การพัฒนา "คุณอำนวย" (Knowledge Facilitator) คงจะมองเพียงให้ฝึกเทคนิค ทักษะ อย่างเดียวคงไม่พอแล้ว ที่สำคัญคือ คุณอำนวย ของเรานีต้องกลับไปเจอเป้าเคลื่อนไหว ไม่ใช่เป้านิ่งแบบตอนซ้อม มันมักจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดโผล่มาแทรก แผลงฤทธิ์แบบไม่ทันตั้งตัวเสมอ ดังนั้น การเรียนรู้ที่ดีที่สุด น่าจะอยู่บนการเรียนรู้บนของจริง บนงานจริง
แต่ที่ผ่านมา เรามักคิดว่า การเข้าไปนั่งในห้องสี่เหลี่ยม มีคนมาบรรยายให้ฟัง ถึงจะเป็นการเรียน แต่การเอาเรื่องหน้างานมาตั้งเป็นแบบฝึกหัดในการคิด วิเคราะห์ หรือเรียกแบบภาษาที่เขาฮิตติดปากว่า "เรียนรู้" ทำกันน้อย รูปแบบของการเรียนรู้จากหน้างานจริง จึงเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ควรให้ความสำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ เพราะมีความเป็น reality สูงมาก ฝึกให้คนเรียนเข้าใจความซับซ้อนมากขึ้น เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวมากขึ้น รู้จักปรับประยุกต์มากขึ้น เชื่อมโยงความรู้ที่กินได้ แทนความรู้ที่ขึ้นหิ้งมากขึ้น
แต่การเรียนรู้บนหน้างานจริงจำต้องอาศัยกลไกบางอย่าง อาทิ
ผู้บริหารยอมรับ วิธีการแบบนี้ ร่วมออกแบบกระบวนการ กับคุณอำนวย,
กรณีองคกร์ราชการมักเจอปัญหาคนทำงาน "ลนลาน" ที่ต้องทำให้เสร็จตามใบสั่ง ทำให้คนไม่มีเวลาใส่ความปราณีตในการออกแบบกระบวนการ ผู้บริหารต้องช่วยจัด "ช่องทางจราจร" ของการทำงาน (Working traffic) ให้แก่ "คุณอำนวย" ด้วย,
เมื่อมีคุณอำนวยมือใหม่ เริ่มขยับ ต้องเฝ้าจับตา ดูพัฒนาการ เรียนรู้ไปพร้อมๆกับเขา ค่อยเติมสิ่งที่เขาขาด โดยต้องไม่ใส่แบบเพิ่มภาระให้กับเขาอีก, เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบ F2F ในยุคปี 2006 หรือใกล้ปี พ.ศ. 2550 อย่างปัจจุบันนี้นั้น ควรทบทวนเรื่องการสร้าง E-Culture ทั้งของคุณอำนวย และ "คุณเอื้อ" (Chief Knowledge Officer) ว่าถึงเวลา หรือสมควรแก่เวลาแล้วหรือยัง? หรือว่าจะต้องนัดประชุมแบบเจอหน้าเจอตา ในภาวะเวลาที่ยุ่งๆอย่างนี้ต่อไป เพราะคำตอบที่แสนจะ classic "ไม่มีจริตทางนี้!" เวทีเสมือนจึงไม่เกิดสักที แต่เวลาระดมสมองกันเมื่อไหร่ มักจะพูดถึงเสมอว่า ICT คือทางออกของเรื่องนี้ กิจกรรมที่ทำก็สร้างเว็บไซต์ พอสร้างไปแล้วมันก็นิ่งไปเลย จึงมีเว็บไซต์แบบนี้เยอะมาก ที่น่าจะให้รางวัล "ใยแมงมุม" ไปแปะหน้าเว็บ แสดงว่าไม่ค่อย update เลย คำตอบจึงควรอยู่ที่ว่า คนใช้ (User) หรือ เครื่องมือ (tools) กันแน่ที่มันไม่เวิร์ค,
เนื่องจากแต่เดิมเราไม่ค่อยมีการทำ "สารบัญความดี ความเก่งของคนเอาไว้" ดังนั้น การควานหาตัวบุคคลที่จะมาเป็น "คุณอำนวย" จึงทำแบบส่งหนังสือทางการเวียนให้ทราบ ใครว่างก็ให้ส่งมา อัตรารอด(ตาย) ของคุณอำนวย จึงมีต่ำมาก แถมพอเริ่มต้นฉายแวว เจอผู้บริหารดับดาวรุ่ง ก็เลยตามหมดเล้าเลยครับ
เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ผมได้เรียนรู้จากหน้างาน ซึ่งถือว่าเป็น ความท้าทาย ที่ต้องข้ามผ่าน ไม่เช่นนั้น ยิ่งทำก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งท้อ คงต้องหาวิธีการสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้กับหน่วยงานที่ต้องการพัฒนา หรือสร้าง "คุณอำนวย" คงต้องออกแบบวิธีการร่วมกัน เพื่อกันไม่ให้การพัฒนาคน ตกร่องแบบเดิมๆ อีกต่อไป