การประชุมวิสามัญประจำปีกลุ่มออมทรัพย์สุเหร่าบางโฉลง
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม 2550
ผมได้รับเชิญจากวิสาหกิจชุมชนสุเหร่าบางโฉลงให้เข้าร่วมประชุมวิสามัญประจำปี 2550 ของกลุ่มออมทรัพย์ที่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของวิสาหกิจชุม ตามเวลานัด คือ บ่ายสองโมง ผมไปถึงวิสาหกิจชุมชนสุเหร่าบางโฉลง พบว่ามีสมาชิกกิจกรรมออมทรัพย์เข้ามาร่วมแล้วมากเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ?
สมาชิกตัวน้อยของกลุ่มออมทรัพย์
เจ้าหน้าที่ ธกส.ชี้แจงโครงการ
แล้วก็เริ่มการดำเนินการตามกำหนดการที่วางไว้ คือ
ประธานวิสาหกิจชุมชนกล่าวต้อนรับ
เหรัญญิกรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งพอสรุปได้ ดังนี้
1. ปัจจุบันมีสมาชิกออมทรัพย์ จำนวน 115 คน
2. มียอดเงินออกทรัพย์ จำนวน 361,190 บาท
3. กำไรของปี 2549 จำนวน 36,354 บาท
แล้วก็เป็นการมอบทุนการศึกษาให้สมาชิก (เด็ก) จำนวน 29 ทุน ทุนละ 500 บาท และมอบเงินปันผลจำนวน 3 % ให้สมาชิก ซึ่งในปีนี้ ก็มีการมอบเงินอุดหนุนให้แก่สุเหร่าบางโฉลง เพื่อใช้ในการดำเนินงานของสุเหร่าด้วย แล้วก็เป็นการร่วมทำกิจกรรมของสมาชิกเด็ก ๆ ปิดท้ายด้วยการประชุมประจำปีเพื่อวางแนวทางการดำเนินงานของปี 2550 ( ที่นี่เริ่มกิจกรรมเดือนสิงหาคม 2545 เวลาครบรอบการดำเนินงาน จึงเป็นเดือนกรกฎาคมของทุกปี ) <div style="text-align: center"></div><div style="text-align: center">เบื้องหลังการประชุม</div>
จากการได้พูดคุยกับประธานกลุ่ม โต๊ะอิหม่ามสุเหร่า และสมาชิกบางท่าน ก็ได้รับทราบการดำเนินงานของกิจกรรมออมทรัพย์
ว่าเป็นอย่างไร ก็สรุปได้ดังนี้ครับ
- การบริหารจัดการผลกำไรกิจกรรมออมทรัพย์ จะมีการจัดสรรตามส่วน
1. กองทุนสำรอง
2. กองทุนซะกาต (ตามหลักศาสนาอิสลาม)
3. กองทุนการศึกษาเด็กและเยาวชนที่เป็นสมาชิกออมทรัพย์
4. เงินอุดหนุนศาสนา
5. เงินปันผล จำนวน 3 %
6. เงินสำหรับศึกษาดูงานนอกสถานที่
7. ค่าตอบแทนคณะกรรมการผู้ดำเนินงาน
8. ค่าใช้จ่ายสำหรับการประชุมและการรับรองผู้ที่มาเยี่ยมวิสาหกิจชุมชน
เหลือจากนี้ ก็จะเป็นผลกำไรสะสมเข้าออมทรัพย์ต่อไป ซึ่งทางวิสาหกิจบอกว่า การจัดสรรผลกำไรของออมทรัพย์มีเป้าหมายที่การ
คืนกำไรเป็นสวัสดิการกลับสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของการดำเนินงานในทุกกิจกรรมของที่นี่ (ที่นี่เริ่มต้นกิจกรรมด้วยความต้องการที่จะพึ่งพาตนเอง และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน)
- การดำเนินกิจกรรมของออมทรัพย์ ที่ไม่มีการคิดดอกเบี้ย ?
ซึ่งประเด็นนี้ผมคิดว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวของที่นี่ โต๊ะอิหม่ามเล่าให้ฟังว่า ในหลักคำสอนของศาสนาอิสลามนั้น
การค้าขายจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย ทำให้รูปแบบของกิจกรรมออมทรัพย์จะเป็นลักษณะของการตกลงราคา ตัวอย่างเช่น สมาชิกที่ไม่มีเงินสด แต่ต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ ก็จะไปสำรวจราคาคอมพิวเตอร์ที่ตนเองต้องการ แล้วมาบอกทางกลุ่มว่าราคาเท่าไหร่ สมมุติว่าราคาเงินซื้อเงินสด คือ 20,000 บาท แต่ถ้าซื้อผ่อนราคารวมดอกเบี้ย จะเป็น 24,000 บาท ทางกลุ่มพิจารณาแล้วอนุมัติให้เงินไปซื้อในราคาเงินสด คือ 20,000 บาทแต่สมาชิกจะต้องผ่อนจ่ายกลุ่ม เป็นเงิน 22,000 บาท (สมาชิกสามารถซื้อคอมพิวเตอร์ราคาเงินสดได้ด้วยการผ่อนจ่ายกลุ่มที่ประหยัดไป 2,000 บาท ) ซึ่ง 2,000 บาทนี้จะเป็นผลกำไรของกลุ่ม เป็นการทำกิจกรรมที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งสมาชิกและกลุ่ม ( win win game) และผลกำไรที่กลุ่มได้รับก็จะกลับมาเป็น
สวัสดิการให้แก่ชุมชน
- การดำเนินกิจกรรมที่มีเหตุผล และยืดหยุ่น
ในการให้สมาชิกยืมเงินนั้น จะมีการตั้งกรรมการเพื่อพิจารณา จำนวน 3 คน (สมาชิกจะต้องบอกว่าจะนำเงินไปทำอะไร ซึ่งจะมีการ
บันทึกเป็นหลักฐานด้วย )หากพิจารณาแล้วมีความเหมาะสมก็จะอนุมัติ ในการชำระจ่ายนั้น ก็จะตกลงกันว่าจะจ่ายเดือนละเท่าไหร่ หากเดือนไหนชำระคืนไม่ได้ ก็จะมีพูดคุยสอบถาม (ไม่มีเหตุการณ์ดอกทบต้น..เพราะที่นี่ไม่คิดดอกเบี้ย)หากชำระไม่ได้จริง ก็ผ่อนผันไปชำระเดือนต่อไปได้ ถึงตรงนี้ ทางกลุ่มบอกว่าไม่เคยมีปัญหาหนี้สูญ
- การให้ทุนการศึกษาเด็กที่เป็นสมาชิกออมทรัพย์
เป็นอีกกลยุทธ์ที่กระตุ้นให้เด็กมีนิสัยการเก็บออม เพราะถ้าไม่มีการฝากเงินก็จะไม่ได้ทุน (ถึงแม้ว่าเงินทุนที่ได้จะไม่มาก)แต่ก็สามารถ
ดึงให้เด็กในชุมชนเข้ามาเป็นสมาชิกได้เพิ่มขึ้นทุกปี แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการฝากเงินอย่างต่อเนื่องด้วย
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เป็นคนในชุมชนบอกว่า ที่นี่เป็นไข่ขาวกลางไข่แดง (ที่นี่ปลอดยาเสพติดครับ) ซึ่งถือเป็นโอกาสดี ๆ ของผมที่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับชุมชนที่นี่ และก็ได้แนวคิดดี ๆ มาฝากชาว blog ทุกท่านครับ