วรรคทอง


อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ

     หลังจากที่สมัครเป็นสมาชิกมาได้ระยะหนึ่ง  เจ้าของชุมชน (คุณวันเพ็ญ) ก็กระเซ้าเย้าแหย่ ให้รีบๆมาเขียนเสียที ก็ใครๆ เขาบอกว่า  จะเขียน เนี้ย !!! จะต้องมีความรู้ + วิชาการ  ด้วยนะ  อย่างนี้ก็กลัวสิค่ะ  ความรู้มีเท่าหางมด  วิชาการก็หดหาย  สาระมากมายหาไม่ได้จากอิงจันทร์   วัน ๆ อ่านแต่กวี (ที่คนอื่นเขียน)  ดีแต่พูดเรื่องเรื่อยเปื่อย   ... เอาเป็นว่า จะค่อย ๆ ฝึกฝนทั่งให้เป็นเข็มแล้วกันนะค่ะ

     ดิฉันเป็นคนรุ่นใหม่แต่ใจรักนิยมชมชอบอ่านกวีเก่า ๆ บ้าง ใหม่ ๆ บ้าง  ตามประสาคนมีอารมณ์สุนทรีในหัวใจ  มีกลอนที่ดิฉันชื่นชอบ  เรียกว่าเป็นบทประจำใจ ประจำตัว ท่องจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว จากเพลงยาวถวายโอวาท ซึ่งเป็นผลงานของท่านสุนทรภู่ ซึ่งท่านก็เป็นกวีเอกในดวงใจ เป็นยอดกวีที่มีความอัจฉริยะอย่างเหลือเชื่อ

อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ        

ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก                                

สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก                

จึงค่อยชักเฉือดฟันให้บรรลัย

     ไม่รู้เพราะอะไรจึงชอบหนักหนา  คงเป็นเพราะความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ และยังผลักดันให้ดิฉันอยากที่จะมี ความคิดเป็นอาวุธ บ้างเหมือนกัน  (ฟังดูน่ากล้วนะค่ะ) เปรียบไปตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็น เหล็กแท่งน้อยๆ ที่ยังไม่ได้ตีเป็นกระบี่  แทงใครก็ไม่เข้า เอาไว้ตีหัวให้มึน ๆ นะพอไหว  หรือท่านผู้อ่านว่าไงค่ะ  มีวรรคทองในใจกันบ้างรึเปล่า ?

   

หมายเลขบันทึก: 12786เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2006 17:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เอาวรรคทองวรรคไหนดีนะ

"แล้วสอนว่า อย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด

ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน"

หรือ

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ถ้าลูก(มัน)ไม่ดี อย่ามัวตีแต่ให้ผูก 555

แหม่!!! ช่างใจ ตรงกัน จริง ๆ นะค่ะ  บทพี่วันเพ็ญชอบ  อิงจันทร์ก็ชอบเหมือนกัน  ชอบตอนต่อไป ที่ว่า

มนุษย์นี้มีที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล             ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน    เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา

แม้ใครรักรักมั่งชังชังตอบ    ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา    รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา               รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

ก็สรุปว่า  อย่าไว้ใจใครมากนัก แม่ตีเพราะแม่รัก แม่รักแม่จึงผูก  อิอิ แล้วก็หมั่นศึกษาหาความรู้ไว้ ย่อมไม่ตกยาก เฉกเช่น จอมยุทธชั้นดี ต้องมีกระบี่คม ไปที่ไหนย่อมเป็นที่เลื่องลือ  ..อ้อ ต้องเป็นจอมยุทธที่มีคุณธรรม ด้วยนะค่ะ 

อันน้ำตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก

แต่ลมปากหวานหู ไม่รู้หาย...

