แม้ว่าผมจะจบดอกเตอร์สาขากิจกรรมบำบัดทางจิตสังคม ที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญเทคนิควิธีการบริหารความคิด จิตใจ ความรู้ความเข้าใจ และการเข้าสู่กิจกรรมทางสังคมอย่างมีทักษะ เช่น การจัดการความเครียด การจัดการปัญหาการดำเนินชีวิต การจัดการความล้าในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต การจัดการเวลา การจัดการการใช้จ่าย การจัดการระบบความรู้และเหตุผล การใช้เวลาว่างให้สมดุลกับการทำงานเป็นต้น รายละเอียดวิธีการ ขอเชิญชวนผู้อ่านติดตามจากเวปหนึ่งของต่างประเทศ คือ http://www.mindtools.com/
แต่ขณะเริ่มพัฒนาตนเองในการบริหารในปัจจุบัน ต้องพบปะผู้ร่วมงานหลากหลายอารมณ์และความคิด บางครั้งผมก็ต้องกลับมานั่งพิจารณา "ใจ เชาวน์ ความตั้งใจ และความคิด" ของตนเอง
เมื่อเช้านี้ ผมก็ได้ถ่ายทอดประสบการณ์แก่น้องๆ กิจกรรมบำบัดมหิดลเรื่อง การวิเคราะห์ศักยภาพของตนเองในการนำไปปรับปรุงจุดอ่อนในการทำงาน น้องๆทุกคนได้มักไม่พยายามมองศักยภาพ (ทักษะความสามารถในการทำงาน) ของตนเอง แต่มองเพียงจุดอ่อนของตนเองที่ไม่มีการพิจารณาหาเทคนิคการปรับปรุงแก้ไข
ผมเลยใช้ประสบการณ์ที่เรียนมาในการ "มอง พิจารณา และวิเคราะห์ใจ เชาวน์ ความตั้งใจ และความคิดของน้องๆ ด้วยการสังเกตการกระทำและการถ่ายทอดความคิดขณะทำงานหรือสนทนา"
ยกตัวอย่างเช่น น้องท่านหนึ่งมีความรู้ค่อนข้างละเอียดและเรียนรู้สิ่งๆใหม่เร็ว แต่ชอบนิ่งเงียบ (เหมือนจะอดทนหรือควบคุมอารมณ์) และกลัวที่จะดึงความรู้มาใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา ขณะที่น้องอีกท่านหนึ่งมีความพยายาม ค่อยๆ คิดเพื่อแก้ไขปัญหา แต่มีการจัดการใช้เวลาตัดสินใจค่อนข้างช้า หรือน้องอีกคนหนึ่งมีความคิดวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบ แต่บางครั้งมีความคิดที่ไม่ยืดหยุ่นและคิดไปเองมากเกินไปด้วยความใจร้อน ทำให้เกิดความรู้สึกท้อถอยได้ง่ายเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่เคร่งเครียด
จากตัวอย่างของน้องสามท่าน พวกเค้าต้องได้รับการฝึกฝนเรื่อง time management, stress management, problem-solving skill training และรายละเอียดเหล่านี้ก็อยู่ภายให้การเตรียมความพร้อมด้าน Mind management ครับ
เมื่อวานนี้ผมก็ต้องใช้การจัดการ "ใจ" อยู่ระดับหนึ่ง เพราะตกใจ เรื่องปัญหาการใช้จ่าย ปัญหาความก้าวร้าวของเพื่อนร่วมงาน (ไม่รับรู้ความผิดพลาดของตนเอง-ไม่ติดตามงาน-ตำหนิผู้ที่ช่วยเหลืองาน) ปัญหาของผู้ป่วยทางสมองที่ต้องคอยปรับปรุงอารมณ์ในขณะฝึกเทคนิค feeding therapy และปัญหาบรรยาการในการทำงานที่ต้องใช้ความอดทนสูง (เมื่อหลายคนไม่ช่วยทำงาน)
และแล้วมีสองภาพที่เกิดขึ้นใน "ใจ" คือ ภาพแรกของการตอบโต้ด้วยความโกรธอย่างรุนแรงเพื่อให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเราถึงจุดเดือดสุดๆแล้ว กับภาพที่สองของการนิ่ง สงบ และพิจารณา "ใจ" ของตนเอง ให้เรียนรู้การพัฒนาปรับปรุง "ใจ" ของตนเอง และใช้วิธีการแก้ไขความขัดแย้งด้วยศีล สมาธิ และปัญญา
ลองทายซิครับว่า ผมเลือกกระทำภาพใดใน "ใจ"
ก่อนจะละบันทึกนี้ไป ผมมีธรรมะ...ให้คุณ ให้กัลยาณมิตรทุกท่านใช้เป็นสันติวิธีในการจัดการ "ใจ" ครับ
ถ้าเรายังไม่เข้าใจ “ใจ” ของเราเองเราก็จะแก้ไขปัญหาทางใจไม่ได้พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสอนให้หมั่นสังเกตดูใจเฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆแล้วปัญหาคาใจ ก็จะหมดไปปัญหาเกิดขึ้น เพราะเราลืมดู เรามัวแต่ไปมองดูคนที่เราขัดใจ เราก็เลยขัดใจเขาอยู่เรื่อยๆ นี้เป็นการมองผิดตัว พระอาจารย์มานพ อุปสโมหนังสือธรรมะเรื่อง ทำอย่างไรให้ใจถึงธรรม
ขอบคุณครับคุณข้ามสีทันดร
ขอให้มีความสุขในวันหยุดครับ
ขอบคุณครับพี่ขจิต
ผมได้เลือกสันติวิธีครับ
มีลิงค์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ problem solving skill training ที่ http://www.mindtools.com/pages/main/newMN_TMC.htm
ตอนนี้ผมลองใช้เทคนิคบางอย่างกับผู้ป่วยอัมพาตอยู่ครับ
โชคดีวันหยุดครับพี่ชาย
สวัสดีค่ะดร.ป๊อป ดีใจจังที่อาจารย์มีความละเอียดอ่อนในการมองกลับเข้ามาที่ตนเองด้วย ไม่มองวิเคราะห์เฉพาะผู้อื่น การเข้าใจตนเอง มองเข้าภายในตนเอง นำไปสู่การพบความสุขในการใช้ชีวิตทุกด้าน
ใช่เลยค่ะ ตามคำสอนทางพุทธศาสนาเราต้องมีความเข้าใจในตนเองก่อน ตามรู้ ให้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตน การเจริญสติ จึงไม่ใช่เรื่องของการศรัทธาทางศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวิธีที่สามารถใช้เป็นสากลได้นะคะ
ขอบคุณครับอาจารย์ยุวนุช
จริงๆ "การเข้าใจตนเองอย่างถูกต้องและลึกซึ้ง" ก็มีความยากบ้างในบางโอกาส แต่ผมจะพยายามเรียนรู้และฝึกฝนต่อไปในชีวิตของการทำงานครับ
ขอบคุณครับป้าแดง
ขอให้มีความสุขในวันหยุดและวันทำงานครับ
ขอบคุณครับคุณข้ามสีนันดร ที่ติดตามอีกครั้ง
ในทางกิจกรรมบำบัด วิชาชีพทางการแพทย์นี้ช่วยพัฒนาทักษะการทำกิจกรรมดำเนินชีวิต ในหลายๆองค์ประกอบ
Mind Management เป็นคำที่ผมนำมาจากหลักการจัดการชีวิตของตนเอง (self-management) กับหลักการใช้กิจกรรมบำบัดพัฒนาจิตสังคม (psychosocial occupational therapy) เน้นการเรียนรู้สภาวะจิตใจและนำศักยภาพของตนผ่านกระบวนการทางจิตใจมาพัฒนาตนเองในการทำกิจกรรมทางสังคม
เช่น การจัดการความเครียดเพื่อพัฒนาบทบาทของตนเองในการเป็นผู้บริหารในหน่วยงานหนึ่ง เป็นต้น
หากสนใจในรายละเอียดอื่นๆ สามารถติดต่อได้เพิ่มเติมครับ