การเข้าป่าของพวกนักศึกษานั้นก็มีผู้นำชาวนาเข้าไปด้วยจำนวนมาก เพราะผู้นำชาวนาทางภาคเหนือจำนวนไม่น้อยต้องถูกยิงตาย ซึ่งต่างก็หนีภัยเข้าป่าไปร่วมกับ พคท.เสียสิ้น นโยบายการฆ่าในสมัยนั้นเท่ากับเป็นการผลักให้คนกลุ่มหนึ่งเข้าป่า ทั้งที่จำนวนมากไม่ต้องการเข้าไปใช้ชีวิตป่า แต่จำเป็น
ที่ตั้งอนุสรณ์สถาน DL= ดงหลวง KW =เขาวง
ด้วยจิตสำนึกปกติของปุถุชนในสภาวะแวดล้อมของช่วงนั้น เราคิดว่าสิ่งที่เราคิดและทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว จึงกล้าที่จะไปเผชิญความเสี่ยงและยากลำบากสาหัสที่รออยู่ข้างหน้า และในที่สุด เพื่อน พี่ น้องต้องสังเวยชีวิตในป่าไปจริงๆ ที่มากที่สุดคือชาวนาชาวบ้าน.ที่ไปเป็นทหารปลดแอก
ป้ายบอกที่ตั้งอนุสรณ์สถานฯ
เมื่อภาวะสุกงอมของความขัดแย้งทางความคิดของ พคท. เอง แบบประนีประนอมไม่ได้แล้ว นักศึกษาต่างก็ทยอยออกมาจากป่า จนหมดสิ้น มีหลงเหลืออยู่บ้างก็กลายเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตลำพังในป่า ดั่งชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง
สถูป อนุสรณ์สถานสันติภาพภูพาน
ผมไม่ทราบว่าที่ดงหลวงแห่งนี้มีผู้สูญเสียชีวิตมากมายแค่ไหน จำนวนเท่าไหร่ เป็นนักศึกษาเท่าไหร่ เป็นชาวนา ชาวบ้านเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดที่หลุดรอดชีวิตออกมาได้จนถึงปัจจุบันได้รวมตัวกันสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อสันติภาพ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 บริเวณวัดป่าศิลาอาสน์วนาราม บ้านโพนนาดี ตำบลหนองผือ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เขตภูเขารอยต่อกับตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง เพื่อเป็นสถานที่ระลึกถึงสหายร่วมรบผู้จากไปก่อนแล้ว
การปราศรัยของอดีตสหายนำ
เกือบทุกปีในเดือนเมษายนจะมีการรวมตัวกันของเหล่าสหายใหญ่น้อยในเขตงาน 333 และ 444 จัดงานรำลึกสหายร่วมรบกัน นิมนต์พระมาทำบุญและเสวนากัน นอกจากนี้ก็มีการรื่นเริงกันย้อนรำลึกชีวิตในป่าและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน
ทหารปฎิวัติกล่าวไว้อาลัยและระลึกถึง
เมื่อวันเสาร์ที่ 29 เม.ย. พ.ศ.2549 ผมมีโอกาสไปร่วมงานซึ่งเป็นการจัดครั้งที่ 4 เห็นการจัดงานแล้วก็ทึ่งในความสามัคคีและร่วมมือกันของเหล่าสหายทั้งหลาย สหายผู้ใช้นามว่า pasit กล่าวไว้ใน “บ้านตุลาไทย” ว่า “อนุสรณ์สถานสันติภาพภูพาน แห่งนี้เป็นสถูปแบบง่ายๆไม่มีความพิสดารแต่อย่างใด มีการปูกระเบื้องรอบองค์สถูปครบหมดแล้ว จากที่ไปคราวก่อนการปูกระเบื้องยังไม่รอบ ขาดแหว่งเป็นช่วงๆ ผมเคยเสนอ อาจารย์ ผสม เพชรจำรัส ที่เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มก่อสร้างว่า น่าจะปล่อยไว้แบบไม่เสร็จนั่นแหละ เป็นอนุสติเตือนใจเราว่า การปฏิวัติเรายังไม่เสร็จ”....
การสามัคคีรำวง
ในงานดังกล่าวมีวงร๊อคภูไทมาบรรเลงเพลงปฏิวัติ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่แต่งขึ้นในเขตอีสานเหนือ เช่นเพลง นักรบอาจหาญ ศิลปินมาแล้ว ควนกาหลง และรำกลอนปฏิวัติ
ลูกหลานอดีตสหาย ฟ้อนภูไท ให้ลุงป้าชื่นชม
ท่านที่รัก อนุสรณ์สถานสันติภาพภูพาน นี้ อยู่บนเส้นทางที่จะขึ้นไปอ่างห้วยไผ่สถานที่จัดงานของเรา และท่านใดอยากฟังเพลงปฏิวัติสดๆ ต้องไปฟังที่เฮฮาศาสตร์ 3 ดงหลวง 16-18 พ.ย.2550 ครับ
สวัสดีครับท่านบางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
ภูบ่ลึก แต่ว่าห้วย มันไกล
ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้า มันใหญ่
นกเขาไฟ บินไกล เล่นลม.."
