พิศดารนคร
ตามตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า สมัยประมาณ ๑,๓๐๐ ปีล่วงมาแล้ว ครั้งนั้นมีเมืองหริภุญชัยนคร(เมืองลำพูน) ในสมัยนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่รอบๆเมืองยังเป็นป่า เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย มีไข้ป่าชุกชุม มีฤาษีสองตนนามว่าวาสุเทพฤาษี และสุภกทันตฤาษี ทั้งสองเป็นสหายกัน ได้ปรึกษาหารือถึงการจะสร้างเมืองหริภุญชัยริมผั่งแม่น้ำกวง (สมัยนั้นคงเป็นสาขาของแม่น้ำปิง) เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้วยังขาดผู้ที่จะปกครองบริหารบ้านเมือง ฤาษีทั้งสองตนจึงส่งสาร มอบให้ควิยะบุรุษเป็นฑูตไปอัญเชิญ พระนางจามเทวี พระราชธิดาของพระเจ้าจักรวรรดิ (หรือบางตำนานเรียกว่า ลพราชา) กษัตริย์ขอมแห่งกรุงละโว้ (ลพบุรี) มาครองเมืองหริภุญชัย พระบิดาทรงเห็นชอบจึงมีพระบรมราชโองการให้พระราชธิดาเสด็จไปครองเมืองหริภุญชัยพร้อมด้วยไพร่พล ประกอบด้วย พระสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฏก ๕๐๐ รูป เศรษฐีคหบดี ๕๐๐ คน พรหมมาจารย์ โหราราชบัณฑิต แพทย์ กรมช่างต่างๆ อย่างละ ๕๐๐ คน และได้ทูลลาพระราชบิดาและพระสวามี (ในขณะนั้นพระนางจามเทวีทรงครรภ์ได้สามเดือน ครั้นเมื่อถึงเมืองหริภุญชัยได้คลอดพระโอรสฝาแฝดและได้ครองเมืองหริภุญชัยและเมืองเขลางค์นครในกาลต่อมา) พระนางจามเทวีได้รวบรวมไพร่พลเดินทางโดยทางเรือรอนแรมขึ้นมาตามลำน้ำแม่ระมิงค์(ลำน้ำปิง)ผ่านเกาะแก่งต่างๆ ด้วยความลำบากยากเข็ญ บรรดาไพร่พลได้เสียชีวิตด้วยไข้ป่า สัตว์ป่าและเรืออับปางในระหว่างการเดินทางเป็นจำนวนมาก ได้เสด็จผ่านหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยริมน้ำ เช่น เวียงระแกงหรือระแหง(จังหวัดตาก) ได้หยุดพักทำความสะอาด เสื้อผ้า เครื่องใช้ ออกตากแดด ณ สถานที่เวียงกะทิกะ (ปัจจุบันคืออำเภอบ้านตาก) เดินทางต่อรอนแรมจนกระทั่งถึงหมู่บ้านซึ่งผู้คนเซื่องซึม ง่วงเหงาไม่ค่อยร่าเริง ทรงอธิษฐานสร้างพระพุทธรูป สามองค์บนหน้าผาสูงชัน และทรงขนานนามว่า เวียงเทพบุรี หรือจำเหงา (ปัจจุบันคืออำเภอสามเงา จ.ตาก ซึ่งเป็นถิ่นเกิดของข้าเจ้า) นับเวลาที่เสด็จรอนแรมมาได้หนึ่งเดือนเศษ ได้บรรลุ ถึงสถานที่กว้างขวางแห่งหนึ่งเห็นว่าประหลาดนัก ได้ให้ไพร่พลหยุดยั้งพักแรม พระนางจามเทวีได้ให้สร้างนครไว้ที่นี่เป็นที่ระลึกและได้สร้างวัดวาอาราม สร้างเจดีย์ สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชา ชาวบ้านเรียกขานว่า "พระเจ้าโท้" ตามคำอุทานในภาษาล้านนาว่า"โท๊ะ" แปลว่าใหญ่โต(ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระเจ้าโท้ หมู่ ๓ ตำบลฮอด อำเภอฮอด) ทรงอุทิศส่วนกุศลให้แก่ไพร่พลที่เสียชีวิตระหว่างการเดินทาง จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง พุทธศักราช ๑๒๐๑ ขนานนามว่า "พิศดารนคร" ปัจจุบันสันนิษฐานว่าอยู่บริเวณบ้านวังลุง หมู่ที่ ๓ ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนี้ว่า เมืองหอด ซึ่งแปลว่าหิวหรืออดอยาก เวลาเปลี่ยนไป จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองฮอด"
นี่คือร่องรอยของเมืองพิสดารนคร
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เมืองฮอด ได้ยกระดับเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อว่า "อำเภอฮอด"และมีที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลฮอด ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๕ หลังจากการสร้างเขื่อนยันฮี(เขื่อนภูมิพล)ที่จังหวัดตาก ทำให้ที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำปิงกลายเป็นเขตน้ำท่วม จึงย้ายที่ทำการอำเภอมาอยู่ที่ บ้านห้วยส้มป่อย หมู่ที่ ๙ ตำบลหางดงและได้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอ (ปัจจุบัน) โดยได้รับงบประมาณจากกรมการปกครอง จำนวนหกล้านบาท เป็นอาคารหลังใหม่เป็นแบบ๒ชั้น แทนอาคารหลังเก่าที่ทรุดโทรม และได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ และได้ทำพิธีเปิดที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๖
เมืองเชียงใหม่มีที่ท่องเที่ยวมากมาย หมู่เฮายินดีต้อนรับทุกท่านที่สนใจมาเยือนเจ้า
พี่หล้าขา...ตามมาอีกบันทึกแล้วคะ
ไปเท่ยวด้วยคนนะ
ชักเริ่มเก่งขึ้นแล้วนะ...... ใส่รูปได้หลายรูปแล้ว......
การอบรมถึงรุ่น 6 แล้วครับ ใกล้จะเสร็จสิ้น...............
แจ้งให้ทราบถึงแพลนเน็ตรวมรุ่นที่ 1 - 6 ครับ เข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้เลยนะครับ http://gotoknow.org/planet/rattaketict16
สวัสดีครับ
วันที่ 8 กันยายน วันการศึกษานอกโรงเรียน ทดลองการใช้ ยินดีที่ได้รู้จัก ครับ
naree suwan
- ยุ่งวุ่นวายกับชีวิต การทำงานจึงตอบช้าไปนิด
- เด็กฝึกงานอาจต้องอาศัยคำแนะนำอีกแยะโปรดชี้แนะหน่อยนะละอ่อนหน้อย
สวัสดีค่ะ
ไปเชียงใหม่บ่อย แต่ไม่เคยเที่ยวที่นี่ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