พระบิดาแห่งภาษาไทย : พูดภาษาไทยให้ชัด


"ประเทศไทยมีภาษาไทยมานานแล้ว มีวัฒนธรรมไทยนานกว่าต่างประเทศในยุโรปหลายประเทศ"

  

         เมื่อเช้าวันที่ 29 สิงหาคม  2550 ผมได้ฟังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย ที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่เนื่อง ในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศได้จัดให้มีการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย ประจำปี 2550 ณ กระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม - 1 กันยายน 2250

       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ กราบบังคมทูลฯ ถามเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องพลังงานทดแทน การใช้ภาษาไทย และเศรษฐกิจพอเพียง  ดังจะได้อัญเชิญพระราชดำรัสมาไว้เพื่อเป็นข้อคิด ข้อปฏิบัติสำหรับคนไทยทุกคนด้วย ดังต่อไปนี้

****************************************

'ท่านทูตคงกลุ้มใจว่า คนที่ไปอยู่ต่างประเทศเพียงไม่กี่วันหรือไม่นาน กลับมาพูดภาษาไทยไม่ได้ เพราะว่านึกว่าไปต่างประเทศนั้น ต้องไปเรียนรู้ความเป็นไม่เป็นไทย ดังนั้นก็เห็นใจท่าน เพราะว่าท่านเป็นทูต คนที่ไปต่างประเทศไม่กี่วัน แล้วก็ไปพบกับท่านทูต พูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ว่าต่างประเทศ ฝรั่งไปพบท่านมาเมืองไทยไม่นาน กลับไปพูดภาษาไทยได้ อันนี้ก็ชอบกล ประหลาดมาก แต่ว่าต้องเข้าใจว่าคนที่ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ก็ได้มีโอกาสไปต่างประเทศ เขามีปมด้อย คนไทยนั้นส่วนใหญ่ไม่มีปมด้อย ที่เห็นคนไทยมีความภูมิใจที่เป็นคนไทย เพราะว่าอยู่เมืองไทย เป็นคนไทย เขาสามารถศึกษาว่าเมืองไทย

คนไทยมีความดี แต่ผู้ที่ไปต่างประเทศนึกว่า เราก็พูดอย่างเดียวกับพวกที่ไปเมืองฝรั่ง ไม่ใช่พวกที่ไปเมืองแขกหรือว่าเมืองจีน เพราะว่าเห่อว่าฝรั่งเขาเจริญ เพราะบ้านเมืองของเขามีความก้าวหน้าหลายอย่าง คนไทยก็เลยมีปมด้อย ว่าเราไม่มีความเจริญ ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไร สำหรับแก้ไข ก็เล่าให้ท่านฟังแล้วว่า ข้าพเจ้ามาเมืองไทยไม่รู้ภาษาไทย แล้วก็ออกไป อายุ 5 ขวบ กลับมาอายุ 11 ก็ไม่ค่อยรู้ภาษาไทย ที่จริงรู้ภาษาไทยก็โดยที่ สมเด็จพระบรมราชชนนี ท่านไม่พูดภาษาฝรั่งกับเรา ท่านพูดภาษาไทย ก็เลยรู้ภาษาไทย แต่เขียนภาษาไทยไม่ค่อยได้ อ่านไม่ค่อยได้ ตอนอายุ 11 ก็ได้เรียน จนกระทั่งอายุ 18 ก็เขียนภาษาไทย อ่านภาษาไทยไม่ค่อยได้ มาอ่านภาษาไทยได้ทีหลัง แต่ก็อยู่ที่ความเป็นไทยนี่ลำบาก ก็พยายามที่จะเรียนภาษาไทย

แต่ผู้ที่ไปหาท่านทูตแล้วพูดภาษาไทยไม่ชัด ส่วนใหญ่เขาก็รู้ภาษาไทย ออกไป2-3วันลืมภาษาไทยแล้ว เพราะว่าเป็นคนที่ไม่ศึกษา วิธีที่จะทำท่านทูตก็คงต้องล้างสมองเขา ประเทศไทยมีภาษาไทยมานานแล้ว มีวัฒนธรรมไทยนานกว่าต่างประเทศในยุโรปหลายประเทศ ก่อนนี้ในต่างประเทศ เป็นยุคที่เขาเรียกว่ามิดเดิ้ลเอจ (middle age) เป็นยุคกลาง ยุคที่ไม่เจริญ เมืองไทยนี้ ยุคกลางของเราเจริญแล้ว ถ้าอยากจะให้แก้ไข เราก็ต้องศึกษายุคกลางของเราว่าเจริญแล้ว แล้วบอกกับพวกที่คิดว่าเมืองไทยไม่เจริญให้เข้าใจ แล้วก็ที่ประเทศไทยมีภาษาไทย มีตัวอักษรไทยมาตั้งแต่สมัยที่เป็นยุคกลางของฝรั่ง ของเราหลายร้อยปีมีภาษา มีตัวอักษร ของฝรั่งไม่มี เราไม่พูดถึงอเมริกา แอฟริกา แต่พูดถึงยุโรปซึ่งเป็นประเทศที่เจริญ แต่ตอนนั้นไม่ได้เจริญ เราเจริญก่อน แต่ว่าเมืองไทยจะไม่เจริญ เพราะมีคนอย่างพวกที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเมืองไทยเจริญมานานแล้ว

