เพิ่มเติมในวันที่ 25 มกราคม 2549 ต่อจากบันทึกนี้ตอนที่ 1
จากคุณ wichayo วันที [25 ม.ค. 49 ] เวลา
[9:50:39 AM ]
การที่สถานีอนามัยจะถ่ายโอนไปอยู่กับหน่วยงานไหน ไม่สำคัญหรอก
หากเจ้าหน้าที่มีความรักในงานสาธารณสุขแล้วก็อยู่ได้ทั้งนั้น
ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเริ่มต้นด้วยความรัก การคิดอะไรก็ควรคิดแบบกลาง ๆ
เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกที่ดีที่สุด และมีความยั่งยืนที่สุด
สถานการณ์ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ สอ.ก็เปรียบเหมือน
อสม.ของกระทรวงสาธารณสุขนั่นแหละ ทำทุกอย่าง แล้วแต่เขาจะสั่งมา
ทั้งกระทรวงสาธารรณสุข กระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการอื่นบ้าง
ท้องถิ่นบ้าง สิ่งที่เขาคิดเองไม่มีเวลาได้ทำหรอก
แต่เชื่อเถอะพื้นฐานของเจ้าหน้าที่ ที่อยู่
สอ.เขาอยู่ได้เพราะเขามีความรักในงานสาธารณสุข
จากคุณ ยอมรับ วันที [25 ม.ค. 49 ] เวลา [12:26:46 PM
]
น่าสงสารหมออนามัยมาก
ศักดิ์ศรีแทบจะไม่มีเมื่อเทียบกับข้าราชการหน่วยงานอื่นๆ
สถานะเหมือนกับ อสม.ของกระทรวง สธ. เหมือนกับที่หลายคนบ่นมา น่าสงสาร
และ น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะ
เพราะเราเลือกที่จะเดินทางนี้เอง ได้แต่ทำใจ และทำใจ
เฮ้อ......
ปล.หมออนามัยจัดป็นเจ้าหน้าที่ชั้นต่ำสุดของกระทรวงสาธารณสุข
ชั้น 1 = แพทย์
ชั้น 2 = ทันตแพทย์
ชั้น 3 = เภสัชกร
ชั้น 4 = พยาบาลวิชาชีพ
ชั้น 5 = เจ้าหน้าที่สาขาอื่นๆ (ที่ไม่ใช่วิชาชีพ)
ชั้นต่ำสุด = หมออนามัย (จพง , นวก,จบห )
จากคุณ นายเวร วันที [25 ม.ค. 49 ] เวลา
[3:30:36 PM ]
คนเรามีศักดิ์ศรีเหมือนกัน...คนไม่มีตำแหน่งทั้งเยอะเขายังอยู่ได้...และอยู่อย่างมีความสุข...คิดอะไรกับตำแหน่ง
คนตำแหน่งดีแต่ทำตัวไม่ดีมีถมไป...ปลงเสียบ้างนะพี่น้องเหอ
จากคุณ หมอหมง วันที [25 ม.ค. 49 ] เวลา [3:52:07 PM
]
ใช่
ถ้าคิดแบบนายเวร ศักดิ์ศรีของความเป็นคน ทุกคนมีเหมือนกัน
แต่ศักดิ์ศรีของการอยู่ในตำแหน่งหมออนามัย
ไม่เหมือนกับการอยู่ในตำแหน่งนายแพทย์แน่นอน ขอฟันธง
(หรือใครว่าไม่จริง)
และความคิดเห็นของผมเพิ่มเติมจากบันทึกก่อนหน้าว่า แนวคิดแบบนี้น่าเป็นห่วงต่อผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้น และสุดท้ายก็ไปตกอยู่กับประชาชนอีกเช่นเดิม ผมทำได้แค่ระดับ Micro เท่านั้น และไม่มีพลานุภาพพอหรอกที่จะปกป้องสิ่งที่จะตกถึงประชาชน
ไม่มีความเห็น