แผนที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก


ของเก่าส่วนใหญ่มีไว้ทำธุรกิจ

ขอเล่าเรื่องเบาๆคั่นสักเรื่อง

พวกเราส่วนหนึ่งคงได้ยินมาบ้างเรื่องที่มีหลักฐานมากขึ้นเรื่อยๆว่าคนที่เดินทารอบโลกคนแรกหาใช่ฝรั่งตานำ้ข้าวแต่อย่างใด กลับกลายเป็นคนจีน แถมเป็นขันที และเป็นชาวมุสลิมด้วย แถมคนไทยก็รู้จักดีในนามว่าซำปอกง

ฝรั่งชื่อ Menzie เป็นคนแรกที่เขียนหนังสือเล่มเบ้อเร่อ รวบรวมหลักฐานซึ่งก็มีทั้งที่ชัดเจน และปะติดปะต่อเอง สรุปว่า เจิ้งเหอ (ชื่อจีนของซำปอกง) เดินทางไปถึงอเมริกาก่อนโคลัมบัสกว่า 70 ปี คือตั้งแต่ปี 1421 ส่วนโคลัมบัสนั้นปี 1492

menzie อ้างถึงแผนที่ที่ทีมเจิ้งเหอทำขึ้นมา และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีคนจีนมาเปิดเผยว่าตัวเองมีแผนที่โลกฉบับหนึ่งที่เชื่อกันว่าเขียนขึ้นเมื่อราว 1700 กว่าๆ โโยใช้ข้อมูลจากการเดินทางช่วงปี 1427 หลังจากปีที่เชื่อว่าเจิ้งเหอเดินทางรอบโลก

ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีเสียงคัดค้านหรือตั้งคำถามจากหลายฝ่าย เพราะโดยส่วนใหญ่หากมีใครอ้างว่าเจอแผนที่เก่า หรือของเก่า คนก็ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า ของเก่าส่วนใหญ่มีไว้ทำธุรกิจ คือหลอกคนอื่นมากกว่าจะเป็นของเก่าจริง

่ แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังพิสูจน์ความเก่าของแผนที่ ซึ่งจะเป็นข้อมูลทางอ้อมบอกว่าข้อมูลในแผนที่นี้เป็นข้อมูลแต่ดั้งเดิม และอาจเชื่อได้ว่าทีมของเจิ้งเหอเป็นคนระบุรายละเอียดเหล่านี้ในบันทึกการเดินทาง

คงต้องมาติดตามกันว่าเรื่องจะออกมาเป็นยังไง

ถ้าเป็นจริงก็คงต้องไปแก้ตำราเรียนกันยกใหญ่ว่าด้วยประวัติศาสตร์การเดินทางรอบโลก ก็ไม่รู้ว่าในวงการศึกษษของเราเห็นว่าเรื่องแบบนี้สำคัญแค่ไหน หรือว่าเราจะมีวิธีทำไงให้เด็กไทยรู้ทัน (ทั้งในแง่ทันความรู้ใหม่ๆ และทันความคิดคนอื่นที่คิดจะมาหลอกลวงหรือเอาเปรียบ)

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 12910เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2006 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

จากเรื่องเล่า...ในโลกนี้คงมีอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้ เพราะโลกกว้างใหญ่ และที่รู้เพราะมีการบันทึกไว้ ... แต่ที่น่าสนใจ คือ การเปิดเผยเรื่องราวในช่วงเวลาที่ต่างกัน เป็นข้อมูลที่เพิ่มขึ้น..ต้องเรียนรู้และ..พิสูจน์

... บันทึกนี้ของคุณหมอเป็นความรู้อีกเรื่องที่น่าสนใจ

พูดถึงเรื่องความจริง ผมเข้าใจว่าเราจะรู้เรื่องในอดีตก็แต่ที่มีคนบันทึกไว้ และบันทึกที่มาทีหลังก็มักจะทำให้ความจริงที่มีมาก่อน สั่นคลอนได้ ยิ่งถ้าไปเชื่อมโยงกับความเป็นชนกลุ่มน้อย หรือมีข้อมูลขัดแย้งกับที่มีมาก่อน พวกที่มาทีหลังและมาจากคนที่ไม่ค่อยมีปากเสียงมาก่อน มักจะได้รับความเชื่อถือมากกว่า

บางคนเขาบอกว่านี่เป็นเพราะคนเรามีแนวโน้มที่จะเชื่อ ทฤษฏีสมคนคิด (conspiracy theory) ผมเองไม่รู้หรอกว่าเป็ฯพวก conspiracy theorist กับเขาด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือถ้ามีการอ้างหลักฐานก็ไม่ควรดูแคลน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า หลักฐานนั้นเชื่อถือไม่ได้  ภาระแห่งการพิสูจน์น่าจะอยู่ที่คนที่ไม่เชื่อ มากกว่าคนที่เชื่อ

แต่ก็ต้องระวังอย่าเชื่อโดยไม่ติดตาม

เรื่องนี้ผมยังไม่ได้เห็นผลการพิสูจน์ที่พวกฝรั่งเขาเอาไปพิสูจน์กันครับ แต่ที่แน่ๆคือแม้กระทั่งศาสตราจารย์ในจีนเองก็มีคนแสดงความแคลือบแคลงในแผนที่ฉบับนี้

The economist ต้นข่าวเรื่องนี้ที่ผมอ่าน เขาสรุปว่า ถ้าพิสูจน์แผนที่ก็คงได้แค่ว่าแผนที่นี้เก่่าแก่อย่างที่อ้างจริงหรือเปล่า พิสูจน์ไม่ได้ว่า เนื้อหาบนแผนที่ จริงหรือเปล่า หรือว่าคณะของเจิ้งเหอเป็นเจ้าของเนื้อหาในแผนที่หรือเปล่า

ก่อนจะมีหนังสือเรื่อง 1421 The Year China Discover America (เล่มที่ขายนอกสหรัฐใช้ The World) โทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษเคยทำรายการสารคดีเรื่องนี้ครับ มีการติดตามหลักฐานต่าง ๆ ที่พูดถึง และผู้แต่งซึ่งเป็นชาวสหรัฐที่เติบโตในประเทศจีนกล่าวอ้างว่า ปัจจุบันนี้มีการค้นพบหลักฐานใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่การพิสูจน์ความถูกต้องเชื่อถือได้ของหลักฐาน ดูเหมือนต้องใช้เวลาพอสมควรครับ

นอกจากอเมริกาแล้วเขาว่ายังไปถึงออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ด้วยครับ ก่อนกัปตันคุกนานมาก!

เรื่องนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าจริงหรือไม่ แต่มีความรู้สึกว่าถ้าจริงน่าจะมีการพูดถึงนานแล้ว การที่เขารวบรวมหลักฐานและประกาศออกมาในจังหวะนี้ ดูสอดรับกับการขึ้นสู่เวทีโลกอย่างเต็มตัว (และหนักหน่วง) ของประเทศจีนอย่างไงไม่รู้ครับ

conspiracy theory ซ้อนสองชั้นใช่ไหมครับ

ชั้นแรก ตะวันตก downplay ข้อมูลเรื่องนี้ ไม่เผยแพร่ หรือไม่ก็ discredit คนที่พบตรงข้ามกับ ฝ่ายตะวันตก

ซ้อนสอง จีน ปล่อยข่าวเพื่อสร้างภาวะผู้นำโลกคนใหม่ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท