โรงเรียนเปิดเรียนมา 3 เดือนกว่าแล้ว มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง ในช่วงวันแรกของการเปิดเรียนได้สอบถามความสนใจในการเรียนของเด็กๆ นักเรียนที่น่ารัก ว่าชอบเรียนวิชาอะไรมากที่สุด ได้รับคำตอบว่า วาดรูป บ้าง พละบ้าง ร้องเพลง รำ ครูรอว่าจะมีวิชาอื่นอีกหรือไม่....รอ..รอ..ฟัง..แต่ปรากฎว่า ไม่มี เอ...เลขล่ะ ไม่เห็นมีใครตอบเลย.....อดรนทนไม่ไหวเลยถามว่า มีใครชอบเรียน เลข บ้าง...ทุกคนเงียบ...อ้าว!!!!! แล้วเราจะทำอย่างไรดี....
ชั่วโมงคณิตศาสตร์ นักเรียนทำหน้าตาน่าเบื่อหน่ายสุดๆๆๆๆๆ แล้วบอกว่าไม่อยากเรียนเลย.....มันเป็นประโยคที่ทำให้ครูต้อง...คิด ๆๆๆๆๆ แล้วว่าต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้กับเด็กเปลี่ยนแปลงความคิดที่ว่า เกลียด ไม่อยากเรียน น่าเบื่อ ขี้เกียจคิด โอย!!!จิปาถะ
ครูต้องนั่งมองย้อนกลับไปถึงวิธีการสอนของตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้วิชาคณิตศาสตร์ หรือที่เด็กๆๆ เรียกว่า เลขนะ มันเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัว สนุกเมื่อได้ใช้สมอง ในการแก้ปัญหา ไม่ใช่รอฟังแต่คำสั่งจนเด็กไทยปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการคิดวิเคราะห์ แยกแยะไม่เป็นว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ถูกหรือผิด เพราะเด็กคิดถึงแต่ตัวเอง เลยต้องทำตัวเองให้เป็นเด็ก (แต่ไม่แอ๊บแบ้ว...นะจ๊ะ)
เริ่มต้นเลย อย่าเข้าใจหรือทึกทักว่าเด็กๆ ที่น่ารักของเรา เข้าใจเรื่องจำนวนดีแล้ว เพราะนั้นเป็นการเข้าใจที่ผิดมาก เห็นเด็กเล็กเขียนตัวเลขและนับเลขได้ ก็เลยสอนต่อเลยให้บวก ลบ กันใหญ่ ผลปรากฎว่า เด็กทำได้แต่ทำได้แค่ช่วงที่สอนแต่หลังจากนั้นก็ลืม นี่เป็นปัญหาอย่างมาก...
รุ่งขึ้นเลยต้องร่อนจดหมายฉบับเล็กๆๆ จากครูถึงผู้ปกครองให้หาอาวุธประจำกายเด็ก (อย่า!!!!! อย่าเข้าใจผิดนะว่าครูจะให้นักเรียนที่น่ารักของครูนำอาวุธ ดาบ มีด ปืน มาโรงเรียน) อาวุธที่ว่านี้คือ ตะเกียบหรือฝาน้ำอัดลม เป็นอาวุธเสริมปัญญานะ อิ..อิ..อิ (หัวเราะแบบวัยรุ่นเล่น MSN ) ผลปรากฎว่าได้ผลนักเรียนเข้าใจเรื่องจำนวนและตัวเลขแทนจำนวนได้ดีและทำให้นักเรียนสนุกกับการเรียนคณิตศาสตร์มาขึ้น
แต่มีอยู่วันได้สอนเกี่ยวกับเรื่องให้หาตัวบวก หรือตัวตั้ง เอาแล้วซิ ก็สอนเรื่องบวกแล้ว รู้จักตัวตั้ง ตัวบวก และผลลัพธ์แล้ว แต่ทำไมทำไม่ได้ล่ะ....เป็นปัญหาอีกแล้ว จะแก้ไงดี..ทำไงให้เด็กเข้าใจได้... เฮ้ย!!!...คิด..คิด..แล้วก็คิด....ระหว่างที่สอนไปเกิดความคิดปิ๊งขึ้นมาอย่างกระทันหัน...เล่านิทานไป ยกตัวอย่างสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน เข่น ไก่ KFC สุกี้ MK (อ่านไปแล้วอย่า หิวนะ) ไอสกรีมบ้าง เด็กๆ ก็สนุกกันยกใหญ่เลย ช่วยกันคิดช่วยกันทำช่วยกันแต่งนิทานเกี่ยวกับโจทย์ปัญหา พร้อมกับสอดแทรกคุณธรรมไปพร้อมๆ กันด้วย...
นักเรียนของครูเกือบทุกคนมีความสามารถแต่งโจทย์ปัญหาทั้งบวกและลบได้ด้วยตนเอง พร้อมรู้จักคิดวิเคราะห์ หาคำตอบ และตอบคำถามของครูได้...เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ขึ้นมาแล้ว ครูก็น่าบานเลย (ยิ้ม...และค่อยดูต่อไปว่าเด็กเราจะเป็นอย่างไร) และที่สำคัญเด็กเกิดความรัก สามัคคี รู้จักแบ่งปัน มีความรับผิดชอบมากขึ้นถึงแม้ว่าตอนนี้อาจจะไม่ 100% เต็ม แต่ดีกว่าเด็กที่ไม่มีคุณธรรมและไม่ทำอะไรเลย
คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเหตุและผล เมื่อเราทำให้นักเรียนรู้จักมีเหตุมี และสอดแทรกคุณธรรมในระหว่างสอนด้วยนิทานเลขแล้วคิดว่าต่อไปสังคมของเราคงมีดีกว่าปัจจุบันนี้...อยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีคนมีเหตุมีผล ไม่หลงอยู่กับวัตถุนิยมจนลืมสิ่งที่ดีๆ ของไทยไป....
ไม่มีความเห็น