เคล็ดลับการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ต


ของดี ราคาถูก มีให้เลือกมากมาย !!!!

เพราะว่าต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ และต้องนั่งหน้าคอมทุกวัน วันนึงเป็นสิบชั่วโมง ทำให้ได้เข้าเวปนู้น ออกเวปนี้ทุกวัน และเนื่องจากต้องดูแลกิจการคนเดียว ทำให้มีความลำบากเวลาจะไปซื้อของที่ไหน จึงได้เกิดความคิดว่า จะเช็คข้อมูลสินค้าก่อน ว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง คุณสมบัติเด่นของสินค้า และราคาที่จำหน่าย

เคยต้องการอัพเกรดคอมที่ร้าน ต้องการซื้อแรมเกือบ 10 ตัว และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เป็นเงินเกือบสองหมื่นบาท นั่งเช็คราคาจากเวปเสร็จก็ไปหาซื้อ โอ้โห แม่เจ้า ราคาต่างกันมากจนซื้อไม่ลง!!!!!!!!!! รวมๆ แล้วหลายพัน ก็เลยเกิดความคิดว่าจะซื้อทางเน็ตดีกว่า ถูกดี ระยะเวลารับประกันก็นานกว่าด้วย

ตั้งแต่นั้น ถ้ามีสินค้าที่ต้องซื้อปริมาณมาก และไม่รีบ ก็จะสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ จากประสบการณ์การสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตของตัวเอง ยังไม่เคยโดนหลอก คือสั่งซื้อสินค้าแล้วก็จะได้สินค้าที่มีคุณภาพและราคาตามที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง สำหรับตัวเองจะใช้การโอนเงินเข้าบัญชี เพราะว่าปกติไม่ได้ทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต

สำหรับการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตนั้น มีหลายท่านทีเดียว ที่เรียกว่าโดนหลอก โอนเงินไปแล้วก็หายจ้อย ของก็ไม่ได้ เงินก็เสีย โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยโดน จะว่าเป็นโชคดีก็ได้ หรือจะเรียกว่ารู้จักเลือกก็ไม่น่าจะผิด เพราะการที่เราจะตัดสินใจโอนเงินให้ใครนั้นเราก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่ง ว่าจะไม่โดนหลอก วันนี้จะมาบอกเคล็ดลับที่ตัวเองใช้และประสบความสำเร็จ ดังนี้

  • ดูวันสุดท้ายที่มีการอัพเดทข้อมูล เพราะว่าการประกาศขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ตนั้น ใครใคร่ค้า ค้า เมื่อต้องการขายก็มาลงประกาศตามเวปต่างๆ แต่พอเลิกขาย กระทู้นั้นก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ข้อแรกที่ใช้ในการตัดสินใจซื้อสินค้าคือ วันที่อัพเดทข้อมูลวันสุดท้าย สำหรับตัวเองจะดูว่าภายใน 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีการปรับปรุงข้อมูลหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็จะไม่ดูอย่างอื่นต่อแล้ว
  • เบอร์โทรศัพท์ อันนี้เป็นความคิดส่วนตัว จะเลือกดูร้านที่มีโทรศัพท์บ้านด้วย ถ้าร้านไหนมีแต่เบอร์มือถือกับอีเมล์ติดต่อ จะไม่ซื้อเช่นกัน เพราะลองคิดดู ถ้าเป็นพวกหลอกลวง เขาแค่ทิ้งซิมนั้นไป เราจะไปตามหรือเอาเรื่องกับใครได้ แต่การมีโทรศัพท์บ้าน จะทำให้เราหาร่องรอยเขาได้ (ในกรณที่เกิดเหตุการไม่คาดฝัน)
  • ใบรับรอง ทั้งจากทางราชการ เช่นพวกทะเบียนพาณิชย์ หรือใบรับรองที่ออกโดยเวปต่างๆ ที่เปิดให้บริการ ซึ่งทางเวปนั้นๆ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าบุคคลนั้นมีตัวตนจริงๆ และมีเจตนาจะขายของจริงๆ ไม่ใช่พวกหลอกลวง

หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว สำหรับตัวเองจะโทรไปหาตามเบอร์ที่ให้ไว้แล้วสอบถามเกี่ยวกับสินค้า พร้อมทั้งต่อรองราคา จากประสบการณ์ ถ้าเราซื้อสินค้าในปริมาณมาก จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก (แต่ถ้าไม่โทรไปก็จะไม่ได้ลด ต้องจ่ายตามราคาหน้าร้าน) ซึ่งนอกจากโทรไปแล้วจะส่งอีเมล์ไปด้วย แกล้งถามนู่นถามนี่ไปเรื่อย (เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน)

หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อย ก็จะโอนเงินไปให้ แล้วก็รอประมาณ 1 อาทิตย์ (แต่ส่วนมากจะเร็วกว่านั้น) ก็จะได้รับสินค้าที่ต้องการ *-*

~~ สำหรับการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตนั้น ราคาที่แสดงไว้จะเป็นราคาเฉพาะของเท่านั้น มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคือ ค่าขนส่ง ซึ่งต้องนำมาคิดรวมด้วยเวลาจะตัดสินใจซื้อ ราคาค่าขนส่งนี้จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะทางและสินค้าที่สั่งซื้อ จากที่เคยซื้อถ้าซื้อเยอะๆ ค่าขนส่งจะไม่มีผลเท่าไหร่ เพราะค่าของต่อชิ้นถูกกว่าซื้อแถวๆ บ้านอยู่แล้ว

คำสำคัญ (Tags): #itnews
หมายเลขบันทึก: 124673เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2007 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

สวัสดีครับน้อง IT.com  มาแวะเยี่ยมครับ ขอบคุณมากครับ ที่แบ่งปันความรู้ที่ดีฯ มีประโยชน์มากครับ  จะติดตามอ่านบันทึกต่อไปนะครับ
  • สวัสดีครับคุณ IT
  • ไม่ได้เข้ามาทักทายกันนานเลยครับ
  • ว่าแต่ของดี ราคาถูก มีให้เลือกที่ไหนบ้างน่าจะลงชื่อเว็บให้ดูด้วยครับ
  • ขอบคุณ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท