จากประสบการณ์การเป็นคุณอำนวย
จากการได้ทำหน้าที่ในบทบาทการเป็นคุณอำนวยในองค์กรและคุณอำนวยในเวทีต่างฯทั้งเวทีชุมชน เวทีนักส่งเสริมการเกษตร เวทีในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งเวทีในสถานศึกษา และเวทีประชาสังคม ล้วนจะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยความเข้าใจของกระผม ที่พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง แต่การปฏิบัติไม่ได้อิงทางทฤษฏีมากนัก อาจจะมีการประยุกต์ ปรับปรุงแล้วแต่บริบทของที่ต่างฯ โดยจะขอเล่าจากสิ่งที่ได้ทำมาพอจะประมวลแล้วนำเสนอ ให้ท่านที่สนใจ ลองนำไปปฏิบัติในเวทีจริงหรือในเวทีเสมือน ก็แล้วแต่นะครับ
หลักสำคัญที่พึงระลึกอยู่เสมอ คือได้งานและบรรยากาศ ทุกที่ที่มีคุณอำนวย เราลองมาดูว่าบทบาทการเป็นคุณอำนวย ในแต่ละแห่งมันเป็อย่างไร คุณอำนวยในองค์กร การที่เรามีหน้าที่และบทบาทการเป็นคุณอำนวยในองค์กร สิ่งที่ตัวคุณอำนวยจะต้องตระหนักประกอบด้วย (1) ทบทวนตัวเองก่อนว่า ใจเรากล้าที่จะทำบทบาทตรงนี้ไหม หากใจกล้าแล้วย่อมจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างฯไปได้ระดับหนึ่งแล้ว (2) ใ จต้องเปิดและคิดเชิงบวกมองผู้อื่น มองเพื่อนร่วมงาน ในเชิงบวกเสมอ มองเพื่อนร่วมงานแบบเข้าใจ (3) คิดเชิงระบบ ทุกเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หรือทุกเรื่องที่จะทำ มองให้เห็นทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทุกระดับต้องรู้องค์ประกอบในแต่ละระดับควรจะมีเรื่องอะไรบ้าง (4) ต้องสร้างทีมทำงานและค้นหาเพื่อนร่วมงานอย่างเราให้พบว่ามีใครบ้างที่อยู่คอเดียวกัน (5) ต้องตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้าทุกครั้งที่จะลงมาสร้างเวทีแลกเปลี่ยน อย่างน้องก็ต้องตั้งวัตถุประสงค์ไว้ล่วงหน้า จะเปิดเผยหรือไม่ก็ตาม เราจะต้องบอกทีมงานให้ทราบและเข้าใจที่ตรงกัน (6) ต้องออกแบบเป็น อาจจะเขียนออกเป็นกรอบแนวคิดหรือโมเดลความคิดลงกระดาษ อาจจะเป็นกระดาษ A4 หรือกระดาษฟางก็ได้ ตามความเหมาะสม เปิดเผยให้ทีมงานได้ทราบ (7) ออกแบบกระบวนการจะต้องเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด หากแต่ละเวทีมีระยะเวลาจำกัด ก็จะต้องดูวัตถุประสงค์ให้ลงตัวกับเวลาที่มีอยู่
บางครั้งเราไม่สามารถจะทำหน้าที่บทบาทของคุณอำนวยได้เต็มตัว เพราะว่าบริบทขององค์กร ขณะนั้นมีแนวโน้มของบรรยากาศจะเกิดความขัดแย้งทางความคิดขึ้นของบุคลากรในองค์กร โดยเฉพาะองค์กรในภาครัฐเอง แต่บางครั้งเราก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ทำได้แค่ไหนเราก็ทำแค่นั้นก่อน หากมีโอกาสอำนวยอีกเราก็ค่อยฯขับเคลื่อนอีก แต่บางครั้งเกิดอาการท้อถอย แต่ขอเรียนว่าอย่าท้อถอยเด็จขาด เราต้องค้นหาสิ่งที่จะเสริมหนุนให้ใจเข้มแข็ง หรือเสริมพลังให้ใจเข้มแข็งเช่นไปคุยกับเพื่อนที่เป็นคอเดียวกัน หรือไปคุยกับผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ จะทำให้มีพลังใจเข้มแข็งขึ้น แต่เทคนิคที่กระผมเคยใช้แต่ได้ผลมาแล้ว หากบรรยากาศในองค์กรไม่ค่อยอำนวย เราจะต้องนิ่งให้มากที่สุด แต่หางานที่เราชอบมาปฏิบัติเช่น ค้นหาโจทย์ในการวิจัย ออกแบบในการวิจัย หรืองานเขียนเป็นต้น ไปทำงานตรงเวลาปกติ หากบรรยากาศดีขึ้นเมื่อไร เราก็ต้องทำบทบาทของเราต่อไป ไม่หยุดนิ่ง แต่อาจะปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับบริบทขององค์กรให้ได้ครับ (โปรดติดตามตอนต่อไป )
เรียนอ.นันทาครับ ขอบคุณมากครับที่มาแวะเยี่ยมและลปรร. วันที่ 17-18 กย.50 พบกันแน่นอน และมีเรื่องที่จะลปรร.อีกหลายเรื่องครับอ.นันทา
สวัสดีครับ ท่านหนุ่มร้อยเกาะครับ ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมให้กำลังใจอยู่เป็นประจำ พร้อมได้ลปรร.นะครับ
สวัสดีครับอ.ชาญวิทย์ ดีใจสุดฯที่มาแวะเยี่ยม และลปรร. เห็นด้วยครับอาจจะปรับเป็นการประเมินตนเองได้ทีเดียว เลย สำหรับหมวกที่หายไปนั้น มีแฟนฯเขาอยากจะเห็นใบหน้า ก็เลยบอกเขาไปว่าจะใส่หมวกพระเจ้าตากตอนสู้รบใหม่ฯฯ หากสถานการณ์สงบก็จะนำหมวกออกไว้ ถ้าใส่หมวกเมื่อไรก็คือจะออกไปรบกับข้าศึกครับ
สวัสดีครับอ.นงครับ ดีใจอย่างสุดฯอีกครั้ง มีความสุขและมีพลังมากที่ได้ลปรร.กับอ.นง ขอบคุณมากครับที่มาแวะเยี่ยมและลปรร.