วันนี้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด เจอเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่งจึงขอคัดลอกมาเล่าต่อ เยียวยาความโกรธด้วยความรัก ตามรอยพระอาจารย์ ติง นัท ฮันห์ จากจดหมายข่าวคนรักสุขภาพ
เรามักจะเป็นทุกข์เมื่อมีคนพูดจาหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เราขุ่นเคือง และเรามักจะตอบโต้เพื่อให้คนผู้นั้นเป็นทุกข์ ด้วยหวังว่าตัวเราจะทุกข์น้อยลง เรามักคิดว่าฉันต้องการจะลงโทษเธอให้เป็นทุกข์ เพราะเธอทำให้ฉันทุกข์ และเมื่อฉันเห็นเธอทุกข์บ้าง ฉันจะรู้สึกดีบ้าง
ความคิดความรู้สึกและการกระทำเหล่านี้ เกิดขึ้นกับใครก็ได้ เมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่าในชีวิตหนึ่ง เราก็เคยเป็นทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็เคยเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำเหล่านี้
ความโกรธความเกลียด ความกลัว ความสิ้นหวังเหล่านี้ ถูกเก็บรักษาไว้อย่างลึกในจิตใต้สำนึกของเรา เราจะไม่พยายามวิ่งไปหา แทนที่เราจะเก็บความโกรธ เราควรจะตระหนักรู้ถึงความโกรธ และโอบรับความโกรธนั้นด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวล เมื่อเราได้พิจารณาความโกรธอย่างลึกซึ้งเราก็จะเข้าใจธรรมชาติและรากแห่งความโกรธ
หายใจเข้า ฉันรู้ว่าความโกรธกำลังเกิดขึ้นมา
หายใจออก ฉันดูแลความโกรธของฉัน
หายใจเข้า ฉันรู้ว่าความโกรธยังอยู่ในตัวฉัน
หายใจออก ฉันโอบรับความโกรธด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
จริงๆล่ะค่ะ..คุณครูตุ้ม..หากเรารู้ทันความโกรธ..เราจะรู้สึกว่าความโกรธนั้นน้อยลง น้อยลงจนกระทั่งหายไป..ฝึกบ่อยๆก็รู้เร็ว หายเร็วขึ้นเรื่อยๆ..สังเกตจากตัวเอง..เปรียบเทียบตอนนี้กับเมื่อก่อนก็รู้สึกภูมิใจอยู่บ้างที่เห็นพัฒนาการในตนเอง..ฝึกตัวเองได้แล้วจะได้นำไปฝึกเด็กต่อได้..(ตัวอย่างดีมีค่ากว่าคำสอนจริงๆค่ะ..)
ขอบคุณค่ะ..ปล.อยากบอกว่าสีสันสดใสเชียวนะคะ..บทความคุณครูตุ้มช่วงนี้..ไม่ธรรมดาเลยนะคะ..อิอิ..เอิ๊ก)
สวัสดีค่ะน้องแอ๊วที่น่ารัก
พี่คิดว่าความโกรธบางครั้งมันทำให้เราเครียดๆๆ
ถ้าเราเดินสายกลางได้และโอบรับความโกรธได้ด้วยความชุ่มชื่นนุ่มนวลได้ทุกครั้งที่อิทธิพลนี้เข้ามาแทรกแซงจิตของเราพี่คิดว่าเราต้องฝึกจิตแล้วปล่อยวางลง
ที่กลางใจของเราแล้วหายใจเข้า รู้
หายใจออกก็รู้และโอบรับความโกรธด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลแต่สติของเราต้องเข้มแข็งเหมือนเพชรน้ำเอกเลยทีเดียวจ๊าไหมจะ