ปิยบุตร สุดที่รัก ของพ่อแม่
ปิยมิตร สนิทแท้ ในหมู่เพื่อน
ปิยศิษย์ มั่นศึกษา ตราตรึงเตือน
ไม่ลืมเลือน ปิยะพงศ์ คงนิรันดร์
เอฟ.......ที่คิดถึง
หากไม่มีเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๐ วันนี้ก็ครบหนึ่งปีพอดีที่เราได้รู้จักนาย ครูจำได้ว่าครูมาเดินทางมาถึง ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๙ พร้อมๆ กับคุณแม่และญาติที่น้องอีกหลายคน ครูรู้สึกเปลี่ยวเหงา เพราะไม่มีญาติมิตรแม้แต่คนเดียวที่นี่ ระคนกับความหวาดผวาจากเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่เมื่อครูมาถึงที่นี่ซึ่งมีนายและอุ๋ยคอยให้การดูแล ทำให้ครูรู้สึกอุ่นใจขึ้นเป็นกอง เพราะครูมีเพื่อนแล้ว
เกือบ ๑ ปี ที่เราอยู่ด้วยกัน นายได้ทำหน้าที่ศิษย์ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แม้นายจะนั่งหลังห้องสวมร้องเท้าเก่า ๆ ปล่อยเสื้อลอยชายให้ครูต้องบ่นเป็นประจำ แต่สิ่งที่ครูเห็นก็คือความพยายาม ความรับผิดชอบต่อการงาน การเอาใจใส่ต่อการเรียน มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้นายยังได้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการสอนของครูด้วย นายรู้ไหมว่าครูได้ปรับการสอนหลายเรื่องตามข้อเสนอของนาย ซึ่งมันก็ได้ผลดีซะด้วย!!
อายุระหว่างเราห่างกันไม่มากนัก ในขณะที่สถานภาพหนึ่งเราเป็นครูและศิษย์ แต่อีกสถานภาพหนึ่งเราก็คือพี่น้องกัน!!! แม้ครูจะไม่ได้เอ๋ยปากสักครั้งว่านายคือน้อง แต่ความรู้สึกที่มีต่อนาย มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครูรู้และรับทราบตลอดมาว่านายเฝ้าห่วงใย คอยเอาใจใส่ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ส่งข้าวส่งน้ำในยามที่ครูไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เมื่อครูมีความประสงค์สิ่งใด ไม่มีเลยสักครั้งที่นายจะทำให้ครูผิดหวัง....
ปิดเทอมนี้ครูวางแผนไว้ว่าจะพาพวกนายไปเที่ยวบุรีรัมย์สักครั้ง ไปดูปราสาทหินพนมรุ้ง และอาจเลยไปดูบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคาย และหากโครงการวิจัยครูผ่าน ก็วางแผนไปประเทศมาเลเซียพร้อมกันด้วย ซึ่งครูก็รู้เช่นเดียวกันว่านายได้เตรียมเก็บเงินและอุตส่าห์ไปทำ Passport เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในที่สุดแล้วเรื่องที่ไม่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น จนได้.....
หลังกลับจากหาดใหญ่เมื่อบ่ายวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๐ ครูนอนสลบไสลด้วยความเมื่อยล้า ครูไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่ง อ.หนุ่ยมาเคาะห้องและแจ้งข่าวร้าย
“เอฟถูกยิงตายที่ยะรัง!!”
ณ เวลานั้นครูไม่แน่ใจว่าครูควรจะรู้สึกอย่างไรระหว่างตกใจ เสียใจ หรือว่าไม่ควรเชื่อกับข่าวที่เกิดขึ้น จนกระทั่งครูได้รับโทรศัพท์จากอุ๋ย ด้วยเสียงร่ำไห้
“อาจารย์! อาจารย์ ! เอฟมันตายแล้ว”
ครูสับสนขึ้นมาทันทีในห้วงคำนึง ภาพเก่า ๆ ที่พวกเราเคยกินอยู่ เคยร่วมเรียนร่วมสอนกันมา ได้ปรากฎขึ้น ณ เบื้องหน้าเป็นฉาก ๆ ครูเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น โทรหาคนนั้นคนนี้ให้เขาช่วยส่งครูไปหานายที่ โรงพยาบาลยะรัง
ที่นั่นครูเห็นเอฟนอนแน่นิ่งภายใต้ผ้าคลุมที่โรงพยาบาลยะรัง เพื่อนฝูงที่ไปถึงก่อนแล้วกอดกันร้องไห้ระงมอยู่ด้านนอก ครูไม่รู้ว่าผู้ชายควรร้องไห้ไหมในสถานการณ์อย่างนี้ แต่ครูกับอุ๋ยก็ได้กอดกันร้องไห้อยู่ที่นั่นเหมือนกัน ความอัดอั้นตันใจ ความคับแค้นใจมันได้พรั่งพรูออกมาเกินกว่าที่เราจะควบคุมไว้ได้ เอฟ..ครับ ครูรู้ว่านายยังอยู่ตรงนั้น นายได้ยินเสียงครูอยู่ใช่ไหม...
“เอฟ!! ครูมารับนายกลับบ้าน กลับบ้านเรานะเอฟ”
ที่วัดนพวงศาราม เทศบาลเมืองปัตตานี เอฟ คงเห็นคณาจารย์ ผู้ใหญ่ในจังหวัด และเพื่อน พี่ น้อง ของเรา มารอส่งเอฟกลับบ้านร่วมร้อยคน นายคงไม่เหงานะครับ...
“รอพ่อที่นี่นะเอฟ!! พ่อกำลังมารับ เดี๋ยวก็จะได้กลับบ้านแล้ว”
กลางดึกเมื่อคืนนี้ตอนที่พ่อมารับนายกลับบ้าน ความจริงครูตั้งใจจะไปส่งนายด้วยตัวเอง ครูเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้า เก็บของใช้ที่จำเป็น พร้อมที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนนายจนกว่าจะได้ส่งวิญญาณของนายไปสู่สัมปรายภพ แต่เนื่องด้วยพาหนะมีจำกัดครูไม่สามารถไปส่งนายได้
“ไปกับพ่อและเพื่อน ๆ ก่อนนะเอฟ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูตามไป”
วันนี้เอฟนอนหลับสบายอยู่ที่บ้าน พี่น้องเพื่อนฝูงเต็มไปหมด นายคงจะดีใจและไม่รู้สึกเหงา เพื่อน ๆ มีของอร่อยที่นายชอบมาเลี้ยงนายเกือบทุกมื้อ เราเลือกเปิดเพลงที่เพราะที่สุดที่นายเคยชอบฟัง ครูจะอยู่เป็นเพื่อนนายที่นี่ ที่บ้านของเอฟนะครับ...หลับให้สบายครับศิษย์รัก....
ครูขุน
๒ กันยายน ๒๕๕๐
อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
สวัสดีครับ
ทันทีที่รู้ข่าวผมนึกถึงอาจารย์ทันทีว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
....
ผมเคยเห็นการจากพรากของลูกศิษย์มานักจต่อนักเช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ในทำนองนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้ดูจะเลวร้ายนัก เพราะนี่คือการทำลายอนาคตของชาติ ...
ฝากความระลึกถึงมายังดวงวิญญาณอันดีงามและคาราวะด้วยใจของความเป็นครู
...
สู่สุขคติภพ ...เทอญ
ขอบคุณในทุกความรักและความห่วงใยครับ
ขอให้น้องเอฟไปสู่สุขคติ ขอแสดงความเสียใจกับญาติ เพื่อน ครู ของน้องเอฟทุกท่านค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ อ.ขุน ย่ามแดง และ ชาวใต้ที่อยู่ในสภาวการณ์ความไม่สงบค่ะ
ขอให้ประเทศไทยสุข สงบ โดยเร็ว
ขอให้ความสงบกลับมาโดยเร็ว
เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ทำดีครับ