ใครจะรู้ว่าครูภาษาอังกฤษอย่างฉัน...จะจับพรัดจับผรูมาเป็นครูบรรณารักษ์ห้องสมุดกับเค้าได้ จากที่ผู้บริหารโรงเรียนมอบหมายให้ฉันมาดูแลห้องสมุดชั่วคราวแทนครูบรรณารักษ์ห้องสมุดคนเก่าที่ลาคลอด ฉันเองก็ไม่มีความรู้เรื่องของบรรณารักษ์ห้องสมุดเลย การที่เราต้องมาทำอะไรที่เราไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น และต้องมีหน้าที่พัฒนางานนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เมื่อได้รับมอบหมายแล้วก็จะพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีเท่าที่จะสามารถทำได้ ( แต่ก็แอบคิดในใจว่ารับผิดชอบแค่ 3 เดือน.... 3 เดือนเท่านั้น )
ฉันเริ่มจากการจัดสภาพห้องสมุดใหม่ให้มีบรรยากาศที่น่าอ่านหนังสือ น่าเข้ามาใช้บริการ พยายามหาต้นไม้มาตกแต่งห้อง เพราะเคยอ่านงานวิจัยงานหนึ่งบอกว่า สีเขียวจากต้นไม้หรือสีเขียวจากสิ่งต่างๆ ทำให้คนมีสมาธิมากขึ้น และโดยส่วนตัวก็เป็นคนที่ชอบความร่มรื่น ความสดชื่นของต้นไม้อยู่แล้ว
ฉันไม่มีความรู้เรื่องการจัดหมวดหมู่ทศนิยมดิวอี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหนังสือในห้องสมุดต้องจัดหมวดหมู่ทศนิยมดิวอี้กัน ฉันก็จัดแบบ ( ตามใจฉัน ) กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งก็ยาก... ด้วยที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าหนังสือบางเล่มมันกำกวม ไม่สามารถระบุได้ว่าควรจะเอาไว้ในสาระการเรียนรู้ไหนๆ ซึ่งศึกษานิเทศน์ที่รับผิดชอบห้องสมุดก็มาแนะนำว่าควรจัดหมวดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ ตอนแรกก็ต่อต้าน ( ก็ฉันทำไม่เป็นนี่นา )
แต่ก็พยายามศึกษาการจัดหมวดหมู่ทศนิยมดิวอี้ โชคดีที่มีเพื่อน ( สมัยเป็นครูเอกชน ) เป็นครูบรรณารักษ์ ก็พยายามโทรไปสอบถามเค้า และก็เป็นความโชคดีอย่างที่สองที่มีผู้บริจาดหนังสือเก่ามาให้โรงเรียน แล้วก็มีอยู่หนึ่งเล่มชื่อหนังสือ การใช้ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฉันก็พยายามศึกษาดูก็ได้ความกระจ่างบ้างในบางเรื่อง แต่ยังมีเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับฉัน คือเรื่อง บัตรรายการ พยายามแล้วพยายามอีกที่จะทดลองทำ แต่ก็ไม่สามารถ
ด้วยความที่ฉันสมัครเข้าร่วมโครงการ" ห้องสมุดมีชีวิต " ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจากโครงการนี้ฉันได้รับงบประมาณจำนวนมากพอสมควร เพื่อที่จะส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้กับนักเรียนของฉัน ซึ่งก็จะต้องมีคณะกรรมการมาประเมินงานของห้องสมุด ฉันจะไม่ทำบัตรรายการก็ไม่ได้ เดี๋ยวประเมินไม่ผ่าน ผลเสียก็จะอยู่กับโรงเรียน ก็ต้องพยายามทำให้ได้ ( แล้วจะทำอย่างไร )
พี่ภา พี่ผู้ร่วมงานคนหนึ่งแนะนำว่าให้ลองไปดูงานของโรงเรียนอื่นดู เผื่อจะสามารถทำได้ ก็ลองไปดู ผลออกมาดีกว่าที่คิด พี่น้อย พี่ที่ฉันขอเขาไปศึกษาดูงานห้องสมุดนั้น เอื้ออำนวยความรู้ให้กับฉันเป็นอย่างดี ถ้าอธิบายแล้วไม่เข้าใจ พี่แกก็ให้ทดลองทำดู ตอนนี้เริ่มมีความเข้าใจเรื่องบัตรรายการมากขึ้น และก็คิดว่าน่าจะสามารถกลับมาพัฒนางานห้องสมุดได้ ฉันใช้เวลาว่างจากการสอนและในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์กับการทำงานต่างๆในห้องสมุด รวมทั้งบัตรรายการด้วย....เหนื่อย หลายๆครั้งถามตัวเองว่าทำ..ทำไม เอาเวลาไปนอนหรือพักผ่อนไม่ดีกว่าเหรอ
จากการที่ฉันได้สมัครเข้าร่วมโครงการห้องสมุดมีชีวิต และได้งบประมาณมาจำนวนหนึ่ง ฉันดีใจมาก ฉันได้ใช้งบประมาณเหล่านี้ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่หลากหลายให้กับนักเรียน เช่น กิจกรรมค่ายรักการอ่าน กิจกรรมนักอ่านน้อย กิจกรรมเล่าขานผ่านการอ่าน กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ กิจกรรมการแข่งขันทักษะทางวิชาการ กิจกรรมหนังสือของฉันแบ่งปันกันอ่าน ซึ่งทำให้นักเรียนของฉันได้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านมากขึ้น นักเรียนเข้ามาใช้บริการห้องสมุด เข้ามาอ่านหนังสือในห้องสมุดกันมากขึ้น
หลังจากที่บ่นเรื่องปัญหาและอุปสรรคในการที่ครูภาษาอังกฤษคนหนึ่งจะฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ เพื่อมาเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดได้ ตอนนี้กว่า 2 ปีแล้วที่ฉันยังคงทำหน้าที่ครูบรรณารักษ์ห้องสมุด และฉันก็คิดว่าที่ครูภาษาอังกฤษอย่างฉันสามารถทำงานบรรรณารักษ์ห้องสมุดได้ ก็เพียงเพราะความตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายให้ดีเท่าที่จะสามารถทำได้ เท่านั้นเอง
สวัสดีค่ะอาจารย์ KOOPUN
ดีใจกับอาจารย์ด้วยนะคะที่ได้ทำอะไรที่ท้าทาย
ศักยภาพของอาจารย์นั้นบรรณารักษ์ยังอายเลยค่ะ
จากบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัย
จาก..
เป็นครูภาษาอังกฤษ แล้วก็ได้เป็นครูบรรณารักษ์เหมือนกันเลย ทำอะไรไม่เป็นเลยอะ
แต่ตั้งใจทำงาน จนได้รับรางวัลห้องสมุดยอดเยี่ยมในปีแรกที่ทำ เหนื่อยนะ แต่ก็เฮอะ ทำงานอยู่แล้ว
เดี๋ยวนี้มีคณะมาศึกษาดูงานเป็นประจำ คร้า....มันท้าทาย