"หนูอยู่แถวนี้แหละแม่ ไม่ได้ไปไหน" นี่คือคำพูดประโยคสุดท้ายที่ นายขวัญ เรืองฤทธิ์ วัย 17 ปี หนุ่มหัวใจเพชรพูดกับแม่ก่อนออกจากบ้านไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาไม่ได้กลับบ้านมาหาแม่ตลอดชีวิต เพราะขวัญได้สังเวยชีวิตให้กับการทำ "ความดี" ช่วยเด็กหญิงวัย 14 ให้รอดพ้นจากการถูกข่มขืน แต่ทว่า...การทำความดีของขวัญครั้งนี้กลับตอบแทนด้วยการถูกคนร้ายรุมแทงตายสยอง
"คนที่ทำมันเลือดเย็นมาก" นางพจนี เรืองฤทธิ์ อายุ 44 ปี แม่ของขวัญเล่าทั้งน้ำตา เธอถึงกับล้มทั้งยืนเมื่อมีคนมาบอกว่า "ลูกชายถูกแทงตาย"
แม่ย้อนเล่าว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของผู้เป็นแม่ วันนั้นขวัญอยู่บ้านกับแม่เหมือนปกติเช่นทุกวัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนทุกวันคือ คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการสั่งลามารดาผู้ให้กำเนิด
ก่อนขวัญตายเขาได้เดินมาหาแม่แล้วพูดว่า เดี๋ยวหนูมา หนูอยู่แถวนี้แหละ ไม่ได้ไปไหน ตอนนั้นแม่ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เอะใจว่า วันนี้ลูกพูดเพราะ พูด "หนู" กับแม่ ซึ่งเป็นคำพูดที่เขาเคยใช้เรียกแทนตัวเองตอนเด็ก ๆ พอได้ยินคำว่าหนูจากปากเขาก็ปลื้มใจ ย้อนให้คิดไปถึงวันเด็ก ๆ ที่เขามักจะช่างพูดแทนตัวเองว่าหนูอย่างนั้น หนูอย่างนี้ แม่ยังเผลอยิ้มเลย แต่ก็ไม่ได้เอะใจหรือคิดว่าเรื่องร้าย ๆ จะเกิดกับลูกชายของแม่
หลังจากพูดกับแม่เสร็จ ขวัญก็ออกไปข้างนอกกับเพื่อน โดยเพื่อนชวนขวัญไปเป็นเพื่อนเพื่อส่งแฟน เพื่อนคนนั้นบอกว่า ตอนนั้นประมาณ 3 ทุมกว่า ๆ ผม ขวัญ และก้แฟนผมซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปด้วยกัน แต่พอขี่ได้ได้สักระยะ ผ่านบริเวณที่เป็นทางเปลี่ยว ขวัญได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พวกเราทั้ง 3 คน จึงตัดสินใจลงไปช่วย ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือชายกลุ่มหนึ่งกำลังลงมือข่มขืนผู้หญิง 2 คน พวกเราส่งเสียงโวยวายและช่วยกันแย่งตัวผู้หญิง 2 คน ออกมาจากผู้ชายกลุ่มนั้น ในตอนนั้นผมจำได้ ขวัญบอกผมว่าให้ขี่รถพาผู้หญิงหนีไปก่อน เดี๋ยวเขาจะวิ่งหนีตามไปเอง นี่คือประโยคสุดท้ายที่ขวัญสั่งให้เพื่อนทำ แต่ใครจะคิด ไอ้พวกเดนมนุษย์มันโกรธและวิ่งตามขวัญมาอย่างกระชั้นชิด แล้วพวกมันก็ลากตัวขวัญไปซ้อม ยังไม่หนำใจมันลงมือแทงขวัญจนตายการจากไปของขวัญครั้งนี้ ไม่มีใครทุกข์เท่ากับแม่ผู้ให้กำเนิด เธอเอาแต่ร่ำไห้จนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเป็นสายเลือด
แม่มีลูกชายข 2 คน ขวัญเป็นคนเล็ก พี่คนโตเป็นพนักงานบริษัท ส่วนพ่อเสียชีวิตไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แม่ตอนนี้เย็บผ้าโหล รายได้วันละ 150 บาท ความเป็นอยู่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็มีความสุขตามอัตภาพ เพราะมีลูกดีทั้งคู่ ลูกไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ ขวัญเป็นเด็กดี ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคน เพื่อนเยอะ เพื่อน ๆ ก็รักขวัญมาก ขวัญเรียนจบชั้น ม.3 และหยุดเรียนไป เพราะเรียนไม่เก่ง แม้ว่าขวัญจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่เขาก็อยากเรียนหนังสือ ก่อนตายขวัญบอกว่าจะไปสมัครเรียนต่อ กศน. เพื่อจะเรียนหนังสือให้จบ ม.6 ให้แม่ภูมิใจ แม่เอ่ยถึงความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อลูกชายคนเล็ก
"ตอนรู้ว่าลูกตาย ยังไม่อยากเชื่อ แต่พอรวบรวมสติได้ น้ำตาก็ไหลพรากไม่หยุด หัวใจสลาย รู้สึกหมดทุกสิ่งทุกอย่าง กว่าแม่จะอุ้มท้องมา 9 เดือน กว่าจะเลี้ยงมาจนโต แล้วนี่แค่พริบตาเดียว ลูกก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ คิดถึงเวลาที่ลูกเข้ามาอ้อน เข้ามาประจบ มากอด มาหอม ไม่มีตรงนั้นอีกแล้ว ไม่มีลูกที่จะมานอนกอดแม่ทุกคืนอีกแล้ว" เธอร่ำให้ไม่หยุด
กระนั้นแล้วในมุมมืดของชีวิตก็ยังพอมีมุมสว่างให้นางพจนีได้ยิ้มออกมาบ้าง "การตายของขวัญแม้แม่จะเสียใจว่าลูกไม่ควรเอาชีวิตไปแลกเลย แต่ในมุมหนึ่งแม่ก็ภูมิใจในตัวลูก ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นและแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือ ทำใจ ภาวนาให้ความดีของลูกส่งผลให้ลูกนอนหลับให้สบาย"
ด้านพี่ชายของขวัญ นายสมพร เรืองฤทธิ์ อายุ 25 ปี บอกด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า การตายของน้องมันโหดเหี้ยมเกินไป ทั้งที่น้องทำความดีช่วยเหลือผู้หญิง ทำดีแต่ตาย มันเลวร้ายที่สุด สงสารแม่ เพราะเรามีกันอยู่ 3 คน แม่รักขวัญมาก แต่ถึงอย่างไรก็ภูมิใจในตัวน้อง น้องกล้าหาญมาก ทั้งที่อายุยังน้อยกลับมีจิตสำนึกดีช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน
นายเฉลิมพล แสงศิลา วัย 21 ปี เพื่อนสนิทของขวัญ บอกว่า ขวัญกลายเป็นวีรบุรุษในหมู่เพื่อน ๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน "ผมคบกับขวัญมา 7 ปี ขวัญเป็นคนดี มีน้ำใจมาก ตอนผมบวชขวัญยังมาเป็นลูกศิษย์ ช่วยถือของตอนออกบิณฑบาตรให้เลย ผมว่าเขาเป็นวีรบุรุษ แม้การทำดีนั้นจะเป็นการทำดีที่ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
การจากไปของขวัญครั้งนี้ สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในครอบครัวมากมายเหลือเกิน แต่ในทางกลับกัน ขวัญทำให้สังคมเห็นว่า ประเทศไทยยังไม่สิ้นคนดี ขวัญเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของคนไทยไปอีกนานเท่านาน