เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 ได้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง : ภาคกลาง จำนวน 10 กรณีศึกษา ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช การนำเสนอผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นนั้นมี "ผู้แทนชุมชน" มานำเสนอด้วยตนเอง โดยหน่วยงานภาครัฐทำหน้าที่จัดเวทีและจัดกระบวนการให้
ซึ่งสิ่งได้เห็นจากการร่วมกระบวนการนั้น มีขั้นตอนคือ
ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่เรื่อง โดยมีผู้รับผิดชอบภาระงานมาชี้แจงทำความเข้าใจถึงการจัดเวทีในครั้งนี้ มีการแนะนำทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มีการฉายภาพรวมของงานที่ทำกับ 10 หมู่บ้าน และมีการสรุปความเป็นมาของโครงการวิจัย ได้แก่ วัตถุประสงค์การวิจัย กรอบแนวคิดการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย กระบวนการดำเนินงานวิจัย
ซึ่งใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ
ขั้นที่ 2 นำเสนอเนื้อหาสาระ โดยจัดเวทีนำเสนอผลงานวิจัยชุมชน ที่ให้ผู้แทนชุมชนทั้ง 10 กรณีศึกษา ได้เล่าถึง 1) ที่มาที่ไปของการใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 2) ปัญหาอุปสรรคที่เป็นปัจจัยในการใช้เศรษฐกิจพอเพียง 3) การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4) หน่วยงานที่เข้มาเกี่ยวข้อง/สนับสนุน 5) ทิศทางการดำเนินงานต่อไปของชุมชน และ 6) ข้อคิดที่เกิดขึ้นจากความพอเพียง ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการเป็นผู้ตั้งประเด็นคำถาม แล้วให้ผู้แทนชุมชนเล่าให้ฟัง
ขั้นที่ 3 วิเคราะห์กลไกขับเคลื่อนแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ขั้นที่ 4 เสริมหนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกิดขึ้นระหว่างกัน
ขั้นที่ 5 สรุปผล
ในการประมวลผลข้อมูลและเนื้อหาสาระที่เกิดขึ้นนั้น ดิฉัน ได้ "สร้างตาราง...ขึ้นมาใช้จัดเก็บข้อมูล" เพื่อเป็นกรอบทั้ง 6 เรื่องหลักดังกล่าว ส่วนผลที่เกิดขึ้นคือ
1. บทเรียนทั้ง 10 บทเรียน มาจากการลงมือทำและลงมือปฏิบัติของชุมชน โดยมีเป้าหมาย มีปัจจัยมาเสริมหนุนทั้งภายในและภายนอกชุมชน มีการเรียนรู้เกิดขึ้น และมีข้อคิดที่เป็นของชุมชน
2. การดำรงอยู่ของชุมชนที่เป็น "ความพอเพียงนั้น...มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง" โดยเกิดอยู่บนวิถีชิวิตและความต้องการของชุมชนนั้น ๆ
3. การวิเคราะห์ "ความพอเพียง" ได้ใช้กรอบของหลักคิดและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อนำมาสู่การสรุปผล
4. "การถอดบทเรียน" ที่เกิดขึ้นนั้นได้ใช้เทคนิคการตั้งประเด็นคำถาม การจับประเด็น การชวนสนสนทนา และใช้เครื่องมือกระตุ้นกลุ่ม ภายใต้ทักษะของการเป็นวิทยากรกระบวนการ
การจัดกิจกรรมกลุ่ม และการทำวิจัยชุมชน
5. รูปแบบและวิธีการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นนั้น ได้ใช้กระบวนการกลุ่ม ทีมงาน และการมีส่วนร่วม
ส่วนข้อคิดที่เกิดขึ้นก็คือ
1. ชุมชนมีศักยภาพและมีองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นคงในการร่วมกันทำงาน
2. การสร้างโอกาสให้กับชุมชนได้เรียนรู้ตนเองนั้น หน่วยงานภายนอกเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้เกิดขึ้นได้
3. "ภูมิปัญญาท้องถิ่น" มีอยู่ทุกที่และมีอย่างหลากหลาย ได้แก่ ภูมิปัญญาในอาชีพ ภูมิปัญญาในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาในการอยู่ร่วมกัน และภูมิปัญญาในการสร้างองค์ความรู้
4. ระดับความพอเพียงของ 10 กรณีศึกษานั้น มีทั้งความเหมือนและต่างกัน ได้แก่ รูปแบบและวิธีการปฏิบัติ วิถีชีวิตและการดำรงอยู่ สังคมของการอยู่ร่วมกัน การพัฒนาและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น และเป้าหมายร่วมกัน
ฉะนั้น การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจึงมาจากการฟังและการร่วมทำกิจกรรม เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาบุคลากรลงสู่พื้นที่ในการทำงานส่งเสริมการเกษตรร่วมกันที่สามารถนำ Best Practice มาใช้เป็นฐานหลักในการทำงานและการพัฒนาตนเองได้.
ไม่มีความเห็น