หัวข้อเรื่อง | เนื้อหา | เทคนิคการสอน |
1. แผลที่เท้าเกิดจากอะไร | 1.1 แผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่มักเกิดจากการเสียดสี และแรงกดในบริเวณนั้นเป็นเวลานานๆ1.2 ผู้ป่วยเบาหวานจะไม่ค่อยมีความรู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากเส้นประสาทส่วนปลายเสื่อมทำให้ไม่เปลี่ยนท่าทางในการลงน้ำหนัก1.3 การลงน้ำหนักซ้ำๆจะทำให้เกิดแผลและดันเชื้อแบคทีเรียให้ลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อที่ยังไม่ติดเชื้อ รวมทั้งเอ็นและกระดูก1.4 การติดเชื้ออาจทำให้ลดปริมาณเลือดไปเลี้ยงบริเวณแผล ทำให้เกิดแผลเนื้อตายได้ | - แสดงภาพของแผลในตำแหน่งและความรุนแรงต่างๆ |
2. ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดแผลที่เท้า | 2.1 เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม ทำให้ขาดความรู้สึกในการป้องกันตนเอง ดังนั้นจึงทำให้ไม่รู้สึกขณะเกิดการบาดเจ็บหรือการฉีกขาดของผิวหนัง2.2 อาการที่พบบ่อยของเส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม คือ อาการชา ปวดเหมือนไฟช๊อต ปวดเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทง ปวดแสบปวดร้อน หรือปวดเหมือนมีตัวมดมาไต่ ตัวไรมาตอม และมักเกิดอาการมากในตอนกลางคืน2.3 เส้นประสาทส่วนปลายที่ควบคุมกล้ามเนื้อในฝ่าเท้าเสื่อมจะทำให้กล้ามเนื้อเล็กๆในฝ่าเท้าลีบลงและขาดความสมดุลระหว่างกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่งอและเหยียดนิ้วเท้าเป็นผลให้นิ้วเท้าจิกลงคล้าบกรงเล็บ และการยื่นออกมาอย่างผิดปกติของกระดูกฝ่าเท้า2.4 เส้นประสาทอัตโนมัติเสื่อม ทำให้ปริมาณเหงื่อลดลง ผิวหนังแห้ง และเกิดตาปลาได้ง่าย ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดรอยแตกบริเวณผิวหนังและก่อให้เกิดการติดเชื้อตามมา | - แสดงภาพวัสดุสิ่งแปลกปลอมภายในรองเท้าที่ผู้ป่วยสวมใส่- แสดงภาพผู้ป่วยที่มีอาการปวดเท้า - แสดงภาพนิ้วเท้าที่จิกลงคล้ายกรงเล็บและการยื่นผิดปกติของฝ่าเท้า - แสดงภาพผิวหนังแห้งและตาปลา |
หัวข้อเรื่อง | เนื้อหา | เทคนิคการสอน |
2.5 ความผิดปกติของหลอดเลือดส่วนปลาย คือสูญเสียการควบคุมการไหลเวียนโลหิต เกิดการลัดทางของเลือดแดงและดำ รวมทั้งการหนาตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณบาดเจ็บลดลง2.6 การสูบบุหรี่ทำให้เกิดเส้นเลือดหดตัว เลือดแข็งตัวง่ายขึ้นและการลดลงของออกซิเจนในบริเวณเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บทำให้การซ่อมแซมแผลช้าลง2.7 การจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อซึ่งเกิดจากการที่น้ำตาลในโลหิตที่สูงนานๆไปเกาะตามเส้นเอ็นและเนื้อเยื้อเกี่ยวพัน ทำให้การขยับของข้อผิดปกติ ก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย2.8 ความผิดปกติของแรงกดในฝ่าเท้า เช่น นิ้วจิกลงพื้น หรือตาปลา จะก่อให้เกิดแผลบริเวณนั้นได้ง่ายโดยเฉพาะตาปลาเองจะทำหน้าที่เป็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ในบริเวณที่ลงน้ำหนัก เมื่อมีการเหยียบย่ำตาปลาบ่อยๆย่อมก่อให้เกิดแผลใต้ตาปลานั้น | - แสดงภาพผู้สูบบุหรี่ - แสดงภาพข้อนิ้วเท้าที่กระดกไม่ได้ - แสดงภาพการเกิดแผลใต้ตาปลา | |
3. ความรุนแรงของแผล | 3.1 ระดับ 0 ไม่มีแผล3.2 ระดับ 1 แผลลึกแค่ชั้นผิวหนัง3.3 ระดับ 2 แผลลึกถึงเส้นเอ็นหรือเยื่อหุ้มข้อ3.4 ระดับ 3 แผลลึกถึงกระดูก3.5 ระดับ 4 แผลมีเนื้อตาย3.6 ระดับ 5 แผลมีเนื้อตายปริมาณมากจนต้องตัดขา | - แสดงภาพของแผลที่ระดับความรุนแรงต่างๆกัน |
4. ความรุนแรงของการติดเชื้อที่แผล | 4.1 ติดเชื้อเล็กน้อย คือแผลตื้นๆ การอักเสบของผิวหนังรอบๆแผลน้อยกว่า 2 เซนติเมตร ไม่มีลักษณะของการขาดเลือดอย่างรุนแรงที่เท้า ไม่ลามถึงกระดูกหรือข้อ4.2 ติดเชื้อที่อาจต้องถึงตัดขา คือ แผลลึก ผิงหนังรอบๆแผลอักเสบมากกว่า 2 เซนติเมตร ติดเชื้อถึงกระดูกหรือข้อ มีการขาดเลือดอย่างรุนแรงทีเท้า มีอาการทางกายของการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น 4.3 ติดเชื้อรุนแรงที่อาจถึงแก่ชีวิต คือมีอาการทางกายของการติดเชื้ออย่างรุนแรงหรือความดันโลหิตตก | - แสดงภาพการติดเชื้อของเท้า รวมทั้งเท้าที่มีลักษณะการขาดเลือดที่ระดับความรุนแรงต่างๆกัน |
5. ผู้ป่วยเบาหวานมีแผลลักษณะใดที่จำเป็นต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล | 5.1 ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลลักษณะของการติดเชื้อเล็กน้อย และผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาดีสามารถทำแผลที่บ้านได้5.2 ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลรุนแรงจนอาจต้องตัดขาหรืออาจถึงแก่ชีวิตควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล | - แสดงข้อความจากสไลด์ |
6. วิธีและหลักการในการรักษาแผลในผู้ป่วยเบาหวาน | 6.1 แก้ไขสาเหตุหรือปัจจัยต่างๆที่ทำให้แผลแย่ลง เช่น การลดน้ำหนัก ลดแรงกดบริเวณแผล งดการสูบบุหรี่ ทานอาหารให้พอเพียงครบถ้วน ควบคุมเบาหวานให้ดี6.2 การลดแรงกดบริเวณแผลเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้แผลหาย แรงกดลงบนแผลมี 2 ชนิด คือ แรงกดในแนวดิ่ง และแรงกดเฉือน แรงกดในแนวดิ่งทำให้บริเวณกลางแผลไม่สมานและขอบแผลหนาขึ้น แรงกดเฉือนทำให้เกิดการเสียดสีไปมาระหว่างผิวหนังชั้นตื้นและชั้นลึก มักเกิดบริเวณขอบแผล ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายและแผลจะขยายวงกว้างออกไป การลดแรงกดลงบนแผลมีหลายวิธี เช่น ทำแผลด้วยเฟลต์โฟม , การใส่เฝือก , การใส่รองเท้าครึ่งเดียว , การใช้ไม้เท้า , การใช้ล้อเข็น หรือ การนอนพักเป็นเวลานานๆจนกว่าแผลจะหาย การทำแผลด้วยเฟลต์โฟมเป็นการลดแรงกดลงบนแผลที่ได้ผลดี ง่าย ราคาถูก ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำ และวัสดุอุปกรณ์ในการทำหาได้ไม่ยาก ดังนั้นถ้าทำความสะอาดแผลได้ดีพอ กระจายหรือลดแรงกดลงบนแผลและเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณแผลไม่ตีบตันแผลแทบทุกแผลในผู้ป่วยเบาหวานจะหายสนิทได้6.3 น้ำยาในการทำแผลในปัจจุบันมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับชนิดของแผล เช่นแผลแห้ง : ใช้ไฮโดรเจล เช่นดูโอเดิม แผลแฉะ : ใช้คาลโตสแตท หรือ คูราซอร์ฟ แผลติดเชื้อ : ใช้น้ำยาเบตาดีน 1 ส่วนต่อน้ำเกลือ 3 ส่วน น้ำยาที่ควรหลีกเลี่ยง ( มีผลเสียต่อเนื้อเยื่ออ่อน ) คือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ , โพวิโดน ไอโอดีน , อะซิติกแอซิก และน้ำยาเดกิ้น6.4 ถ้ามีลักษณะของการติดเชื้อ แพทย์จะรีบให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ และจะตัดเนื้อตายบริเวณแผลออกให้มากที่สุดร่วมกับการทำความสะอาดแผลบ่อยๆ6.5 ถ้าแผลมีลักษณะขาดเลือดหรือมีเนื้อตาย แพทย์จะประเมินการอุดตันของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณนั้นถ้าการอุดตันสามารถแก้ไขได้โดยการผ่าตัดซ่อมแซมหรือตัดต่อเส้นเลือดอาจจะทำให้สูญเสียเนื้อตายน้อยลง และสามารถป้องกันการตัดขาได้6.6 การตัดเท้าทิ้งจะทำในกรณีที่การติดเชื้อนั้นทำลายทำลายเท้าจนสูญเสียหน้าที่ หรืออาการของการติดเชื้อรุนแรงจนอาจถึงแก่ชีวิต6.7 ในกรณีที่แผลมีอาการขาดเลือดร่วมด้วยแต่ผู้ป่วยไม่สามารถทนการผ่าตัดได้หรือผ่าตัดแก้ไขไม่ได้ การใช้ออกซิเจนความดันสูงในการรักษาอาจจะป้องกันการตัดขาได้ | - แสดงภาพอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยลดแรงกดบริเวณแผล - แสดงภาพการทำแผลด้วยเฟลต์โฟม , รองเท้าครึ่งเดียว - แสดงภาพน้ำยาในการทำแผล - แสดงภาพการผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือด - แสดงภาพการตัดเท้า - แสดงภาพของเครื่องออกซิเ |
สวัสดีค่ะน้องสุภาพรรณ
พี่รุ่งนำบล็อกเข้าแพลนเน็ตพี่เลยนะ จะได้ค้นหาง่าย แหมวันนี้นำลงเต็มหน้าเลยนะ ให้กำลังใจค่ะ