เดิมที่ครามในหมู่บ้านมีปลูกกันมากแต่กระแสสมัยใหม่เข้ามาการปลูกครามก็หายไปจากสังคมบ้านวาใหญ่ เพราะช่างทอหันไปย้อมสีเคมีกัน ส่วนที่ย้อมครามก็เหลืออยู่บ้างแต่ก็น้อยเต็มที สวนครามถูกเปลี่ยนเป็นสวนอย่างอื่น พื้นที่การปลุกครามก็ลดลง
บ้านวาใหญ่เองถึงแม้จะฟื้นการย้อมครามขึ้นแต่ก็มีสวนครามน้อย อาศัยไปเอามาจากญาติในหมู่บ้านถ้ำเต่าที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้นเมื่อกระแสครามได้รับความนิยมดังนั้นสวนที่เคยห่างครามก็กลับมาเพราะวันนี้บ้านวาใหญ่มีสวนครามแล้ว
สวนครามที่เราไปดูตอนนี้กำลังงามเพราะปลูกได้ราวสองเดือนซึ่งใบส่วนล่างใช้ได้แล้วจากคำบอกเล่าของแม่บ้านเจ้าของสวนซึ่งการปลุกครามในสวนนี้จะเอาไว้ใช้สำหรับกลุ่มทอผ้าบ้านวาใหญ่ที่จะใช้ร่วมกัน นี่เป็นการฟื้นสวนครามที่มีคุณค่าแห่งมิติทางสังคม
เจ้าของสวนใจดีแนะนำข้อดีดีในการปลูกครามอาทิ ครามชอบดินโคก ไม่ชอบน้ำขังและดินที่เคยปลูกคราม ชาวบ้านสมัยก่อนจะนิยมปลูกที่เดิม เจ้าของสวนสมัยใหม่บอกว่าอาจจะเพราะดินที่นั้นปลูกแล้วให้สีครามดี ชาวบ้านจึงนิยมปลูกซ้ำที่เดิม
ขอบคุณน้อง ออต มากๆเลยครับ
นี่แหละค่ะการช่วยกันมอง ช่วยกันหางานวิจัยมาสนับสนุนพัฒนาการปลูกคราม จะทำให้ได้พัฒนาหัตถกรรมท้องถิ่นมีชีวิตอย่างยั่งยืน พึ่งตนเองได้
สถาบันการศึกษาในท้องถิ่นที่สารถทำวิจัยได้ น่าจะเข้ามามีส่วนในจุดนี้นะคะ
ต้นครามมีขายทั่วไปไหมคะ
อยากซื้อมาปลูกลองดู
เวลาปลูกทำไม เอาพลาสติกหุ้มไว้ด้วยคะ
แม่ดิฉันชอบผ้าย้อมครามมากค่ะ
เผื่อจะได้วื้อต้นครามไปปลูกที่สวนบ้านแม่ไว้ชื่นชมค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
สวัสดีค่ะน้องออต..ออต
ขอบคุณค่ะ
ว้าว ครูอ้อย
พี่อุบล