สถาบันราชภัฏสวนสุนันทาก็ไม่น้อยหน้าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในเรื่องของ
e-learning เพราะมีนโยบาย และแผนงานที่ชัดเจนในเรื่องนี้
ทั้งยังปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยการมีสำนักการศึกษามวลชน
และสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมารับผิดชอบดำเนินการ
ลงทุนงบประมาณไปแล้วหลายสิบล้านบาท
ได้ผลลัพธ์กลับมาในสิ่งที่แสดงความก้าวหน้าหลายด้าน
แต่ถึงจุดคุ้มทุนหรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
ในการจัดการเรียนการสอนแบบ
e-learning มีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย
ต้องอาศัยการจัดการที่เป็นระบบ และดูแลให้ครบทุกมิติ
มิติที่เราพูดถึงกันน้อยมากคือ ครูในการจัดการเรียนการสอนแบบ e-learning ซึ่งจะขอเรียกว่า e-teacher หรือ อีครู
เท่าที่ผ่านมา เราไม่ค่อยจะพูดกันถึงการเตรียมตัวเป็นอีครู บทบาทของอีครู หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าเราจะเป็นอีครูกันอย่างไร?
เราเน้นเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือ
เน้นตัวโปรแกรมที่จะมาใช้
โดยหวังว่าเมื่อมีสองส่วนนี้แล้ว
ตามติดมาด้วยการจัดอบรมให้แก่ครูสักครั้งสองครั้ง
ทุกคนก็สามารถเป็นอีครูได้
มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่!
คำถามที่เกิดขึ้นในใจก็คือ อีครูเป็นอย่างไร?
แรกสุดก็ต้องสร้างความมั่นใจให้ตัวเองก่อนว่า อีครูเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง จึงเข้าไปค้นดูในอินเตอร์เนต ก็เจอเหมือนกัน แต่เป็นคำภาษาอังกฤษในเว็บไซด์ภาษาฮิบรู จีนและเยอรมัน ข้อติดขัดเรื่องภาษาทำให้ไม่สามารถขยายฐานความเข้าใจให้ตัวเองได้ ส่วนที่มีเป็นภาษาอังกฤษก็กล่าวถึงน้อยมาก และมีลักษณะเป็นคำเฉพาะมากกว่า อาทิ เรียกผู้ที่คอยตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งทางอีเมล์ (e-mail) ว่าอีครู เรียกผู้ที่ทำการสอนผ่านทางอินเตอร์เนตว่าอีครู และเรียกโปรแกรมการเรียนการสอนที่จัดผ่านทางอินเตอร์เนตว่าอีครู
เป็นอันว่าอีครูมีอยู่จริง แต่เป็นอย่างไรนั้น ไม่มีข้อมูลมากพอ การที่เป็นเช่นนั้นหมายความว่าครูในยุคอิเล็กทรอนิกส์เบ่งบานนี้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปแล้ว? หรืออาจเป็นเพราะประเด็นสำคัญในยุคนี้คือ ผู้เรียนกับการเรียนรู้ ไม่ใช่ครู ?
แล้วใครล่ะคือคนที่ทำหน้าที่จัดการเรียนรู้ทั้งหลายที่ปรากฏผ่านทางอินเตอร์เนต? นั่นคืออีครูใช่ไหม? และอีครูแตกต่างจากครูทั่วไปอย่างไร?
ในเมื่อข้อมูลในเรื่องนี้มีน้อยมาก
การค้นหาคำตอบเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องคิดหาเหตุผล วิเคราะห์
และพิจารณาหาข้อสรุปเอาเอง ซึ่งจะกล่าวเป็นประเด็นไปดังนี้
ประเด็นแรกคือ
มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องมีอีครู?
เมื่อสามปีที่แล้ว
นักการศึกษาคนหนึ่งชื่อ Christine Canning-Wilson เขียนบทความเรื่อง
E-learning with E-teacher: Considerations for On-line Course Design
แสดงความคิดเห็นว่า
วิธีการจัดและการประเมินผลการศึกษาแบบเดิมๆจะสูญพันธ์
เนื่องจากพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆของวิธีการเรียนรู้ด้วยระบบสื่อทางไกล
เธอจึงเสนอประเด็นเกี่ยวกับ e-content, e-grading และ e-assessment
ในวิชาการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง เธอศึกษาข้อมูลต่างๆ จนเชื่อว่า
เทคโนโลยีการศึกษากำลังก้าวไปสู่การสลายรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบธรรมดา
เพื่อไปเป็นการเรียนการสอนแบบออนไลน์
โดยจะมีการใช้อย่างแพร่หลายและจะสนองความต้องการของผู้เรียนได้มากกว่า
ความคิดเห็นดังกล่าวประกอบกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการศึกษาและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาต่างๆ
ทั้งของไทยและต่างประเทศ
ทำให้น่าจะสรุปได้ว่าครูอาจารย์ที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้จะต้องพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นอีครู!
