ตัวอย่างวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
จากภาวะโลกร้อนจากทั่วโลก
-
ทะเลเหือดแห้ง
"ทะเลอารัล"
ที่สูญสิ้นไปหมดแล้ว
เหลือไว้เพียงซากประมงถูกทิ้งไว้กลางผืนทรายแห้งแล้ง
ไม่เห็นน้ำสักหยดในปี
1990 จาก An Inconvenient Truth
ซึ่งเขียนขึ้นโดย อัล กอร์
อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผู้ผันตัวมาเป็นนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเต็มตัว อัล
กอร์ บอกว่า
กรณีทะเลอารัลคือผลการไม่คำนึงถึงธรรมชาติอาจก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่
สหภาพโซเวียต ผันน้ำของแม่น้ำใหญ่สองสายจากเอเชียกลาง ได้แก่
แม่น้ำอมูดาร์ยา และไซร์ดาร์ยา ที่เคยหล่อเลี้ยงทะเลอารัล
นำไปใช้ในการชลประทานไร่ฝ้าย ที่สุดทะเลอารัลก็เหือดแห้ง
เหลือเป็นเพียงอนุสรณ์สถานแก่โลกปัจจุบัน (ที่มา
:
http://www.matichon.co.th)
-
เอลนีโญส่งผลทะเลไทย
น้ำเย็นลงมีตะกอนขุ่นทำให้คัน
ปรากฏการณ์เอลนีโญจากภาวะโลกร้อนส่งผลให้ธรรมชาติใต้ท้องทะเลอันดามันเปลี่ยนแปลง
น้ำทะเลเป็นน้ำเย็นมีตะกอนขุ่น
นักท่องเที่ยวเริ่มย้ายจุดดำน้ำลึกจากอันดามันใต้ไปเหนือ
เพราะดำน้ำแล้วมีอาการคันตามผิวหนังและปะการังอ่อนที่สวยงามเริ่มเหี่ยวเฉา ทะเลอันดามันน้ำเย็น
มาจากน้ำที่อยู่ในทะเลลึกเคลื่อนที่เข้าสู่พื้นที่ใกล้ฝั่ง
ซึ่งน้ำนอกจากเย็นแล้วยังขุ่นมีตะกอนจากทะเลลึก
ซึ่งเดิมไม่เคยเข้ามาในเขตตื้น
แต่มากับมวลน้ำเย็น และตะกอนนี้มีธาตุอาหารจำนวนมาก
ทำให้แพลงก์ตอนที่อยู่ในเขตน้ำตื้นเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวที่ไปว่ายน้ำหรือดำน้ำจะรู้สึกว่า
น้ำเย็น น้ำขุ่นและคัน
เพราะแพลงก์ตอนบางตัวมีพิษแต่ไม่อันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้
แพลงก์ตอนทำให้มีสัตว์น้ำขนาดใหญ่และสัตว์น้ำแปลกๆ ตามเข้ามา เช่น
กระเบนราหู (ที่มา
:
http://www.thairath.co.th:80/)
-
วิปริตโลกร้อน
อเมริการ้อนตับแลบ
อาร์เจนตินาหิมะตก
เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบร้อยปี
เมื่อหิมะตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงหลายพื้นที่ในกรุงบูเอโนสไอเรส
ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่
9 ก.ค.50 ที่ผ่านมา
บางแห่งมีหิมะตกหนักจนมองเห็นเป็นสีขาวโพลนที่ปกคลุมอยู่ทั่วไป
สภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้ชาวบูเอโนสไอเรสตกตะลึงไปตามๆ กัน
เพราะเป็นครั้งแรกที่มีหิมะตกนับตั้งแต่วันที่
22 มิถุนายน 2461
เป็นต้นมา ในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ในทวีปเดียวกันแต่อยู่ทางตอนเหนือ
กลับประสบปัญหาสภาพอากาศร้อนจัดจากคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุม
ทั้งที่นครนิวยอร์กและที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประชาชนต้องหาวิธีต่างๆ
เพื่อดับร้อน
ขณะที่ไฟป่าในพื้นที่ทางตะวันตกยังคงเผาผลาญสร้างความเสียหายหลายรัฐ
ทั้งที่แคลิฟอร์เนีย เนวาดา ยูทาห์ วอชิงตัน โคโลราโด โอเรกอน
และมอนแทนา โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจเพิ่มขึ้นถึง
38
°C (ที่มา
: http://www.komchadluek.net/)
-
พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา
(Hurricane
Katrina) คือพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรงและสร้างความเสียหายที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ถูกจัดความรุนแรงตาม มาตราเฮอร์ริเคนในประเภทที่ 5 ถือว่ารุนแรงที่สุด
สร้างความเสียหายมหาศาลให้แก่ชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ทางตอนใต้ของประเทศ เมืองนิวออร์ลีนส์ในมลรัฐลุยเซียนา ในวันที่ 29 สิงหาคม
พ.ศ. 2548
พายุดังกล่าวกินเนื้อที่ความเสียหายประมาณ
233,000 ตารางกิโลเมตร
ทำให้คนประมาณห้าล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้
ต้องใช้เวลาแก้ไขประมาณ 2 เดือน
(ที่มาhttp://th.wikipedia.org/wiki)
การเกิดพายุเฮอร์ริเคน
"แคทรีนา"
และเฮอร์ริเคน
"ริตา"
ที่มีกำลังรุนแรงเชื่อมโยงกับการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ
ทำให้เปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของความชื้นและลม
โลกร้อนทำให้เกิดพายุเฮอร์ริเคนอย่างไร?
พายุเฮอร์ริเคนเกิดในบริเวณที่อุณหภูมิสูง
เรือนกระจกทำให้มหาสมุทรร้อนขึ้นเท่ากับว่าเติมเชื้อให้กับพายุเฮอร์ริเคนและทำให้มีกำลังแรงขึ้น
ก่อนที่พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาจะถล่มสหรัฐอเมริกานั้น
อุณหภูมิของผิวทะเลในอ่าวเม็กซิโกสูงที่สุดในรอบ
100
ปี วัดได้
79
°F
ที่ความลึก
150
เมตร ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยเกิดเฮอร์ริเคนที่มีกำลังแรงระดับ
5
สองลูกซ้อนในฤดูเดียวกันและในที่เดียวกันอีกด้วย
โอกาสที่จะเกิดพายุเฮอร์ริเคนที่มีความรุนแรงและมีจำนวนมากขึ้นในอนาคตมีสูงมาก
(ที่มา
: หนังสือพิมพ์มติชน
15
ตุลาคม
2548
ปีที่
28
ฉบับที่
10080
และhttp://www.vcharkarn.com/)
รูปภาพจาก http://www.komchadluek.net/