เด็กวัยประถมศึกษา เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ยิ่งเมื่อเจริญเติบโตขึ้นเขายิ่งมีความต้องการที่จะศึกษาหาความรู้ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเรื่องใดๆก็ตาม(เป็นความรู้สึกส่วนตัวตามประสบการณ์การทำงานของครูโอ๋นะคะ)การจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กๆ จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิควิธีการอันหลากหลายซึ่งเทคนิคต่างๆเหล่านั้นครูผู้สอนจะเป็นผู้นำเสนอและนำทางความรู้ให้แก่นักเรียน จากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา ครูโอ๋พบว่าในเรื่องของหลักภาษา หรือการใช้ภาษาให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่จะต้องกล่าวถึงอยู่เป็นประจำสำหรับนักเรียน เพราะนักเรียนมักจะคิดว่าหลักภาษาเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก น่าเบื่อ มีขั้นมีตอนที่เยอะแยะมากมายในการใช้และแทบจะทุกครั้งที่มีการเรียนการสอนก็มักจะต้องเกิดการเคี่ยวเข็ญ หรือสอนผ่านไปแล้วก็ยังต้องย้อนกลับมาสอนใหม่ ต้องสอนซ้ำๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งบางทีการสอนของเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในรูปแบบเดิมเสมอไปครูอาจสอนโดยใช้เทคนิคอื่นๆที่นักเรียนอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ได้เรียนมาแล้วและกำลังเรียนอยู่เพื่อย้ำความเข้าใจและเทคนิคที่ครูโอ๋นำมาใช้เป็นประจำและได้ผลเป็นที่น่าพอใจคือ ใช้รูปแบบการนำเสนอเนื้อหาแบบ Literature-Based Approach คือใช้วรรณคดีและวรรณกรรมเป็นเนื้อหาหลักแล้วบูรณาการเข้ากับทุกทักษะทั้งการอ่าน การพูด การเขียน และการคิด ในสาระการเรียนรู้เดียวกันและบูรณาการกับสาระการเรียนรู้อื่น
วิธีการ
1. คัดสรรวรรณกรรมมาให้นักเรียนอ่านที่มีความหลากหลายโดยเป็นคำประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ได้แก่ นิทาน ตำนาน กลอนสุภาพ กลอนเสภา สำหรับวรรณคดีก็ได้คัดเลือกเรืองที่เหมาะสมกับวัยของนักเรียน
2. จัดทำเป็นใบความรู้ที่มีรูปลักษณ์น่าอ่านน่าสนใจ
3. ฝึกทักษะการอ่านของนักเรียน โดยครูพาอ่านก่อน
4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มการอ่านใบความรู้ในกลุ่มของตนเอง
5. เมื่อนักเรียนอ่านเรื่องจบแล้วจะเป็นการฝึกทักษะจากกิจกรรมหลังการอ่านและกิจกรรมสัมพันธ์ทักษะ ที่จะช่วยย้ำความเข้าใจจากการอ่านโดยแสดงออกในรูปแบบของการเขียนหรือกาพูดอภิปรายแสดงความคิดเห็น - กิจกรรมหลังการอ่าน และกิจกรรมสัมพันธ์ทักษะ เช่น
1.1 คิด- พูด ( เกี่ยวกับเนื้อหา ข้อคิด การนำไป ใช้ )
1.2 คิด- เขียน ( เป็นการจัดทำแผนภาพโครงเรื่อง )
1.3 คิด- วาด ( วาดภาพตามจินตนาการจากเรื่อง แล้วตั้งชื่อเรื่องจากภาพ )
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานของสมาชิกในกลุ่ม โดยกลุ่มอื่นจะเป็นผู้พิจารณาและวิจารณ์ผลงาน7. ครูสนับสนุนความคิดเห็นและให้กำลังใจในการทำกิจกรรมครั้งต่อไปโดยการชม
วิธีการสอนต่างๆเหล่านี้ครูผู้สอนทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม หรือตามแต่วิธีการสอนที่ครูจะนำมาใช้เพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้
จากการนำไปใช้พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่หันมาสนใจการอ่านวรรณกรรมและวรรณคดีมากขึ้น โดยที่ครูไม่ต้องมาคอยกำกับดูแล สนใจที่จะศึกษาในเรื่องของหลักการใช้ภาษามากขึ้นจากการอ่านและการทำกิจกรรม ที่นักเรียนทำกันเป็นกลุ่มและให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน ครูก็เป็นเพียงผู้คอยสนับสนุนและชื่นชมในความใฝ่รู้ใฝ่เรียนของนักเรียน และยังเป็นการเพิ่มกำลังใจให้ครูในการที่จะไปคิดค้นเทคนิคใหม่ๆมาสอนอีกครั้งต่อไป
อาจจะมีเทคนิคใหม่ๆที่น่าสนใจมาให้ได้ทดลองทำดูในการเรียนการสอนอีก อดใจรออีกนิดนะคะ คงไม่นานเกินรอหรอกค่ะ
นางจารุณี จันมี ( ครูโอ๋ ) โรงเรียนนพคุณวิทยา สพท. สมุทรปราการเขต 1 ส่งเรื่องนี้ไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2550
ไม่มีความเห็น