บทสรุป
ความจริงแบบสอบถามก็เหมือน ๆ กับแบบทดสอบนั่นเอง
แต่จะมีความแตกต่างกันที่
แบบสอบถามมักจะมีคำตอบที่ไม่แน่นอนว่าข้อใดควรจะตอบอย่างไรจึงจะดี
แต่ต้องการรู้ว่าใครมีอะไรอยู่มากน้อยเพียงใดมากกว่า คือ
ประเภทที่ถามข้อเท็จจริง (Fact) ต่าง ๆ เช่น
เพศอะไร อายุเท่าไร จบการศึกษาชั้นไหน แต่งงานแล้วหรือยัง
มีรายได้เท่าไร ฯลฯ เป็นต้น การตั้งคำถามในส่วนนี้
ขอให้ดูวัตถุประสงค์ของการวิจัยเป็นหลักว่ามีอะไรบ้างที่จะศึกษาหรือวิจัย
ถามเท่าที่จำเป็นเท่านั้นก็พอ
ข้อคำถามอีกประเภทหนึ่งของแบบสอบถามที่วัดส่วนที่เป็นความเห็น
ความรู้สึก หรือการประเมินสภาพ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแบบวัดทัศนคติ
เนื่องจากสามารถประเมินค่าหรือให้คะแนนออกมาเป็นระดับต่าง ๆ ได้
เรียกว่า ลิเคิทสเกล (Likert scale) เช่น
ความเห็นหรือทัศนะที่มีต่ออะไรบางอย่าง
สามารถประเมินออกมาเป็น
5 |
หมายถึง |
เห็นด้วยอย่างยิ่ง |
4 |
หมายถึง |
เห็นด้วย |
3 |
หมายถึง |
เฉย ๆ (หรือไม่แน่ใจว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย) |
2 |
หมายถึง |
ไม่เห็นด้วย |
1 |
หมายถึง |
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง |
คำตอบ 4 และ 5 เป็นความเห็นหรือทัศนะทางบวก ส่วนคำตอบ 1 และ 2
เป็น
ความเห็นหรือทัศนะทางลบ สำหรับคำตอบ 3 จะไม่ถือว่าเป็นบวกหรือลบ
คือเป็นกลางนั่นเอง
การประเมินสภาพ หรือระดับการปฏิบัติ
สามารถประเมินออกเป็น
5 |
หมายถึง |
มากที่สุด |
4 |
หมายถึง |
มาก |
3 |
หมายถึง |
ปานกลาง |
2 |
หมายถึง |
น้อย |
1 |
หมายถึง |
น้อยที่สุด |
คำตอบที่ได้จากคำถามประเภทหลังนี้ จะไม่แปลความหมายเป็นบวกหรือลบ
แต่เป็นการบอกปริมาณว่ามากน้อยเท่าใด ในการให้ผู้ตอบประเมินค่า
อาจเติมคำสำคัญลงไปในคำลงท้ายคำถามว่า มากน้อยเพียงใด
เช่น
- ท่านชอบอาชีพต่อไปนี้มากน้อยเพียงใด
-
ท่านเห็นด้วยกับคำกล่าวหรือข้อความในแต่ละข้อต่อไปนี้มากน้อยเพียงใด
ในการแปลความหมายของคำตอบที่ได้จากแบบสอบถามประเภทให้แสดงความคิดเห็น
หรือประเมินค่าเป็นระดับนี้ มักนิยมให้เป็นคะแนนตามลำดับความเข้ม
หรือความหนักเบา หรือทิศทางของคำตอบ โดยให้คะแนนเป็น 1 2
3 4 และ 5 ตามลำดับ เช่น
เห็นด้วยอย่างยิ่งหรือมากที่สุด เป็น 5 คะแนน
แล้วให้ลดหลั่นลงไปถึง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หรือน้อยที่สุด เป็น
1
คะแนน ดังนั้นจึงมักเรียกแบบสอบถามประเภทนี้ว่าเป็นแบบ
มาตราส่วนประเมินค่า (Rating scale)
อย่างไรก็ตามในเรื่องของการให้คะแนนนี้
ถ้าหากมีข้อคำถามหรือข้อความเชิงลบการให้คะแนนก็จะต้องปรับตามด้วย
เช่น
ข้อความ
1. การออกกำลังทุกวันทำให้อารมณ์ดีขึ้น
2. การออกกำลังทุกวันเป็นเรื่องน่าเบื่อ
ข้อ 1 ควรให้ 5 คะแนนสำหรับคำตอบ “เห็นด้วยอย่างยิ่ง” และ 1
คะแนนสำหรับ “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” แต่ข้อ 2 ควรเป็นตรงกันข้าม คือ
ให้ 1 คะแนนสำหรับ “เห็นด้วยอย่างยิ่ง” และ 5 คะแนนสำหรับคำตอบ
“ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง”
ลิเคิท สเกล มีจุดดี คือ สร้างง่าย ใช้ได้สะดวก
แต่มีข้อเสียในด้านการตีความหมายคะแนนรวมที่ได้
เนื่องจากผู้ตอบมักมีความโน้มเอียงที่จะตอบเป็นกลาง ๆ
ทำให้ไม่ทราบทัศนคติที่แท้จริงของผู้ตอบ อาจเนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้
(บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ 2531 : 88)
1. ความรู้สึกในเรื่องการเสี่ยง
บางคนจึงพยายามตอบเป็นกลาง ๆ ไว้ป้องกันการเสียหาย
2.
ความเข้าใจความหมายของภาษาไม่ตรงกัน
3. ขาดแรงจูงใจในการตอบ
จึงไม่ตั้งใจตอบ
4. การยอมรับเรื่องหรือข้อความที่ถาม
ถ้าผู้ตอบเห็นด้วยกับเรื่องที่ถามจะตอบได้ถูกต้องตรงความเป็นจริงมากกว่าไม่ยอมรับเรื่องที่ถาม
5. เวลาที่ให้ตอบ
ถ้ามีเวลาจำกัดผู้ตอบอาจไม่ถี่ถ้วนรอบคอบ
6.
ผู้ตอบมักพยายามปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตน
จึงแสดงออกเฉพาะลักษณะที่ดีของตน
ไม่มีความเห็น