โปรดดูรายละเอียดกติกาได้ที่บันทึก โจทย์เขียนรายงานวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข โดยในสัปดาห์นี้ก็ขอให้นักศึกษาได้เล่าประสบการณ์ในการทำงานของตัวนักศึกษาเอง ที่เห็นว่าเป็นการประยุกต์ใช้หลักการทางเศรษฐศาสตร์ มาอธิบายพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพ
กรณีตัวอย่างเช่น กรณีของการให้สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนแบบเดิม (สปร.) จะพบว่าผู้ที่มีบัตร สปร. ประเภทผู้มีรายได้น้อย มักจะมาใช้บริการบ่อยครั้ง (ถี่) บางครั้งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปกติยังไม่จำเป็นนัก แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นบัตรทองประเภทเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 30 บาท กลับสังเกตได้ว่าหากไม่จำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่มาใช้บริการ ซึ่งแสดงว่าการร่วมจ่าย 30 บาทต่อครั้งน่าจะมีผลในแง่ดีต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในภาพรวม (หมายเหตุเป็นการมองเพียงบางส่วนในระบบหลักประกันสุขภาพในภาพรวมทั้งหมด)
การจัดสรรงบประมาณ ก่อน พ.ศ.2544 การจัดสรรงบประมาณด้านต่างๆ สสจ.จะจัดสรรผ่าน สสอ. เพื่อให้ สสอ. จัดสรรให้กับสถานีอนามัยต่างๆ ในภาพรวมไม่ได้แยกชัดเจน แต่ตั้งแต่มีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2544 เป็นต้นมามีการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรงบประมาณเป็นเหมาจ่ายรายหัว ซึ่ง สสจ. จะจัดสรรให้ CUP ต่างๆ เป็น 3 ส่วน คือ
1. OPD จัดสรรตามจำนวนผู้ป่วยนอก
2. IPD จัดสรรตามจำนวนผู้ป่วยใน
3. P&P จัดสรรตามจำนวนประชากร ใช้ในการส่งเสริมและป้องกันโรค
ซึ่งการจัดสรรงบประมาณแบบปัจจุบันนี้ สามารถนำงบ P&P มาใช้ปฏิบัติงานเชิงรุกในการส่งเสริมและป้องกันโรค เช่น โครงการออกกำลังกาย , อาหารปลอดภัย , ไข้เลือดออก , ฉี่หนู ป็นต้น ทำให้เกิดสภาพคล่องในการทำงาน สามรถแก้ปัญหาได้ถูกจุดและรวดเร็วทันเวลา
เรียน พี่สายัญฯ
ผมได้ติดตามดูแล้วที่พี่บอกว่าได้เขียนบันทึกแล้วนั้น จริง ๆ แล้วพี่เพียงสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว ดังที่ผมพบคือ http://gotoknow.org/profile/kangsadan แต่พี่ยังไม่ได้สร้าง Blog ซึ่งต้องสร้าง Blog ก่อนจึงจะเขียนบันทีกได้ ขอให้พี่ลองอ่านบันทึกนี้ของ อ.ดร.จันทวรรณ ดูนะครับ http://gotoknow.org/Createblogpost_html เป็นขั้นตอนต่าง ๆ
ขอให้สนุกกับการจัดการความรู้ครับ แล้วจะได้มากกว่าการนั่งเรียนในห้อง (ขอบอก...) ชวนเพื่อน ๆ สมัครกันด้วยล๊ะครับ
จากโจทย์ข้อที่ 2 จากอดีตกับหลักเศรษฐศาสตร์ของข้าพเจ้า หลักการในการใช้วิชาเศรษฐศาสตร์กับการทำงานเกียวเนื่องกับการดูแลผู้ป่วยที่ต้องแสดงถึงบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อผู้ป่วยและ การพัฒนาคุณภาพบริการให้มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากการจัดสรรงบประมาณตาม จำนวนของผู้ป่วยทั้ง ipd opd P&P ซึ่งกำหนดจากความพึงพอใจของประชาชนในการรับบริการทั้งความถูกต้องรวดเร็วและมีประสิทธิภาพดังนั้นโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขจะต้องเร่งทำงานในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจทั้งด้านการตรวจรักษา และบริการ รวมถึงการควบคุม เฝ้าระวัง และป้องกันโรค อย่างเกิดประสิทธิผล ดังนั้นเราจึงเป็นฟันเฟืองชิ้นหนึ่งในการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการเสริมสร้างความมีสุขภาพดีถ้วนหน้ามาสู่ประชาชนในพื้นที่
สรุป ใช้หลักเศรษฐศาสตร์ในกระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อคงจำนวนผู้ขึ้นทะเบียนใว้และและเพิ่มศักยภาพทั้งบุคลากรและการบริการให้ทัดเทียมโรงพยาบาลเอกชน ...ครับ...
