... เรียนอธิการบดี และผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมขอขอบคุณ ที่ระลึกถึงกัน และชวนผมมาพูดกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในวันนี้ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ ไม่ว่าจะระดับปริญญาตรี โท หรือเอก ถือว่าเป็นปัญญาชน เป็นกำลังสำคัญของชาติ และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของบ้านเมืองของเรา เป็นพลังประชาธิปไตยที่ชาติกำลังเฝ้ามองด้วยความหวัง ผมหวังว่านักศึกษาทั้งหลายจะสำนึกรู้ถึงความสำคัญของตนเอง และจะไม่ทำให้คนที่เขาเฝ้ามองผิดหวัง
       

       หัวข้อปาฐกถาที่อธิการบดีกรุณากำหนดให้ เป็นหัวข้อที่มีความสำคัญและลึกซึ้งมาก พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้แก่พสกนิกรของพระองค์ นับตั้งแต่เสวยราชย์จนจะครบ 60 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ มีเป็นจำนวนมาก พวกเราทั้งหลาย คณะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ สมาชิกรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ นักธุรกิจสาขาต่างๆ บัณฑิตทั้งหลายที่จบจากสถาบันต่างๆ ต่างก็ได้ฟัง ได้ยิน มาโดยต่อเนื่อง
       
       มีคนเป็นจำนวนมากที่รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมไปปฏิบัติ มีคนจำนวนมากที่เข้าใจชัดเจน มีจำนวนน้อยที่เข้าใจไม่ชัดเจน และบางคนก็ไม่เข้าใจเลย แต่ถ้าพวกเราทั้งหลายจะพิจารณาให้ลึกซึ้งถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหล่านั้น ล้วนทรงคุณค่ามหาศาล มีประโยชน์อย่างยิ่ง และมีลักษณะสำคัญยิ่งประการหนึ่ง
       

       ลักษณะสำคัญยิ่งประการนั้นก็คือ ทรงยึดหลักการที่สอดคล้องกันมาโดยตลอด หลักการที่ผมพูดถึงก็คือ ทรงย้ำเตือนให้ผู้รับผิดชอบในการบริหารชาติบ้านเมืองทุกระดับ นำไปตรึกตรอง พิจารณา และปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และเพื่อความมั่นคงของชาติ
       

       แนวพระราชดำริที่ผมเชิญมาเล่าให้พวกเราทั้งหลายฟังในวันนี้ ผมได้พยายามรวบรวมเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการบริหาร ได้พยายามรวบรวมให้ครบถ้วนมากที่สุด แต่อย่างไรก็ย่อมขาดไปบ้าง ผมมีความภูมิใจจริงๆ ที่ท่านทั้งหลายสนใจในการนำเอาพระราชดำริมาพูดกัน เพราะว่าพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นสิ่งบริสุทธิ์ สะอาด และศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดรับไปปฏิบัติย่อมเป็นมงคลแก่ชีวิต เป็นเกราะป้องกันความเสื่อมเสีย
       

       ขอเรียนว่า การปฏิบัติตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานลงมาทั้งหมด ยากมาก ผู้ใดสามารถปฏิบัติได้ครบถ้วน ต้องได้รับการยกย่องสรรเสริญ เพราะผู้ที่จะปฏิบัติได้ครบถ้วน จะต้องเป็นคนที่สะอาด มีความเพียร เพียบด้วยคุณธรรมและจริยธรรมสมบูรณ์ แต่พวกเราไม่ต้องท้อถอย เพราะแม้แต่จะยากลำบากสักเพียงใด พวกเราก็สามารถปฏิบัติได้
       

       ผมดีใจที่ขณะนี้พวกเราคนไทยทุกระดับพูดกันถึงเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมกันมาก ซึ่งเราไม่ค่อยพูดถึงกันมามากนักในสมัยก่อนๆ นี้ ความเก่ง ความฉลาด เป็นเรื่องที่ดี แต่ความเก่ง ความฉลาดที่ไม่มีคุณธรรม ไม่มีจริยธรรม ไม่น่าจะดี
       
       พวกเราทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเป็นนักการศึกษา เป็นนักศึกษา พวกเราทั้งหลายรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการศึกษานี้คือการสอนวิธีทำคนให้เป็นคนดี สอนให้เป็นคนที่รู้จักเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบ นอกตำรา หรือจากประสบการณ์ชีวิต ย่อมเป็นประโยชน์ทั้งนั้น การนำแนวพระราชดำริมาศึกษาก็เช่นเดียวกัน ผู้ปฏิบัติตามย่อมต้องเป็นคนดี เป็นคนมีประโยชน์ เป็นคนที่ชาติต้องการ
       การเชิญแนวพระราชดำริมาเล่าสู่ให้พวกเราฟังในวันนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐนั้น ย่อมกระทบต่อการบริหารของภาครัฐระดับต่างๆ บ้าง ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมขอยืนยันว่า

 ผมมิได้มีเจตนาจะตำหนิใคร ไม่มีเจตนาจะตำหนิองค์กร องค์การใด ถ้ามีใคร คณะใด ฟังแล้วไม่ชอบใจก็ต้องขออภัย

ลองศึกษาแนวทางดูครับ/JJ

หมายเลขบันทึก: 14864เขียนเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2006 08:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท