วันนี้เมื่อ ๙๗ ปีที่ผ่านมา
ความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของชนชาวสยาม จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี
๒๓ ตุลาคม ของทุกๆปี คือวัน "ปิยมหาราช" เสด็จพ่อผู้ซึ่งปกครองแผ่นดินของชนชาวสยามยาวนานถึง ๔๒ ปี (พ.ศ.๒๔๑๑-พ.ศ.๒๔๕๓)
รถรางคันนี้อนุรักษ์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟ สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร
"รถราง" (Tram) คือ เทคโนโลยี่อันดับแรกๆ ที่พระองค์ท่านได้ริเริ่มนำมาใช้ในพระนคร การขนส่งผู้คนพลเมืองใจกลางกรุง รถรางเริ่มมีใช้ในกรุงเทพมหานคร ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยรถรางสายแรกที่ใช้ม้าลากออกวิ่งรับส่งผู้โดยสารเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๐ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๓๗ ได้เปลี่ยนจากการใช้ม้าลากมาเป็นรถรางที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
จวบจนถึงปัจจุบันการพัฒนาด้านการขนส่งถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้เป็นเมืองหลวง ศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
รถยนต์ส่วนบุคคลได้รับความนิยมอย่างมาก ประกอบกับคนไทยนิสัยส่วนตัวมักชอบความสะดวกสบาย ทำอะไรตามใจคือไทยแท้....
ถนนในเมืองหลวงที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ แม้รัฐบาลยุคแล้วยุคเล่าจะพยามถมคลองให้เป็นถนน ขุดถนนให้เป็นอุโมงค์ กระนั้น ก็ยังไม่เพียงพอกับรถยนต์ที่ออกมาวิ่งกันขวักไขว่ ยิ่งกว่ามดอพยพหนีน้ำ
น้ำมันเชื้อเพลิง ๙๐ เปอร์เซนต์ ต้องสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศ กำลังผลิตในบ้านเรามีเพียง ๑๐ เปอร์เซนต์ และอาจจะไม่ถึงแล้วก็ได้
ชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเช้า ช่วงเย็น ตามไฟเขียวไฟแดงในเมืองหลวง การเผาผลาญพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ บางวันอาจจะมีมากกว่า ๑๐ เปอร์เซนต์ หรืออาจจะพอๆ กับที่เราผลิตได้เองในประเทศนั่นเอง
รถราง การขนส่งมวลชน ที่เคยใช้ในสมัยก่อนเหลือเป็นเพียงอดีต ที่เราชะเง้อมองดูอย่างน่าเสียดาย
แต่ทำไมประเทศที่เขาพัฒนา จนได้รับเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เขายังมีรถรางวิ่งให้เห็นอยู่ได้ ในหลายๆประเทศ แต่ประเทศไทยทำไม่ได้...เพราะอะไร
หรือว่าต้องรอให้เสด็จพ่อ ร.๕ พระองค์ท่านกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ประเทศไทยเราถึงจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนแบบถาวรสืบไป... ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องมานั่งร้องเพลง... เมื่อรู้สึกตัว ก็สายเสียแล้ว..