เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบมีหลายชนิด ได้แก่ ชนอด เอ, บี, ซี,และดี โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย อัตราการเป็นพาหะของไวรัสชนิดนี้พบได้ ร้อยละ 6-10 ของประชากร จึงนับว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่ง เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นๆได้ ได้แก่ ผู้ใกล้ชิดในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และบุคคลอื่นๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย สุขภาพทรุดโทรม บางรายไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและครอบครัวได้
ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องโรคอย่างถูกต้องและดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม จะสามารถลดความรุนแรงของโรคและยังป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ด้วย ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคได้
อาการ
ในระยะเฉียบพลัน แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 อาการคล้ายเป็นไข้หวัด ได้แก่ มีไข้สูง เจ็บคอ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเสียวบริเวณลิ้นปี่ และใต้ชายโครงขวา ซึ่งระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน
อาการคล้ายเป็นไข้หวัด ได้แก่ มีไข้สูง เจ็บคอ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเสียวบริเวณลิ้นปี่ และใต้ชายโครงขวา ซึ่งระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-10 วันระยะที่ 2 อาการไข้ลดลง เริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต กดเจ็บบริเวณชายโครงขวา ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อ่อนเพลียมากขึ้น ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์
อาการไข้ลดลง เริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต กดเจ็บบริเวณชายโครงขวา ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อ่อนเพลียมากขึ้น ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ระยะที่ 3 อาการตาและตัวเหลืองหายไป แต่ตับยังโตและกดเจ็บ อ่อนเพลีย ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์
อาการตาและตัวเหลืองหายไป แต่ตับยังโตและกดเจ็บ อ่อนเพลีย ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์โรคนี้ถ้าเป็นนานๆ โดยไม่ได้รับการรักษา หรือปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง อาจเกิดเป็นตับอักเสบเรื้อรังและกลายเป็นโรคตับแข็งได้
การติดต่อ
1. การติดต่อจากมารดาสู่ทารก ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บีให้กับทารกแรกคลอดทุกคน ซึ่งช่วยลดอัตราการติดเชื้อได้มาก สำหรับการให้นมบุตรของมารดาที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ บีจะไม่เพิ่มอัตราการติดเชื้อในทารก
2. ทางเลือด ติดเชื้อได้จากการฉีดยา เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือจากการได้รับเลือดและส่วนประกอบของเลือดที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ปะปนอยู่ รวมทั้งการสัก ฝังเข็ม และเจาะหู
3. ทางเพศสัมพันธ์
4. ทางปาก มีอัตราเสี่ยงการคิดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็น
การรักษา
โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส บี ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ การรักษามีจุดมุ่งหมายเพื่อประคับประคองให้ตับมีสภาพดีขึ้นและสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ดังนั้น การรักษาที่ดี คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เพื่อให้ตับฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
การปฏิบัติตน
การป้องกันการเกิดโรค
ปัจจุบันมีวัคซีนชนิดฉีด เพื่อป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ซึ่งการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันนั้น พบว่า เมื่อฉีดครบ 3 เข็ม ที่ระยะเวลา 0, 1และ 6 เดือน ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันปกติ จะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ร้อยละ 90-95 ภูมิคุ้มกันนี้จะลดลงช้าๆ ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก 5-10 ปี
อาการคล้ายเป็นไข้หวัด ได้แก่ มีไข้สูง เจ็บคอ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเสียวบริเวณลิ้นปี่ และใต้ชายโครงขวา ซึ่งระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน อาการไข้ลดลง เริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต กดเจ็บบริเวณชายโครงขวา ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อ่อนเพลียมากขึ้น ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ อาการตาและตัวเหลืองหายไป แต่ตับยังโตและกดเจ็บ อ่อนเพลีย ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์Artichokes (ATISO, ACTISO) อาร์ติโช๊ค
อาร์ติโช๊ค (Cynara scolymus) เป็นพืชที่นิยมปลูกในต่างประเทศ เฉพาะภูเขาสูงมากกว่า 1,500 เมตร เท่านั้น ปี 2513 นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป ได้ค้นพบสารไซนาริน ” มีคุณค่าทางอาหาร และยา นำมาบริโภคสด หรือปรุงอาหารได้ทุกส่วน หรือนำมาสกัดสารไซนาริน(Synarin) รับประทานเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพได้ดี” ในยุคโบราณอาร์ติโช๊คเป็นอาหาร และยารักษาโรคของชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมัน และเป็นเมนูอาหารที่สำคัญในทุกงานเลี้ยงของกรุงโรม นอกจากจะเป็นอาหารเสริม แล้วยังมีสรรพคุณทางยา ดังนี้
1. ช่วยบำรุง กระตุ้นการทำงานของตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่ในการสกัดสารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมออกจากกระแสโลหิต สร้างน้ำดีและน้ำย่อย และเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสารอาหาร ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
2. กระตุ้น การสร้างน้ำดีของตับ ทำให้มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน (Chloresteral) ในเลือด ช่วยให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจทำงานดี ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
3. เสริมสร้างการทำงานของถุงน้ำดี ช่วยสร้างน้ำดีป้องกันถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ทำให้ระบบการย่อยอาหารดี ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก
4. ช่วยป้องกันตับอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่าน และโรคตับแข็ง (Cirrhosis) ในประเทศบราซิล อาร์ติโช๊ค เป็นยาสมุนไพรพื้นฐาน ที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตับ และโรคอื่นหลายโรค ได้อย่างกว้างขวาง เช่น โรคโลหิตจาง เบาหวาน ไข้ รักษาบาดแผล และเกาส์
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Tel: 02 - 888 - 9954, 081 – 627 1521 คุณวัลลภา