ประสบการณ์การทำงานให้แก่องค์การอนามัยโลก
ผมเป็นกรรมการ
Global
ACHR (Advisory Committee on Health Research) ของ WHO
ตั้งแต่ปี 2544 - 2548 รวม 5 ปี DG ของ WHO
ได้มีจดหมายมาขอบคุณเมื่อต้นเดือน
ผมได้เรียนรู้งานขององค์การอนามัยโลกว่า มีข้อจำกัดไม่น้อยในการที่จะขับเคลื่อนสุขภาพดีของสังคมโลก
เนื่องจาก
1. ประเทศมหาอำนาจ ที่จ่ายเงินสนับสนุน WHO
มากกว่าประเทศอื่น ใช้ WHO
เป็นเวทีรักษาอำนาจของตน
รักษาระบบสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศตน
(ซึ่งทำให้ประเทศยากจนต้องตกเป็นคล้าย ๆ
อาณานิคมทางปัญญาหรือทางระบบ)
2. ดังนั้นผู้บริหารของ WHO จึงต้อง "ดูทิศทางลม"
กลายเป็นทำงานวิชาการที่อยู่ภายใต้ลมการเมืองระหว่างประเทศ
3. ดังนั้น "วิชาการ" และ "ความรู้" ที่ WHO
ทำงานจึงเป็นวิชาการและความรู้ภายใต้บริบทของประเทศร่ำรวย
ไม่ใช่วิชาการและความรู้เพื่อประเทศยากจน
ไม่ว่าจะมีการกล่าวคำหวานในเอกสารและในสุนทรพจน์อย่างไรก็ตาม
จุดแข็งขององค์การอนามัยโลก ก็คือ
(1) สามารถดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาทำงานได้
(2) มีเกียรติภูมิสูง เป็นที่เชื่อถือ
(3) พยายามทำงานโดยใช้ evidence - based หรือ knowledge - based
มีความเป็นวิชาการสูง
แต่ในสายตาของผม คนในวงการสาธารณสุขเก่ง ๆ ของไทยเราไม่ด้อยไปกว่าเจ้าหน้าที่ของ WHO แต่เราขาดการจัดระบบ/ทีม ในการส่งคนไปเรียนรู้จาก WHO แล้วกลับมาทำงานให้ประเทศ ในการใช้ WHO เป็นเครื่องมือสร้างเกียรติภูมิให้ประเทศไทย ให้วงการสาธารณสุขไทยได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่นานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้วงการสาธารณสุขไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอย่างเต็มภาคภูมิ
คนไทยที่ไปทำงานใน WHO มักคล้าย ๆ ถูกกันออกไปจากวงจรอำนาจของกระทรวงสาธารณสุข ดูคล้าย ๆ กับว่าเราคิดถึงตำแหน่งของบุคคลมากกว่า positioning ของการสาธารณสุขของประเทศในท่ามกลางประชาคมสาธารณสุขระหว่างประเทศ
วิจารณ์ พานิช
29 ม.ค.49