ดูจิตกับ EQ Camp Module 2 Part I


สติและจิตที่แข็งแกร่งจะช่วยขจัดสาเหตุของปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นได้

อาทิตย์ที่ผ่านมา 27-31 ส.ค. 50 เหล่าคุณอำนวยทั้ง 11 คนของซันฟู้ด ได้มาพบปะกันอีกครั้ง Module นี้เกี่ยวกับ EQ โดยเฉพาะค่ะ

วันแรก.....วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี

สถานที่ที่เป็นวัด แต่ไม่เหมือนวัด เหมือนโรงพยาบาลมากกว่า..... ผู้ป่วยที่นี่... แน่นอนว่าเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ที่โลกนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ มีแต่หายไปจากโลกนี้.....สิ่งหนึ่งที่ได้สัมผัสกับคนที่นี่ เริ่มจาก....ป้ากี... พนักงานทำความสะอาดบริเวณพิพิธภัณฑ์ชีวิต เราได้นั่งคุยกันถึงการทำงานที่นี่ แรกๆ ป้าก็กลัว....ผี.....ไม่ใช่กลัวคนที่เป็นโรคมาติด แต่อยู่ไปอยู่มา 7 ปี ความกลัวนั้นก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว และด้วยใจรัก! อย่างที่ป้าบอกเลยอยู่มาได้ถึง 7 ปี  .....น้องปอ.....หนึ่งในผู้ป่วยที่อยู่ในบ้านวลัยลักษณ์ เป็นคนที่มีกำลังใจดีมากๆ สามารถเข้าใจโลกได้ดี และอยากที่จะอยู่ใช้ชีวิตในโลกนี้ต่อไปอีกนานๆ ดังนั้นผู้ป่วยต้องดูแลตัวเอง ทั้งกายและใจ เป็นคนที่เข้มแข็งนะคะ เพราะวันที่ตัดสินใจมารักษาตัวที่นี่ ก็มาคนเดียว ลุยมาเลย  .....พี่น้อย....ผู้ป่วยที่ยังแข็งแรงดี ตอนนี้ก็ทำงานรับจ้างทำความสะอาดทั่วไปในวัด มาพร้อมกับสามี อยู่กันเป็นครอบครัว แต่ว่าลูกชายต้องไปอยู่ที่มูลนิธิธรรมรักษ์ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ พี่น้อยเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสดี ใครมาคุยด้วยก็ยิ้ม และยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ปิดบัง แม้ว่าเราจะไม่ได้ถาม

กำลังใจของเกือบทุกคนที่นี่ดีมากๆ จะมีก็แต่ผู้ป่วยที่อาการเริ่มทรุดลงไปที่เขาอาจเสียกำลังใจไปบ้าง ไม่ทานข้าวทานปลา แม้เราจะพูดอย่างไร ให้กำลังใจอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจของเขาเองที่จะต่อสู้ และมีกำลังใจต่อไป เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ก็ได้มาที่วัดนี้ครั้งนึงแล้ว ยังจำพี่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ผิวคล้ำๆ ที่อยู่ในบ้านวลัยลักษณ์เตียงริมประตู มาคราวนี้แกก็ยังอยู่ไม่ไปไหน แสดงว่าแกต้องมีกำลังใจดีมากๆ เลย บางคนถ้าไม่ทานข้าว รู้สึกหมดกำลังใจอยู่ได้ 2-3 วันก็เสีย (น้องปอเล่าให้ฟัง)

มาคราวนี้ได้เข้าไปดูพิธีกรรมการเผาศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วย ทั้งพระและเจ้าหน้าที่แปลกใจว่านี่ใครกัน มานั่งฟังพระสวดศพด้วย ญาติก็ไม่ใช่ แต่เราก็เรียนรู้ว่าสุดท้ายเราก็ตายกันทุกคนแหละค่ะ ช่วงนี้จิตเกิดมั๊ย? คิดว่าไม่นะคะ ก็รู้สึกปลงไปกับเขาด้วย ยืนไว้อาลัยให้ แผ่เมตตาให้ นำดอกไม้จันท์ไปวางบนศพ ดูจนกระทั่งศพถูกเผาจนไหม้ (พี่เจ้าหน้าที่เปิดให้ดู ซึ่งปกติเขาไม่เคยเปิดประตูตอนกำลังเผาหรอกค่ะ ...)

สิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือ คุณไมเคิล ฝรั่งตาน้ำข้าว ชาวอเมริกันที่อยู่ที่นี่มา 4 ปี แล้ว ไม่ใช่ในฐานะผู้ป่วยนะคะ แต่เป็นเหมือนพ่อพระของทุกคนที่นี่ ด้วยความมีไมตรีจิต มนุษยสัมพันธ์ดี เรายังได้เห็นคุณไมเคิลพาผู้ป่วยไปนั่งรถเข็นเล่น ช่วยทำกายภาพบำบัด เป็นภาพที่น่าประทับใจจิตอาสาของคุณไมเคิลจริงๆ ค่ะ คนที่นี่บอกว่าอาสาสมัครที่เป็นคนไทยไม่ค่อยมี จะมีแต่ฝรั่ง ญี่ปุ่น ที่มาช่วย คนไทยที่มาก็เป็นเจ้าหน้าที่มากกว่าอย่าง..น้องอั๋น.. ที่ใกล้จะได้บรรจุเป็นเจ้าหน้าที่แล้ว.......

นับวันผู้ป่วยโรคนี้ก็ยังมีอยู่มาก อยู่ที่คนรอบข้างและกำลังใจของผู้ป่วยเองที่จะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยใจที่เป็นสุขหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้ว..สติและจิตที่แข็งแกร่งจะช่วยขจัดสาเหตุของปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นได้

เป็นกำลังใจให้โลกใบนี้ของทุกคนยังน่าอยู่นะคะ

ติดตามต่อ Part II กับ EQ Camp วันที่ 2 ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 124706เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2007 18:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
เพิ่งได้โน้ตบุ๊คกลับมา เลยได้เข้ามาอ่านครั้งแรก บันทึกได้ละเอียดมากเลยจ้ะ จะตามไปอ่าน Part II ต่อล่ะนะ วันนี้กะว่าจะอ่านให้ครบทุกบันทึกเลย

แม้อาสาสมัครคนไทยที่นี่จะมีน้อย แต่เจ้าหน้าที่ที่นี่ก็มีจิตอาสามาก เพราะการบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้หมายถึงมีเงินเดือนมาก เช่น เจ้าหน้าที่วุฒิปริญญาตรีของที่นี่ เงินเดือนเริ่มต้นที่ 4,500 บาท เท่านั้นเอง ถ้าไม่มีจิตอาสาก็อยู่ไม่ได้หรอก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท