พูดถึงหน่วย
"ฮีมาโต" ใครๆก็ต้องมองเห็นภาพสาวน้อย(ๆ)
กำลัง นั่งดูกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งเมื่อมีใครชะเง้อเข้าไปถามว่า
ดูอะไรกันอยู่หรือจ๊ะ? ก็จะได้รับคำตอบว่า "ดูสเมียร์เลือดค่ะ"
"สเมียร์เลือด"
ก็คือเลือดนั่นแหละค่ะ
ที่ถูกนำมาไถให้เป็นแผ่นบางๆบนสไลด์แก้วก่อนนำไปย้อมสีแล้วตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
เริ่มต้นงานประจำของชาวฮีมาโต
ก็คือการเตรียมสเมียร์เลือด (500-800 แผ่นต่อวัน)
แล้วก็วางเรียงกันปล่อยไว้ให้แห้ง (ใช้เวลาอย่างน้อย
5 นาที) เพื่อนำไปย้อมสี (เรียกว่าสีไรท์)
และแล้ว
กระบวนการพัฒนางานด้วยการวิเคราะห์ปัญหา
และหาแนวทางแก้ไขก็เริ่มขึ้น ด้วยสุนทรียสนทนา ต่อไปนี้
.....
"โอ๊ย ฝนตกอย่างนี้ อากาศชื้น แอร์ก็ชื้น
สเมียร์ไม่ยอมแห้งซักกะที เมื่อไรจะได้เอาไปย้อมกันละเนี่ย
..ทำอย่างไรให้สเมียร์แห้งเร็วขึ้นได้บ้างนะ..?"
"ผมเคยเห็นที่ ร.พ.. (ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม)
เค้าเอาโคมไฟมาส่องสเมียร์ให้แห้งเร็วขึ้นนะ
"คนที่นั่งไถสไลด์อยู่คงจะร้อนนะ
ถ้ามีโคมไฟมาส่องใกล้ๆ นานๆ"
"ถ้าเราเจาะเคาน์เตอร์
แล้วใส่หลอดไฟไว้ข้างล่าง
ส่วนด้านบนทำเป็นกระจกฝ้าเหมือนที่หมออ่านฟิล์มเอกซเรย์
เวลาเราวางสไลด์ไว้ก็จะอุ่นๆ แห้งเร็วดี"
" แล้วถ้ามันร้อนเกินล่ะ"
" ก้อ... ปิดไฟซิ..(..ยะ แหม
แค่นี้ก็ต้องถาม)
" ปิดไฟทำไม
เราก็หาหลอดไฟที่กำลังวัตต์พอดี๊..พอดี
วางให้ห่างพอดี๊..พอดี
ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิให้พอดี๊..พอดี
ต้องการเท่าไรก็กำหนดระยะห่างตามต้องการ"
" ดี ดี
ตกลงเราทุบเคาน์เตอร์เลยดีมั๊ย"
" ไม่ได้
ไม่ได้ ยากเกินไป เอางี้ เราก็พลิกกลับขึ้นบน
ทำเป็นกล่องแบบอุโมงค์รถไฟนะ
แล้วเราก็วางสไลด์ให้เลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ
กว่าจะถึงทางออกก็แห้งพอดี"
|
หลังจากวันที่สนทนาไม่นาน
พี่เม่ยก็ได้เห็นเครื่องทำสไลด์แห้งต้นแบบ
ที่เกิดจากไอเดียของนักพัฒนาหลายๆคนวางเด่นเป็นสง่าอยู่ที่โต๊ะปฏิบัติการ อดใจไว้ไม่ได้อีกแล้วค่ะ
จึงต้องนำภาพมาให้ดูกัน
ตอนนี้สไลด์กำลังเดินทางผ่าน
"อุโมงค์"
|
ปรับอุณหภูมิภายใน
"อุโมงค์"ด้วยการเลือกกำลังวัตต์และระยะห่างของหลอดไฟ
|
ผลปรากฏว่าสไลด์แห้งเร็วขึ้นค่ะ
พร้อมที่จะนำไปย้อมสีภายในเวลา 1 นาที
ขั้นตอนต่อจากนี้ไปก็คงเป็นเรื่องของการปรับปรุงรูปแบบ
และสร้างเป็นนวัตกรรมใหม่พร้อมกับประเมินผลการใช้งานในไม่ช้า
ด้วยประสบการณ์ในการสร้างงานพัฒนา
ภายใต้โครงการ Patho-otop(I) ของภาควิชาพยาธิวิทยา เกิดเป็น
สุนทรียสนทนา ในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา
ทำให้คุณภาพงานดีขึ้น
เรียกว่าเป็น KM ที่เนียนในเนื้องาน จริงๆ