ไม่ทราบว่าเขียนเนื้อเพลงถูกหรือเปล่า แต่ชอบฟังเพลงนี้ครับ...ขอบคุณครับ
ท่าน 2. สะ-มะ-นึ-กะ
น้องขจิตครับ 3. ขจิต ฝอยทอง
สวัสดีครับท่านพี่ sasinanda
คุณแม่ดิฉันเป็นชาวบ้านนาบัว ตำบลเรณู
อำเภอเรณูนคร ได้เล่าเรื่องของวันเสียงปืนแตกให้ฟัง
ทุกวันนี้ผ่านวันเสียงปืนดับมาก็หลายปี ดิฉันว่า
การต่อสู้ในช่วง ปี 2546 บางเรื่องก็ดุเดือด
ไม่แพ้กันเลย ว่าไหมคะ
สวัสดีครับ 8. dhiwaorama
"โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน"
ขอลอกวลีของมติชนหน่อยครับ
เยี่ยมยอดครับ ผมจะไปพลิกหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ด้วยดวงตาและรอยเท้าในเร็ววัน
สวัสดีครับพี่บางทราย ผมจัดโปรแกรมไว้แล้ว ขอจอง 1 ที่ครับ ...แบกกระเป๋าไปเจอกันหน้าอำเภอ นอนกลางทุ่งหญ้าที่ปกคลุมด้วยความสงบ...
สงสัยผมก็เป็นคนเดือนตุลา..(เกิดเดือนตุลาครับ)
หวัดดีน้อง ออต
ท่านครูบาครับ 11. ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
หวัดดีน้อง สุมิตรชัย คำเขาแดง
หวัดดีอาจารย์ 13. ภูคา
เสียดายแทนคคนที่ไม่ได้ไป มากขึ้นๆทุกวัน
เพราะถือว่ารายการนี้จัดได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในแง่สาระและความลงตัวทุกอย่าง เป็นเหมือนท่านว่า..
ต่อแต่นี้ไม่มีอย่างนี้อีกแล้ว
น้องลูกหว้าครับ
ท่านครูบาครับ 19. ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
ไม่ทราบว่าปีจัดวันไหน
อยากไปร่วมด้วย
เพราะใกล้เห็นตั้งแต่เด็กแต่ไม่ทันในตอนนั้น
สวัสดีค่ะพี่ท่าน สบายดีนะคะ
... สูงเยี่ยม เทียมฟ้า ภูพาน อีกเส้นทางน่าสนใจนะคะ
สุขสันต์ วันพักร้อนค่ะพี่ท่าน กลับมาเยือนปักษ์ใต้ไหมคะ
ถึงคนรักบ้านเกิด
ปีนี้ไม่มีข่าวการจัดงานครับ และไม่ได้จัดทุกปีครับ เขามีคณะกรรมการที่คอยปรึกษาหารือหัน เพื่อกำหนดเการจัดงาน แต่คณะกรรมการยังไม่มีมติออกมาซึ่งผมก็ไม่ทราบเพราะอะไร เพราะผมไม่ได้เป็นกรรมการ
แต่มีข้อสังเกต ว่า ปี 49 ที่ผมเข้าร่วมนั้นมีสหายร่วมรบมากันมาก หนาตา แต่วันนี้ คนเหล่านั้นใส่เสื้อคนละสีเสียแล้ว คนหนึ่งทำอะไร พูดอะไร ก้กลายเป็นศัพท์ที่บรรจุในพจนานุกรมฉบับหลักไปแล้วคือคำว่า เหวง ซึ่งขึ้นเวทีเสื้อแดง ส่วนอีกคน....ตัวเล็กๆไปขึ้่นเวทีเสื้อเหลืองเมื่อก่อนนี้
เมื่อวันเวลาผ่านไปจิตใจคนเราก็เปลี่ยนไปด้วยนะครับ แม้เคยร่วมหนีตายมาด้วยกัน
ถึงน้องสาวปู พักร้อนสงกรานต์ แรกตั้งใจจะลงไปตรังไปเช็งเม้ง เกิดญาติเลื่อนเร็วขึ้นมา และพวกเราที่ขอนแก่นงานสำคัญยังไม่เสร็จเลยไม่ได้ลงไป ประกอบกับที่บ้านขอนแก่นเกิด ปลวก มากินพื้นปาเก้หมดเรียบร้อย จ้างบริษัทมาดำเนินการ แต่เหมือนเสียตังค์เปล่า เลยต้องรื้อห้องหมด ปูพื้นกระเบื้อง และจะทำในช่วงสงกรานต์ ช่วงอื่นก็ยุ่งไม่มีเวลาว่างมาคุมงานช่างครับ
สงกรานต์นี้อยู่บ้านขอนแก่นครับ น้องสาวปูเที่ยวให้สนุกนะครับ
ผมน่าจะเกิดทันนะผมจะเข้าป่าไปอีกคน
สวัสดีครับผม
ผมยังจำได้ดีครับ ผมเป็นลูกหลานคนบ้านโพนนาดี
งานบุญรำลึกผู้ล่วงลับภูพาน ปีแรก ปีนั้น วงคาราวาน ก็มาครับ เล่นดนตรีบนลานหิน เป็นกันเองมากๆครับ
สวสัดีครับ คุรวัชรพงษ์ อุปชีวะ แสดงว่าเป็นผู้ไท สหายใหญ่เราอยู่ที่โพนนาดีนี่ ผมอยากหาเวาไปกราบท่านอีก ยังหาเวลาไม่ได้เลยครับ ยินดรที่รู้จักกันครับ พยายามสืบต่อวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของพี่น้องผู้ไทไว้นะครับ อย่าปล่อยให้สูญหายไปกับทุนนิยม นะครับ