ปีใหม่แล้ว ดิฉันขอถือเป็นฤกษ์ดี ที่จะตั้งต้นทำสิ่งดีๆ ในปีนี้อีกสักครั้ง
คำมั่นสัญญาของชีวิต ในปีนี้ คือ ต้องเป็นผู้มีวินัย ปีนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว จะไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง จะไม่เลิกล้มโปรแกรมดีๆ เสียกลางคัน เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การเขียน Blog การฝึกจิต ไม่นอนดึกเกินไป ตื่นแต่เช้า ฯลฯ
วันที่ 4 มกราคม ประเดิมวันแรกของการทำงานด้วยการรับเชิญเป็นวิทยากร เรื่อง การจัดการความรู้ ที่บัณฑิตวิทยาลัย มน. ทำ สไลด์ ppt. ไปตั้ง 70 กว่าหน้า ด้วยอยากเสนอ idea และอธิบาย KM ให้เชื่อมโยงกับ QA โดยไม่พยายามให้คำจำกัดความของ KM ใช้เวลาบรรยายไปทั้งหมด 3 ชั่วโมง 9.00 - 12.00 น.
ทบทวน แม้รู้สึกว่าผู้เข้ารับฟังให้ความสนใจดี แต่หูในใจแว่วเสียงท่าน อ.หมอวิจารณ์ว่า เข้าใจยังงัยก็ไม่ซึ้งเท่าการได้ปฏิบัติจริง และใจเองก็สัมผัสความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน คราวหน้า ต้องหาวิธีใหม่ ที่ไม่ใช่ Lecture อย่างเดียว อาจเป็น Lect.+AAR feedback จากผู้ฟัง
วันที่ 5 - 8 ไป UKM ที่มหาสารคาม ได้บันทึกไว้แล้วใน ความรู้สึกแท้ๆ ใน UKM ครั้งที่ 4/2548 และ AAR ทุกนาที AAR ทุกวิธี : UKM4/48
วันที่ 9 รับเชิญเป็นวิทยากรร่วม ของหน่วยประกันฯ มน. ในโครงการประชุมวิชาการเรื่อง "แนวคิด หลักการและประสบการณ์ด้านการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ให้กับตัวแทนจากคณะวิชาและหน่วยงานสายสนับสนุน รวมทั้งผู้สนใจใน มน. ดิฉันก็เอาของเก่าที่ยังไม่เก่ามาก (ของเมื่อวันที่ 4 มค.) มาขายต่อแหละค่ะ แหม! ใครจะไปคิดอะไรแปลกใหม่ได้ทุกวัน เพียงแต่ครั้งนี้มีเวลาประมาณ 1 ชม. จึงเป็น version Lecture แบบย่อๆ ต่อจากบทนำโดยท่าน อ.วิบูลย์ (ผศ.ดร.วิบูลย์ วัฒนาธร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและประกันคุณภาพ มน.) มีคุณบอย สหเวชฯ (คุณอนุวัทย์ เรืองจันทร์ เลขานุการคณะสหเวชฯ) รศ.ดร.อรุณี อ่อนสวัสดิ์ และคุณไพฑูรย์ ช่วงฉ่ำ มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย
ทบทวน การทำความเข้าใจเรื่อง KM โดยฟังจากผู้ที่มีประสบการณ์การทำ KM มาบ้างแล้ว ก็เป็นกระบวนการหนึ่งของการจัดการความรู้นั่นอง หรือที่เรียกว่า Peer Assist น่างงไหมค่ะ เรากำลังเรียนรู้เรื่อง KM ด้วยวิธีการ KM
วันที่ 10 ประชุมกรรมการศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสหเวชฯ ปีนี้ ทางคณะกะว่าขยายกิจการ ที่เดิมมีเพียงด้านกายภาพบำบัด โดยเพิ่มด้านเทคนิคการแพทย์ (ตรวจเลือด) และรังสีเทคนิค (ตรวจมวลกระดูก) ขึ้นมาอีก
ทบทวน เหตุผลสำคัญของการจัดให้มีห้องปฏิบัติการ เพื่อส่งเสริมให้มีโรงฝึกงานจริงๆ ทั้งของนิสิตและอาจารย์ วิชาชีพทางด้านสหเวชศาสตร์เป็นวิชาชีพที่กระทำกับมนุษย์และต้องการทักษะในการปฏิบัติจริง ส่วนการวิจัยก็ต้องการตัวอย่างจริงๆ (คนไข้จริง สารตัวอย่างจริงๆ) ต้องหาทางให้มี case เยอะๆ
วันที่ 12 ประชุม กค. (ประจำเดือนมกราคม) เรื่องแจ้ง เรื่องพิจารณายังคงมีมาก และประธานยังทำเวลาได้ไม่ดี (เกินเวลามื้อเที่ยง)
ทบทวน
วันที่ 13 ประชุมกรรมการร่างหลักสูตร ป.โท ชีวเวชศาสตร์ (ครั้งที่ 3 ตามแผน) หลังจากเดือนที่แล้วสรุปเป้าหมายและกรอบของหลักสูตรได้ลงตัวแล้วว่าจะเดินไปในทิศทางใด (เน้นทางห้องปฏิบัติการ) การพิจารณาลงรายละเอียดก็เป็นเรื่องง่ายๆขึ้นมาก
ทบทวน การตั้งเป้าหมาย เป็นหลักการที่ดีที่สุดในการเริ่มดำเนินงานทุกเรื่อง
วันที่ 16
ทบทวน
วันที่ 17 สัมภาษณ์เพื่อรับอาจารย์ใหม่ของสาขากายภาพบำบัด (อ.มัทนา) จบโทมาจาก UCL ประเทศอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดในเด็ก โชคดีที่มีครอบครัวอยู่พิษณุโลก คุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสม ไชโย.. อาจารย์ในสาขานี้ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ท่านแล้วในปีนี้ (ลาเรียนเอก 2 ท่าน)
ทบทวน การปฐมนิเทศอาจารย์ใหม่ /เจ้าหน้าที่ใหม่ของคณะ จะต้องปรับปรุงให้เป็นระบบมากขึ้น องค์กรเล็กๆ อย่างคณะสหเวชฯ ตอนนี้อาจไม่มีปัญหามากนัก ที่ปฏิบัติกันมาแต่ต้น ก็คือการพบคณบดีเพื่อรับทราบนโยบายสำคัญของคณะฯ พบหัวหน้าภาค เพื่อพาแนะนำสถานที่ต่างๆและบุคลากร ส่วนเจ้าหน้าที่บุคคลก็จะมอบเอกสารสำคัญที่ควรทราบให้ไปศึกษาเพิ่มเติม ครั้งต่อไป เมื่อมีอาจารย์มาใหม่ จะรวมเป็นรุ่นแล้วจัดปฐมนิเทศให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้
วันที่ 18 ไปประชุมที่กองประกอบโรคศิลปะ เกี่ยวกับสาขาวิชาทัศนมาตร ซึ่งทาง ม.ราม เปิดเป็นหลักสูตร 6 ปี เป็นมหาวิทยาลัยเดียวที่เปิดสาขานี้ในปัจจุบัน และนิสิตชั้นปีที่ 6 รุ่นแรกกำลังจะสำเร็จการศึกษาในปีหน้า (ประมาณ 5 คน) ม.รังสิต มีความสนใจที่จะเปิดหลักสูตรนี้เช่นกัน ปัญหาเกี่ยวกับใบประกอบวิชาชีพ และมาตรฐานของหลักสูตร ยังไม่ชัดเจน ถ้าสหเวชฯ มน.จะทำ คงต้องคิดหนัก เพราะขาดทั้งสถานที่ และครุภัณฑ์ ไม่รวมว่าต้องหาอาจารย์มาอีก
ทบทวน มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ที่ยากยิ่งของการเปิดสาขาวิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะคือ การหาอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมาสอน และยังไม่นับรวมถึงครุภัณฑ์ สถานที่ และแหล่งฝึกงานอีกนานัปการ
วันที่ 20 - 22 พิธีซ้อมรับปริญญาบัตรของบัณฑิตที่จบการศึกษา ปีการศึกษา 2547 คณบดีก็ต้องซ้อมขานชื่อ และอื่นๆ ด้วย
วันที่ 21 17.30 - 21.00 น. คณะฯ จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีแก่บัณฑิต ณ เวทีกลางแจ้ง มน. ท่านรองฯ ฝ่ายกิจการนิสิต : อ.นพดล จำรูญ โต้โผใหญ่ ไปสรรหาการแสดงของ นร.รร.อนุบาลโรจนวิทย์ มาให้ชมกันด้วย น่ารักมากๆๆ เด็กๆอนุบาล กล้าแสดงออกกันตั้งแต่เล็ก คุณพ่อ คุณแม่ คุณครู ต่างช่วยกันส่งเสริมให้กำลังใจ นิสิตรุ่นน้องก็ตั้งใจเตรียมการแสดงมาเพื่อพี่บัณฑิต พี่ๆ บัณฑิตก็สมนาคุณด้วยการรวบรวมสตางค์เป็นทุนสำหรับซื้อเครื่องดนตรีให้ชมรมดนตรีของน้องๆในคณะฯ นับเป็นแบบอย่างที่ดี ที่น่าสรรเสริญ ปีนี้ชมรมศิษย์เก่าสหเวชฯ เริ่มมีกรรมการเป็นบัณฑิตที่จบตั้งแต่รุ่นแรก ความเป็นชมรมเริ่มชัดเจนเป็นลำดับ
ทบทวน ผู้ที่มาร่วมฉลองเป็นจำนวนมากที่สุด และรับประทานอาหารกันจนพุงกาง ก็คือ ยุง
วันที่ 23 วันรับปริญญาของ มน. รายละเอียด ดูใน วันรับปริญญา มน. ปี 49
วันที่ 25 พวกเรายกขบวนผู้บริหารของคณะเกือบทุกท่าน ทั้งรองคณบดี ผู้ช่วยคณบดี และหัวหน้าภาคทุกภาค ไปสวัสดีปีใหม่กับท่านนายกเทศมนตรีเมืองพิษณุโลก (คุณเปรมฤดี ชามภูนุช) แม้ไม่ได้พบท่านนายกเปรมฯ เพราะท่านติดประชุมอีกงาน ก็มีท่านรองนายก นายแพทย์สุธี ฮั่นตระกูล คอยต้อนรับอย่างอบอุ่น เป็นงานแรกที่เราเริ่มออกชุมชนสัมพันธ์ และไปเยี่ยมชมศูนย์สุขภาพชุมชนของเทศบาลทั้ง 4 มุมเมืองด้วย
ทบทวน มหาวิทยาลัยและชุมชน สามารถประสานประโยชน์ร่วมกันได้ มหาวิทยาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด ได้เปรียบอยู่แล้วในเรื่องนี้หากเทียบกับคนในเมืองหลวง
วันที่ 27 ท่าน อ.วิบูลย์ ส่งตัวดิฉันไปแทนท่านในการเข้าร่วมประชุม UKM Bussiness meeting ครั้งแรกของปี 49 (เพราะท่านติดภารกิจสำคัญ) ซึ่งครั้งนี้ มอ. โดยท่าน อ.พิชิต เป็นผู้ประสานงานเครือข่าย ต่อจากมหาวิทยาลัยมหิดล ดิฉันได้ทำ AAR กิจกรรมของ UKM ตลอดปี 48 ที่ผ่านมา ดังนี้
ยังมีรายละเอียดในการประชุมร่วมกันอีกมาก คาดว่าทาง มอ. คงจะสรุปให้ทราบในเร็ววันนี้
วันที่ 30 ท่านรองอธิการบดีฝ่ายแผนฯ (ดร.สำราญ ทองแพง) ส่งตัวดิฉันไปเข้าร่วมเจรจา เรื่องเกณฑ์ในตัวชี้วัดของ กพร. เพื่อตั้งค่าเป้าหมายในปีงบประมาณ 49 ที่ รร.เอเชีย กทม. ร่วมกับคุณเบิร์ด (คุณธงชัย แสงจันทร์) และคุณกระป๋อง (คุณธนวรรธน์ ยอดบุรี) ความจริงเป็นเพียงตัวชี้วัดเดียวในมิติที่ 1 ของ กพร.เฉพาะผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดของ สมศ. (น้ำหนักมากหน่อย 25%) และผู้ที่เจรจาด้วยก็คือ สมศ. ไม่ใช่ กพร.
ทบทวน
อ่านแล้วเห็นว่า เป็นสุดยอด self AAR เลยครับ
มี อ. สมลักษณ์ คอยให้กำลังใจเช่นนี้ ความตั้งใจในปีนี้ที่จะประพฤติตนให้อยู่ในร่องในรอย ของ Blog คงเป็นความจริงแน่แท้