 

   คุณวรรคทองโดนกระเซ้าเหย้าแย่จากพี่วัญเพ็ญมา  ทำให้พรสวรรค์ด้านวรรณกรรมของ She ได้คลอดออกมา  ทำให้เราต้องออกมาเสนอ คำคม บ้าง จากการที่ชอบอ่านนวนิยายของแก้วเก้า ในเรื่อง นิรมิต  ที่ได้เสนอแง่คิดในการใช้ชีวิต และแง่คิดในการทำงานซึ่งมันสอดคล้องกับที่เราชาวหอสมุดได้เข้าร่วมสัมมนาในวันที่ 27- 28 ธค. ที่ผ่านมา 

งานนี้มันช่วยเราได้หลายอย่าง ไม่ใช่มีความหมายแค่เงิน งานทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองที่เกิดมา ว่าทำประโยชน์อะไรให้คนอื่นได้แค่ไหน ทำให้เราไม่ฟุ้งซ่าน ไม่แคบ ไม่เห็นแก่ตัว คนไม่ชอบทำงานนั้น... ถ้าไม่เบียดเบียนคนอื่น ก็เบียดเบียนตัวเอง ทำชีวิตให้เปลืองเปล่า พวกนี้สุขภาพจิตเสียทั้งนั้นแหละ...

 

เอ้า เค้าเข้าชมรมกลอนบทกวีกัน ถ้าตอบแบบธรรมดาคงไม่ได้มั้ง

งั้นขอด้นกลอนแบบง่ายๆ ประสานักกลอนมือใหม่แล้วกันว่า

   บทกวีที่เสกสรรค์ประพันธุ์ถ้อย
   บรรจงร้อยเรียบเรียงส่งเสียงหวาน
   ใส่ความจริงมิเสแสร้งแกล้งสามารย์ 
   ขอพบพานเพื่อนแท้แน่ในใจ
       เราคือเพื่อนคือมิตรคือจิตกวี
  เราจึงมีบทกลอนอันอ่อนไหว
   เราจะหลอมมิตรภาพผูกมัดไว้
   เราจะร่วมกันจารไว้ในโลกา

ลืมแก้ข่าว น้องน้อยจ๋า เจ้าของชุมชนคือ อ. หนึ่งค่ะ

เขียนกลอนไม่ถนัด แต่ชอบอ่าน เช่นบทนี้...โดย คุณพลอยฟ้า

"แม่ปูกับลูกปู"

     ลูกปูเดินส่ายไปมา        แม่ร้องว่า "เดินไม่ตรง"

ลูกปูก็เลยยืนงง                 "เดินตรงนั้นทำอย่างไร"

     แม่ปูเดินส่ายไปมา        แล้วบอกว่า "นี่แหละตรง"

ตรง...ตรง...ตรง                แต่ก็คงส่ายไปส่ายมา

     ลูกปูลองเดินดูใหม่        เดินไม่ผิดจากแม่เลยหนา

แต่แม่ปูกลับโมโหโกรธา      แล้วร้องว่า "ลูกเดินยังไง"

     แม่บอกให้เดินตรงๆ       ลูกก็คงส่ายมาส่ายไป

"มานี่...ดูแม่เดินใหม่           แล้วเดินตามมาให้ดีๆ"

              "จ้ะ...แม่จ๋า"

     แม่ปูนั้นเดินนำหน้า          ส่ายไปมาอยู่อย่างนี้

ลูกปูน้อยที่แสนดี                 ก็เดินส่ายอย่างนี้...เหมือนแม่ปู

            "แม่จ๋า...ดูสิ หนูเดินเหมือนแม่เปี๊ยบเลย"

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก

สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

ถึงเมาเหล้าช้าวสายก็หายไป

แต่เมาใจนี้ประจำทุกคำคืน

แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก

คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน

จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน

จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว

เห็นแก้วแวววับที่จับจิต
ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่
ถ้าไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ
อันของสูงแม้นปองต้องจิต
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
ไม่ใช่ของตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง
คงชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม

ดูแต่ฝูงภุมรินทร์เที่ยวบินตอม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี

***อ่านแล้วชอบค่ะ จำขึ้นใจเลย

แวะมาเจอเลยสะดุดสุดที่จะรับเป็นคติเตือนใจ... 

 อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ        

ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก                                

สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก                

จึงค่อยชักเฉือดฟันให้บรรลัย

ขอบคุณมากครับ

โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ ขอเธอมีรักใหม่อย่าให้รู้ และถ้าอยู่กับใครอย่าให้เห็น ให้ฉันเถอะ...ขอร้องสองประเด็น แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง เราชอบบทนี้น่ะ เพราะดี...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท