เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 มกราคม 2549) ขณะผมกำลังทำงานอยู่ก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องเกี้ย กิตติพงษ์ กาญจนูปถัมภ์ ซึ่งโทรมาเล่าเรื่องการไปสอบเรียนต่อ ป.โท (วท.ม.) สาขาวิจัยและพัฒนาระบบสาธารณสุข คณะพยบาลศาสตร์ มอ. ซึ่งก็เป็นหลักสูตรที่ผมจบมา น้องเกี้ยเล่าให้ฟังว่าผลของการทำวิจัยร่วมกับผมเรื่อง "การพัฒนารูปแบบการให้แรงสนับสนุนทางสังคมเพื่อพัฒนาสุขภาพชุมชน กรณีพื้นที่รับผิดชอบของ สอ.หาดไข่เต่า" พ.ศ.2542 ได้ส่งผลมาถึงวันนี้เข้าให้อย่างจังแล้ว เพราะเป็นแรงใจสำคัญที่ทำให้เขาดิ้นรนจนได้จบ ป.ตรี และวันนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าทำข้อสอบได้ เมื่อสัมภาษณ์เสร็จก็ยิ่งมั่นใจว่าน่าจะได้เรียนต่อแน่ ๆ
เมื่อครั้งนั้นทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด น้องเขาบอกผมว่าทุกวันที่ผมนัดมาเจอกัน ตอนกลับไปจะต้องถามตัวเองว่าทำไปทำไม ใคร ๆ ก็ไม่เห็นเขาทำกัน แล้วที่ทำก็ไม่ได้เพื่อสงผลงานทางวิชาการ หรือไปรับทุนใครเขามา แต่พอได้มาเจอผมผมจะตอบเพียงว่า "ทำให้รู้ในสิ่งที่สงสัย และทำให้รู้ว่าวิจัยเขาทำกันอย่างไร" ก็เชื่อ ๆ ไปงั้นแหละเห็นว่าป็นพี่ แต่วันนี้ตอบตัวเองได้ชัดเจนขึ้นแล้วว่าทำไปทำไม ก่อนจะขอบคุณผม และผมขออนุญาตเตรียมเข้าประชุม
ผมโทรกลับไปหาในช่วงพักเที่ยง เพื่อสอบถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เผื่อว่าเขาเกรงใจไม่กล้าพูด และต้องวางหูกันเสียก่อนในช่วงเช้าที่ติดต่อกัน ก็พบว่าไม่มีอะไร เรื่องน้องเกี้ยนี้เขารักที่จะทำงานประจำให้เป็นงานวิจัยในกาลต่อมาหลังจากที่ได้ช่วยทำกับผม 1 เรื่องแล้ว เขาทำเองร่วมกับคนอื่นอีก 2 เรื่อง (เท่าที่ทราบ) แล้วยังไปสมัครเรียนหลักสูตรนี้อีก จะบอกว่าไม่รักคงไม่ได้แล้ว แต่ที่ดู ๆ คือเขาภูมิใจมากโดยเฉพาะประเด็นที่ว่าทำด้วยใจรัก ไม่ได้ทำเพื่อส่ง อวช. หรือเพื่ออย่างอื่น น้องเกี้ยเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน ขยัน อดทน และมนุษยสัมพันธ์เลิศ แต่ก็มีบ้างที่จะแนะนำเสมอคือ "เกี้ยมั่นใจหน่อย!" หายากครับคนที่ทำงานในชุมชน แล้วยังใช้เวลานอกราชการทำวิจัยเพื่อในราชการ มีไม่กี่คน เชื่อว่าต้องรักจริง ๆ ถึงจะทำได้
อยากให้น้องเขาสอบผ่านเข้าเรียนได้ เพราะยังไง ๆ ก็เชื่อลึก ๆ ว่า "ระบบสาธารณสุขจะได้นักพัฒนาที่มีคุณภาพมาเพื่ออีกคน" แต่น้องก็ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกเอาเอง อันนี้ไม่สามารถจัดการอะไรให้ได้ ได้แต่ขอเชียร์เท่านั้น