ณ วันนี้
ใครที่ยังไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยในเรื่องเกี่ยวกับ e-learning
เพื่อเตรียมตัวเป็นอีครู ก็อาจจะพบตนเองอยู่ในกลุ่ม
“ครูผู้สูญพันธ์” ได้ในไม่ช้า
ประเด็นต่อมาคือ
บทบาทและหน้าที่ของอีครู
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
เคยเขียนบทความเรื่อง “ครูคือใครในยุคสารนิเทศ”
(ตอนนั้นยังไม่มีคำว่าสารสนเทศ) ซึ่งทำนายบทบาทของครูว่า
จะต้องเปลี่ยนไปเป็นผู้จัดการเรียนรู้
เนื่องจากผลพวงของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ปรากฏว่าคำทำนายดังกล่าวเป็นจริงแล้วในวันนี้
ชนิดที่ไม่มีข้อโต้แย้งเสียด้วย
ไม่ว่าจะดูจากเหตุการณ์ในสังคมปัจจุบัน
หรือการปฏิรูปการศึกษาที่เริ่มดำเนินการเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ล้วนมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ
การจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลายซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
บทบาทของอีครูที่คิดไว้
ก็สมควรเป็นเรื่องของการจัดการเรียนรู้เช่นกัน
แต่การจัดการเรียนรู้นั้น
ต้องดำเนินการโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อ
สาร ทำให้อีครูต้องมีบทบาทสองส่วน
ส่วนแรกคืออีครูเป็นผู้จัดการเรียนรู้
ทำหน้าที่วางแผน ออกแบบ
และดำเนินการให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่หลากหลาย
จัดเตรียมแหล่งการเรียนรู้อย่างเพียงพอ
และจัดการประเมินผลอย่างชัดเจนได้มาตรฐาน
จนเกิดการเรียนรู้ตามที่ตั้งเป้ามายไว้ ส่วนที่สองคือ
อีครูเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้
ประเด็นสำคัญที่จะพิจารณาต่อไปคือ ทำอย่างไรครูจึงจะเป็นอีครู
?
เราต้องยอมรับว่า
การทำให้ครูคนหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นอีครู ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าพิจารณาจากบทบาทที่กล่าวมาแล้ว ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แม้จะยอมรับกันว่ากลไกสำคัญที่สุด
ที่จะทำให้การปฏิรูปการศึกษาประสบความสำเร็จคือครู
โดยจะต้องเปลี่ยนบทบาท จากผู้สอนไปเป็นผู้จัดการเรียนรู้
ปรับบทบาทจากครูเป็นศูนย์กลางไปสู่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
แต่ปรากฏว่าการพัฒนาครูเป็นไปค่อนข้างยากลำบาก
เพราะครูเคยชินกับการทำงานแบบเดิมเดิม ไม่ยอมคิด
ไม่ยอมเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแบบหุ่นยนต์คือ
ทำเพราะถูกบังคับหรือทำตามคำสั่ง ไม่ได้เกิดจากใจ
จากความคิดของตน
จึงทำให้การปฏิรูปการศึกษาไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น
การปรับบทบาทครูให้เป็นผู้จัดการเรียนรู้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว
การพัฒนาครูให้เป็นอีครู
ก็น่าจะยากยิ่งกว่าเพราะต้องแสดงบทบาทถึงสองส่วนดังกล่าว
ดังนั้นจึงน่าคิดว่า
ครูคนเดียวจะสามารถแสดงบทบาททั้งสองส่วนอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือ?
และจำเป็นไหมที่ครูคนเดียวจะต้องแสดงได้ทั้งสองบทบาทนั้น ?
ครูคนไหนทำได้
ก็นับว่าประเสริฐยิ่ง เป็นกลุ่มที่ไม่มีอะไรต้องห่วงใย
แต่จะมีสักกี่เปอร์เซนต์ของจำนวนครูทั่วประเทศ
ทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษาที่เป็นได้
การทำให้ครูเป็นอีครู
คงต้องมองในมุมใหม่ คือ อีครูไม่จำเป็นต้องหมายถึงครูคนเดียว
แต่เป็นการร่วมกันทำงานระหว่างครู บุคลากรทางการศึกษา ช่างเทคนิค
หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ
เราต้องมองการจัดการเรียนการสอนแบบ
e-learning ว่าเป็นระบบที่มีความซับซ้อนพอสมควร
การจัดให้ได้ดีต้องมีการบริหารจัดการที่ดี
ต้องอาศัยศักยภาพของบุคคลหลาย ๆ คนมาร่วมกันทำงานเป็นทีม
ทุกคนในทีมเป็นอีครูทั้งนั้น
เพียงแต่มีบทบาทความรับผิดชอบแตกต่างกันไป อาทิ
อีครูทำหน้าที่ตอบคำถามทางอีเมล์
อีครูทำฐานข้อมูลที่จะเป็นแหล่งการเรียนรู้
อีครูออกแบบการเรียนรู้ อีครูวางระบบ ฯลฯ
จำนวนอีครูในทีมจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขอบเขตของรายวิชาที่รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม
เมื่อพิจารณาจากลักษณะของงานและความจำเป็น
ทีมที่มีสมาชิกอยู่ระหว่าง 2-4 คน ก็น่าจะสามารถจัดการเรียนการสอนแบบ
e-learning ได้อย่างมีปะสิทธิภาพ อีครูคนหนึ่งๆ
จะเป็นสมาชิกในหลายๆทีมก็ได้
ขึ้นอยู่กับความสามารถและปริมาณงานของตน
ในกรณีของการจัดการเรียนการสอนรายวิชาที่เป็นวิชาเดียว
และมีผู้สอนหรือผู้จัดการเรียนรู้เพียงคนเดียว
แต่ขาดความรู้ความสามารถในบทบาทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
สถาบันการศึกษานั้นจำเป็นจะต้องเติมเต็มบทบาทส่วนนี้ให้
ด้วยการบริหารจัดการให้มีอีครูด้านนี้มาเป็นทีมสนับสนุนอย่างพอเพียง
ไม่ใช่จัดอบรม e-learning
ให้ครูเพื่อให้แต่ละคนไปดำเนินการต่อไปกันเอง
ดังนั้นการพัฒนาครูทั่วไปให้เป็นอีครูจึงควรกำหนดกลยุทธ์แยกกันเป็น 2
ส่วน ส่วนหนึ่งคือ การพัฒนาอีครูแบบเบ็ดเสร็จ
เป็นการพัฒนาที่มีเป้าหมายให้ครู “แต่ละคน”
สามารถทำได้ทุกบทบาทที่พึงมีในการจัดการเรียนรู้แบบ e-learning
การพัฒนาแบบนี้มักทำกันบนพื้นฐานที่เชื่อว่า
ครูมีความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้อยู่แล้ว
เพียงเติมเต็มในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารเข้าไป
ก็เป็นอันว่าได้อีครูที่ต้องการ
จึงใช้วิธีการจัดฝึกอบรมเป็นส่วนใหญ่
และมักจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง
เพราะขาดการวิเคราะห์คุณสมบัติพื้นฐานของครูที่เข้าอบรมอย่างจริงจังเพื่อนำมาเป็นข้อมูลหลักในการออกแบบการฝึกอบรมให้เหมาะสม
ถ้าได้ครูที่มีคุณสมบัติพื้นฐานเหมาะสม
การพัฒนาในลักษณะนี้จะทำได้ไม่ยากและรวดเร็ว
อีกส่วนคือ
การพัฒนาอีครูแบบทีม
เป็นการพัฒนาที่มีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีทำงานของครูมากกว่าการเพิ่มความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีให้ครู
การพัฒนาแบบนี้ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ครูแต่ละคนว่าขาดบทบาทส่วนใดที่พึงมีในการจัดการเรียนรู้แบบ
e-learning
แล้วดำเนินการเติมส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์
โดยอาศัยศักยภาพของผู้อื่นมาร่วมกันทำ พูดอย่างง่ายๆ
คือจัดทีมทำงานให้ครู ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการที่ดี
โดยสรุป
อีครูคือผู้ที่ทำหน้าที่จัดการเรียนรู้แบบ e-learning
ให้แก่ผู้เรียน
ครูในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นครูการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือครูอุดมศึกษา
จำเป็นต้องพัฒนาตนเองให้เป็นอีครู
เพราะรูปแบบการจัดการศึกษาที่กำลังปรับเปลี่ยนไปเนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร
ในการจัดการเรียนรู้แบบ e-learning
จะประกอบด้วยบทบาทและหน้าที่หลากหลายที่ครูจะต้องทำ
ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจทำได้โดยครูเพียงคนเดียว
หรือต้องอาศัยครูและบุคลากรหลายคนมาช่วยกัน
ดังนั้นการพัฒนาครูให้เป็นอีครูจึงต้องมีการดำเนินงานอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการอีครูแบบเบ็ดเสร็จหรืออีครูแบบทีม
เอกสารอ้างอิง
1.
