พี่ติ๊ก ... หนึ่งในผู้ร่วมทีม KM ได้สรุปประสบการณ์ ที่ได้ไปเป็นวิทยากรร่วมกันมาให้ ซึ่งอาจเป็นตัวอย่างให้ชาวกรมอนามัย และผู้ที่สนใจ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ
... จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมคณะวิทยากรฝึกอบรม facilitator and notetaker ของ ... กองอนามัยการเจริญพันธุ์ ... ศูนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี ... โรงพยาบาลศรีธัญญา และ จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ข้อสังเกตที่อยากจะร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ดังต่อไปนี้ค่ะ
วิทยากรควรนำเข้าสู่การฝึกอบรม ด้วยการบรรยายสรุป เกี่ยวกับการจัดการความรู้ เช่น ความหมายของเค.เอ็ม., ความสำคัญ / ความจำเป็น / และประโยชน์ในการจัดการความรู้, กิจกรรมอะไรบ้างที่เรียกว่าการจัดการความรู้, รูปแบบการจัดการความรู้ที่จะทำในวันนี้ ต่างกับ เค.เอ็ม. ในรูปแบบอื่นๆ อย่างไร, คำศัพท์ที่จะใช้มีอะไรบ้าง นิยาม /คำแปล ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อปูพื้นฐานผู้ฟังและปรับคลื่นความคิดให้ตรงกัน ภายหลังการบรรยาย ควรมีเวลาให้ซักถามเพิ่มเติม เอกสารแผ่นพับของ สคส. มีเนื้อหาที่กระชับอาจดัดแปลงและนำมาใช้ประกอบการบรรยายได้ ควรแจ้งวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเป็นการย้ำอีกครั้ง รวมถึงขั้นตอนการฝึกอบรมและผลที่วิทยากรคาดหวัง เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรับทราบชัดเจนทั่วกัน และจะได้ตระหนักในบทบาทของตนว่ามาเพื่อเรียนรู้วิธีการและกลับไปทำได้ด้วยตนเอง ผู้เข้าอบรมจะได้ให้ความสำคัญกับการสังเกตเรียนรู้ขั้นตอน กระบวนการ เทคนิควิธีการการเป็น facilitator and notetaker มากกว่าจะมุ่งไปที่การแก้โจทย์ของ”หัวปลา” แต่ประการเดียว อธิบายความหมายของเรื่องที่จะคุยในกลุ่มให้เข้าใจตรงกัน พร้อมทั้งบทบาทของ Fa., Notetaker ผู้สังเกตการณ์และสมาชิกกลุ่มให้ทุกคนรับทราบพร้อมกัน คิดว่าไม่ควรแยกกลุ่มอธิบาย เพราะผู้เข้าอบรมควรเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันในทุกเรื่อง ยกเว้นในกรณีที่ไม่ใช่การอบรม Fa. และ Notetaker แต่เป็นการสัมมนาโดยใช้กระบวนการจัดการความรู้จึงจะแยกชี้แจงผู้ทำหน้าที่เป็น Fa. และ Notetaker ในการเล่าเรื่อง และสรุปปัจจัยสำคัญ อาจใช้เทคนิคของ ศอ.4 ที่ให้ผู้ฟังทุกคนสรุป “เรื่องเล่านี้สอนให้รู้ว่า” โดยสรุปเป็นรายบุคคลเพื่อให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นของตน ป้องกันการพูดคนเดียวของสมาชิกกลุ่มบางคนที่อาจมีสถานภาพทางสังคมสูงกว่า หรือ มีแนวโน้มชอบพูดไม่ชอบฟัง เป็นต้น วิทยากรควรอยู่ประจำกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตั้งแต่เริ่มจนจบ และควรแนะนำตนกับกลุ่มว่าจะมาทำหน้าที่อะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อมิให้สมาชิกกลุ่มเกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคยกับวิทยากรและอาจทำให้เข้าใจผิดไปว่า วิทยากรมาขัดจังหวะกิจกรรมกลุ่ม วิทยากรมาทำให้ Fa. รู้สึกอึดอัดหรือคิดว่าตนเองทำไม่ถูก ฯลฯ ซึ่งต้องย้อนกลับไปดูข้อ 3 อีกครั้ง ว่ามีการชี้แจงชัดเจนหรือไม่ ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือ feedback วิทยากรบ้าง ว่าสมควรปฏิบัติตน/ไม่ปฏิบัติตนอย่างไร ข้อนี้จะทำได้อย่างไรคะ? ได้เทคนิคใหม่ที่เป็นนวตกรรมของคุณหมอนันทา ได้แก่
แบ่งกลุ่มผู้เข้าอบรมสรุป สิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ ของ Facilitator, notetaker, group member แบ่งกลุ่มผู้เข้าประชุมระดมความคิดเพื่อสรุป “ค่านิยม“ ของผู้เกี่ยวข้องในงาน เช่น ค่านิยมของ ผู้บริโภค ผู้ผลิต และ เจ้าหน้าที่ ในงานโครงการอาหารปลอดภัย ผลไม้ปลอดพิษ ของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งสิ่งที่ได้จะเป็นข้อมูลเตือนใจเวลาจัดทำแผนปฏิบัติการที่จะต้องมองทุกมิติของผู้เกี่ยวข้อง ...
สิ่งที่สรุปมาเป็นประสบการณ์การไปลุยมาหลายที่ค่ะ ในการเริ่มต้นTrain Fa/Note Taker ครั้งแรกๆ เราก็ลุยเลยค่ะ ไม่มีการบรรยาย(เพราะได้ประสานขอให้ทุกคนอ่านเอกสารที่เราจัดส่งต้นฉบับไปให้ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแนวคิดการจัดการความรู้ตามหนังสือมือใหม่หัดขับของอาจารย์ประพนธ์ สคส. แต่พี่ติ๊กได้คัดย่อให้สั้น กระทัดรัด และแนะนำด้วยหากใครอยากอ่านฉบับเต็มก็ศึกษาจากหหนังสือของอาจารย์ประพนธ์ได้) แล้วก็จัดกลุ่มลปรร เพื่อให้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ในการtrain fa กลุ่มผู้เข้าประชุมจะเป็น KM team ที่ต้องกลับไปทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้มีการจัดการความรู้ในองค์กรของตนเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นบทบาทของผู้เข้าร่วมอบรม/ประชุมครั้งนี้จะได้ทดลองปฏิบัติ(role play) ในบทบาทของการเป็นสมาชิกกลุ่มที่ต้องเป็นผู้เล่าเรื่องเอง บางคนจะถูกคัดเลือกให้ทำหน้าที่Fa ของกลุ่ม และอีก1คนจะเป็น Note taker หลังจากที่เล่าเรื่อง สกัดความรู้และสรุปปัจจัย/องค์ประกอบสู่ความสำเร็จจบ เราจะ AAR เป็นช่วงๆค่ะ เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น หลังจาก success story จบ เราก็จะลปรรกัน ถามถึงความคิดเห็น...ท่านคิดว่าเรื่องเล่า หรือใครที่เล่าเรื่องได้ดี ที่คิดว่าดีเพราะอย่างไร หรือหลังทดลองทำตารางอิสรภาพตามหัวปลาร่วมกัน (การกำหนด 5 level) ก็อาจจะ AAR อีกครั้ง ฯลฯ
และขอตอบคำถามอาจารย์นะค่ะ
ประเด็นข้อ1 ที่เราบอกว่าตอนเริ่มต้นเราบอกว่าวิทยากรควรมีการพูดถึงหรือสรุปเกี่ยวกับการจัดการความรู้ เพราะหลายๆครั้งเราพบว่าการวางแผนหรือประสานงานแล้วบอกให้ผู้เข้าประชุมอ่านเอกสาร/หนังสือมาก่อน ก็พบว่าใน10 คน มีคนอ่านไม่กี่คน การนำเข้าสู่การอบรมวิทยากรก็ควรclear อีกครั้ง อย่างสั้นๆ (ไม่เกิน15-20 นาที) แล้วจึงลปรร ในกลุ่มค่ะ สำหรับข้อ4 การอธิบายความหมายของเรื่องที่จะคุยกัน หมายถึงการทำความเข้าใจกับหังปลาให้ชัดเจน ว่าเรากำลังจะคุยกันในประเด็นความสำเร็จเรื่องอะไร ความสำเร็จในที่นี้ตีความหมายกว้างและลึกแค่ไหน เพราะหากไม่มีการclear ก็จะงงอยู่อย่างนั้น และส่วนใหย๋ก็จะบอกแต่ว่า ไม่สำเร็จ สำหรับข้อ6 วิทยากรในที่นี้คือทีมเรา 3 คน ที่ไปช่วยtrain นี่หล่ะค่ะเราควรบอกกลุ่มลปรร ได้รับรู้และเข้าใจว่า ในเวลาที่เราเข้าไปช่วยซักเรื่องเล่า วิทยากรไม่ได้มาทำให้ Fa. (ผู้เข้าประชุม) รู้สึกอึดอัดหรือคิดว่าตนเองทำไม่ถูก แต่มาสาธิตการซักในเรื่องเล่า ให้รู้ถึงบริบท ตัวละคร วิธีคิด ซึ่งเป็นTacit จากเรื่องเล่า ให้ได้รายละเอียด(How to) ของคำตอบ สมาชิกของกลุ่ม รวมถึง fa /Note taker ควรจะได้เรียนรู้ร่วมกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนก็ลืมไปว่าตนเองกำลังอยู่ในrole play และจะต้องเรียนบทบาทของผู้ทำหน้าที่ทั้ง 3
แต่สรุปบทเรียนทั้งหมดข้างบนนี้ เราคงมีการพัฒนาไปเรื่อยๆค่ะ เพราะโลกทั้งโลกเป็นห้องทดลองของKM ค่ะ
ขอตอบคุณนเรศ นะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่ให้ความสนใจ ประมาณเดือนมีนาคม ศูนย์อนามัยที่3 ชลบุรี จะขอให้ KM team กรมอนามัยช่วยพัฒนาศักยภาพFacilitator และ note taker ให้ค่ะ หากให้แนะนำวิทยากรหรือค่ะลองประสานทางสคส. ซิค่ะ เพราะทีมของศ.นพ.วิจารณ์ และอ.ประพนธ์ เป็นวิทยากรมืออาชีพและเป็นอาจารย์/ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของเราค่ะ
ขอบคุณครับที่ช่วยแนะนำมือใหม่หัดขับอย่างผม