ได้มีการสันนิษฐานกันว่า ก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยมีมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้มีการติดต่อกับต่างชาติมากมาย และชาวจีนก็ได้นำเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้ามาทางเรือ
ส่วนเส้นสปาเกตตี้ก็มาจากการเดินทางของมาโคโปโลที่มาเยือนประเทศจีน และได้นำมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นตระกูลพาสต้าทั้งหลายนั่นแหละค่ะ ตราบนั้นมาคนไทยจึงนิยมบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลัก รองลงมาจากการรับประทานข้าวกันเลยทีเดียวทั้งนี้ เส้นส่วนมากมักได้รับการผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่มีความชื้นสูงทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องใส่วัตถุกันเสีย ดังเช่นเจ้ากรดเบนโซอิก และกรดซอริบิก ที่กำลังเป็นข้าวครึกโครมในช่วงเวลานี้ เพราะหากรับประทานในปริมาณสูงเป็นระยะเวลานานๆ มีผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลซึ่งทางคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล CODEX ได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ยังนับว่าโชคดี เพราะร่างกายของคนเราสามารถขับสารพิษเหล่านี้ออกได้ตามธรรมชาติ นั้นแสดงว่าถ้าบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมคือ โซ้ยก๋วยเตี๋ยวซักชามสองชามยังถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างปลอดภัย
| |
|
สวัสดีครับ.....ต่อไปก็จะทานให้น้อยลงครับ
สวัสดีค่ะ
ถ้าเราทานที่ร้านที่น่าไว้ใจได้ ได้รางวัลร้านอาหารสะอาด และร้านนั้น ขายดี ก็น่าจะช่วยได้ โดยที่ของเขาใหม่ และถ้าลวกน้ำร้อนนานๆ สารก็คงระเหยไปมากค่ะ
อยู่ที่ว่า เขาในปริมาณเท่าใด
และสุดท้ายอย่าทานก๋วยเตี๋ยวบ่อยนักค่ะ
สวัสดีครับ......อ่านแล้วเข้าท่าดีครับ แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่ชอบทานก๋วยเตี๋ยว เพราะทานทีไร มันไม่อิ่มสักที อิๆๆๆๆ ก็เลยต้องสั่งชามที่สองต่อ แต่ก่อด้วยเหตุผลอย่างนี้ละมั้งที่ผมไม่ค่อยชอบทานก๋วยเตี๋ยวเท่าไร ถ้างัย ก่อหันมาทานผักกันนะครับ ปลูกเองจะดีกว่า แค่ปลูกในกระถางก็ทานได้แล้วครับ แนะนำครับ และสนับสนุนด้วย อิอิอิอิอิอิอิ