Canning-Wilson, Christine. “E-learning with E-teacher:
Considerations for On-line Course Design”. One-Stop Education
Center. The weekly column, Article 42, December 2000.
http://www.eltnewletter.com/back/December2000/art422000.htm
2. รสสุคนธ์ มกรมณี.
“ครูคือใครในยุคสารนิเทศ”. พวงชมพูปริทัศน์.
วารสารครุศาสตร์สวนสุนันทา. 2532, หน้า 42-45.
3. รสสุคนธ์ มกรมณี.
“ครูกับทศวรรษของยุคสารสนเทศ”. ครุปริทัศน์.
วารสารวิชาการสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา. ปีที่ 3 ฉบับที่ 1
(มิถุนายน 2543), หน้า 90-93.
เห็นหัวข้อบันทึกก็รีบคลิ๊กเข้ามาอ่านทันทีคะ :)
ดิฉันคิดว่า ในส่วนหนึ่ง หากเราสามารถพัฒนาระบบ E-learningให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน โดยสอบถามความต้องการของ "ครู" ในฐานะผู้ใช้ระบบตั้งแต่เริ่มแรกของการพัฒนาระบบ จะทำลด Technology resistance ไปได้เยอะนะคะ เพราะระบบที่ได้จะเป็นระบบที่ตรงใจทั้งรูปลักษณ์และความสามารถในการทำงาน
และเมื่อเรา Implement ระบบ ก็ต้องมีการ Training ให้ "ครู" อย่างเต็มที่คะ พร้อมกันนี้ องค์กรต้องให้ Reward ในการที่ครูเป็น "อีครู" เช่น คิดเป็น KPI เป็นต้นคะ
อาจารย์เห็นคิดอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณค่ะที่ช่วยคิด เคยทำแบบที่อาจารย์แนะค่ะ บางส่วนทำได้ โดยเฉพาะกับผู้สอนที่มิได้จบมาทางสายสอน และทำได้ดีกับผู้สอนมือใหม่ (สอนน้อยกว่า 3 ปี) แต่สำหรับผู้สอนที่มีประสบการณ์และเทคนิคการสอนหลากหลาย ออกแบบการสอนซับซ้อน เราพบว่าไม่สามารถสนองตอบความต้องการของบุคคลเหล่านี้ได้ ด้วยข้อจำกัดเรื่องเงิน คนและเวลา
KPI ก็เป็นความฝันของดิฉันค่ะ ผู้บริหารหน่วยงานของดิฉันพูดๆๆ เรื่องนี้มานาน เห็นแต่พูดยังไม่ทำสักที อาจารย์มีคำแนะนำอะไรดีๆ มั๊ยคะ?
ปล. ถ้าดิฉันลงไปหาดใหญ่ จะมีเวลาไปกินแต่เตี๊ยมด้วยกันมั๊ยคะ?
ด้วยความยินดีแน่นอนคะ :) แต่เตี๊ยม-บะกุ้ดแต้ในหาดใหญ่ ต้องร้าน "เย็นจิตร" นะคะอาจารย์ อร่อยมากๆ แต่บางคนเขาก็ชอบทานร้าน "โชคดี" คะ
ไว้อาจารย์จะมาหาดใหญ่เมื่อไร อย่าลืม Email มาก่อนนะคะ ที่ jantawan (@) gmail.com คะ
ดิฉันก็กำลังทำใจกับการที่มีคนเรียกว่า ว่า อีครูอ้อย
เพราะ ชื่อ อ้อย และเป็นครูที่เห็นชอบกับจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ต้องทำใจนะคะ
เมื่อก่อนนี้สัก ห้าปีที่ผ่านมา มีการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และมี อีแอบ ดิฉันจำไม่ได้แม่นว่าเรื่องอะไร แต่เพื่อนก็ยังเรียนเราว่า อีอ้อยเลยค่ะ
อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วได้ความรู้มากเลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ส่วนแรกคืออีครูเป็นผู้จัดการเรียนรู้ ทำหน้าที่วางแผน ออกแบบ และดำเนินการให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่หลากหลาย จัดเตรียมแหล่งการเรียนรู้อย่างเพียงพอ และจัดการประเมินผลอย่างชัดเจนได้มาตรฐาน จนเกิดการเรียนรู้ตามที่ตั้งเป้ามายไว้ ส่วนที่สองคือ อีครูเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้