พฤติกรรมการใช้บริการสาธารณสุขของเจ้าหน้าที่ กรณีการรับบริการทางการแพทย์ต่าง ๆ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนต่าง ๆ แล้วเมื่อจะต้องชำระเงินค่าบริการเจ้าหน้าที่มักจะขอค้างชำระเงินก่อน และบางกรณีเมื่อชำระแล้วก็สามารถไปเบิกเงินจากการเงินได้เลย
ปัจจุบันการค้างชำระก็สามารถทำได้ในกรณีฉุกเฉิน และการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลก็ทำตามขั้นตอนปกติ ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีก่อนการเปลี่ยนแปลง 1. เจ้าหน้าที่สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้ 2.เจ้าหน้าที่สามารถเข้ารับบริการทางด้านสุขภาพได้อย่างทั่วถึง 3.สะดวกต่อเจ้าหน้าที่ผู้มารับบริการ 4.กรณีฉุกเฉินสามารถค้างชำระค่าบริการทางการแพทย์ได้ .
ข้อเสียก่อนการเปลี่ยนแปลง1. ทำให้เจ้าหน้าที่การเงินที่เรียกเก็บค่าบริการไม่สะดวกต่อการทำงาน 2.เพิ่มภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่การเงิน 3.การทำงานไม่เป็นระบบ ขาดขั้นตอนการปฏิบัติ และเกิดความล่าช้าในการทำงาน
ข้อดีหลังการเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่การเงินทำงานสะดวก มีความเป็นระเบียบ ลดข้อผิดพลาดจากการทำงาน และเข้ากับระบบการประกันคุณภาพด้วย
ข้อเสียหลังการเปลี่ยนแปลง ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้รับบริการไม่สะดวกต่อการเบิกจ่าย เพราะต้องรอ ใช้เวลานานกว่าจะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาล
เพิ่มเติม
จากการจัดสรรเงินในปัจจุบัน แบบ 30 บาท ส่งผลดังนี้ การปฎิบัติงานนอกเวลาราชการของ เจ้าหน้าที่ จะเห็นได้ว่าเมื่อมีโครงการ 30 บาท เข้ามาเกี่ยวข้อง สถานบริการสาธารณสุข(สถานีอนามัย) มีเงินบำรุงเพิ่มขึ้น เมื่อมีเงินเพิ่มขึ้นสภาพคล่องของสถานีอนามัยมากขึ้น การใช้จ่ายเงินด้านต่างๆ ก็ย่อมมีมากขึ้น เช่นการจ่านค่าตอบแทนการให้บริการนอกเวลาราชการ การจ่ายค่าตอบแทน การปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมป้องกันโรค ตลอดจนการดูแลผู้ป่วย เรื้อรังที่ไม่ต้องไปรับการรักษาที่ รพ. ซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม
จากการทำงานและได้ลงพื้นที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้านซึ่งเป็นชุมชนที่ห่างไกลความเจริญ มีความลำบากในการเดินทาง ชาวบ้านไดบอกกล่าวว่ามีความลำบากมาก จึงจำเป็นต้องหาวิธีการต่างๆเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยและการรักษาพยาบาลตัวเองและครอบครัว และหาแนวทางต่างๆ
1.การเลือกสถานที่บริการด้านสุขภาพของประชาชน เช่น การใช้บริการคลีนิค โรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น
2.การใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการรักษาพยาบาลหรือการรักษาโรคเบื้องต้น
3.การใช้สมุนไพรต่างๆในการรักษาโรค
4.การปลูกพืชสมุนไพรในสถานบริการเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
5.การให้คำปรึกษาหรือการให้สุขศึกษาแทนการใช้ยาในบางกรณี