เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน "ตลาดนัดความรู้ การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)" ในงานนี้ได้ฟังเรื่องดีๆ จาก กศน. หลายๆ ที่ อาทิเช่น ผอ. สุรพงษ์ ไชยวงศ์ จาก กศน. แม่ฮ่องสอน ได้เล่าเรื่องการทำ KM ในชุมชนห้วยปูแกง (ชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว) ผอ. นิคม ทองพิทักษ์ จาก กศน. อุบลราชธานี ได้พูดถึงกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตในรูปแบบต่างๆ อาจารย์จำนง หนูนิล จาก กศน. นครศรีธรรมราช ได้พูดถึงกระบวนการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพชาวบ้านและบทบาทของครูอาสา อาจารย์สุรีย์ นาคนิยม จาก กศน. ชุมพร ได้เล่าวิวัฒนาการด้าน KM ของจังหวัดชุมพร และประสบการณ์การใช้เครื่องมือชุดธารปัญญาของ สคส. ผู้ที่สนใจในรายละเอียดสามารถอ่านได้จาก http://play.gotoknow.org และ http://learn-together.gotoknow.org ครับ วันนี้ผมขอจับเฉพาะประเด็นที่ผมใช้ชื่อว่า "สวาปาม" ความรู้ มาเล่าให้ฟังดังนี้ครับ
. ...ผอ. นิคม จาก กศน. อุบลฯ ได้เปรียบเทียบการศึกษาในระบบ กับ นอกระบบ ว่าเหมือนกับการจัดเตรียมอาหาร ... การศึกษาในระบบเปรียบได้กับ "โต๊ะจีน" มีเมนูให้เห็นชัดเจน รู้ว่ามีอะไรบ้าง ออกมาอย่างเป็นระบบ เริ่มด้วย ออเดิฟร์ จบที่ของหวาน ส่วนการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยนั้น คล้ายกับอาหารแบบ "บุฟเฟต์" คือเลือกกิน (เรียน) ได้ตามใจชอบ ชอบอะไรก็ตักสิ่งนั้น ไม่มีการกะเกณฑ์ จะมากจะน้อย เลือกได้หลากหลาย ตามที่ใจต้องการ
หลังจากฟัง ผอ. นิคม
แล้วผมได้เสริมต่ออีกว่า ถ้าหันมามองที่ KM
ผมว่าค่อนข้างคล้ายกับการจัดเลี้ยงแบบ "Cocktail"
เป็นประเภทที่เดินเลือกจิ้มกินไปเรื่อยๆ ที่จิ้มๆ กันนั้นก็คือ
ความรู้ในแบบ KM เป็นความรู้ที่เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
จะเรียกว่าเป็นเคล็ดวิชา
หรือว่าเป็นเทคนิคเฉพาะตัวก็ได้
ความรู้เหล่านี้อาจจะดูว่าเล็กน้อย (พอดีคำ)
แต่มักจะมีผลต่อความสำเร็จของงานค่อนข้างมาก
คงพอเห็นภาพแล้วนะครับว่า
"ความรู้" นั้นอาจถูก "จัดการ"
ออกมาเป็นอาหารได้หลากหลายรูปแบบ อาจจะจัดเป็น โต๊ะจีน
บุฟเฟต์ หรือ Cocktail ต้องแล้วแต่โอกาสและความเหมาะสม
ข้อสำคัญก็คือว่าต้องรู้จักบันยะบันยัง กินแต่พอดี
จะได้ไม่ปวดท้องหรือต้องอาเจียนออกมาครับ
ไม่มีความเห็น