วิธีที่จะทำก็คือต้องพยายามที่จะทำให้เข้าใจว่าเมืองไทยนี้เจริญมานานแล้ว วิธีที่จะปฏิบัติก็คือต้องสอนเขา ข้าพเจ้าได้ศึกษาภาษาสันสกฤต เป็นอักษรที่ยาก ก็หมายความว่าเป็นอักษรโบราณเก่าแก่เป็นพันปี เขามีความเจริญมานานแล้ว ไม่ด้อยพัฒนา เด็กสมัยใหม่ต้องเรียนภาษาจะต้องเรียกว่าสมัยใหม่ ความจริงภาษาสันสกฤต สมัยใหม่มาก ตัวอักษรของเขามีชั้นล่าง กลาง บน เพราะว่าภาษาสันสกฤตนั้น คนก็เรียนรู้ยากมาก เพราะมีเป็นชั้นๆ ซึ่งถ้ามีใครมาถาม คนไทยทำไมไม่เจริญ ไม่พัฒนา ก็อย่างนี้ เพราะไม่ได้เรียนกัน คนไทยไม่พัฒนา ที่จริงพัฒนามาก ภาษาสันสกฤตมี 3-4 ชั้น แต่ไม่ทำเอง

ฉะนั้นถ้าท่านทูตอยากจะอธิบาย กับพวกที่มาหาว่าคน ไม่ก้าวหน้า ศึกษาภาษาไทยเอง ไม่ต้องถึงไปเรียนสันสกฤต ภาษาไทยเองก็มีหลายชั้น ก็หมายความว่าตัวอักษรเรามีสูงมาก การเรียนรู้ภาษาไทย เสียงของภาษาไทยก็มีหลายเสียง เพราะจะเขียนภาษาฝรั่งมาเป็นไทยก็ได้มาก ท่านไม่ต้องกลัว ศึกษาต่อไป แล้วอธิบายมากับพวกที่ล้าสมัย (primitic) ไม่ต้องกลัวมีปมด้อย'

โดยเฉพาะท่านที่เป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพึงทำหน้าที่อธิบายว่า คนไทยเป็นอย่างไร เพราะถ้าไม่มีใครอธิบายความเป็นอยู่ของประเทศไทยได้ ชาวต่างประเทศมักเข้าใจผิด และตั้งใจเข้าใจผิด เพราะไม่เข้าใจ ที่จริงเข้าใจ ชาวต่างประเทศไม่ได้โง่ แต่ทำโง่ เท่ากับว่า คนไทยทำโง่ไปตามเขา เมืองไทยก็แย่ เท่ากับว่า เมืองไทยทำโง่ตามความเป็นอยู่ต่างประเทศ เรียกว่าแย่ ชาวต่างประเทศย่อมทำให้คนไทยโง่จะได้เอาเปรียบได้ ดีใจที่ได้พบท่านในวันนี้และรู้ว่าท่านเข้าใจในหน้าที่   เคยพูดว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศไม่ทำหน้าที่ตนเองจะลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศต้องเข้าใจและมีความรู้ในประเทศที่อยู่ และเข้าใจความรู้ในต่างประเทศ

'ประหยัด พอเพียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะพอเพียง จะต้องทำจริงจัง แล้วก็พอเพียง ทฤษฎีนี้ใช้ได้ มาแหย่ให้พูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ท่านทูตตั้งใจจะไม่พูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพราะหมั่นไส้ตัวเองทุกวัน ๆ พอเปิดวิทยุ เศรษฐกิจพอเพียง อะไรพอเพียง ลงท้ายคนก็ว่า พระเจ้าอยู่หัวพอเพียงเมื่อไรเราว่าเราพอเพียง เราไม่ทำอะไรฟุ้งเฟ้อ เลิกพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเท่านี้ก็พอ ท่านทูตพอเพียงก็ดี ยิ่งดี แต่คนก็จะหมั่นไส้ทูต เอะอะอะไรก็พอเพียงๆ ความจริง พอเพียงเราก็รู้ว่าสมควรที่จะพอเพียง ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย หยุดเรื่องความพอเพียงไว้เท่านี้ก็ดีแล้ว ก็ความสุขจะได้มีอย่างพอเพียงนั่นเอง

เมื่อกี้ยังบอกจะไม่พูดถึงพอเพียงเอง เพราะว่าถ้าคนพอเพียง คนเขามีความสุข เราก็มีความสุข ถ้าคนที่อยากได้มาก เราเห็นแล้วมันไม่พอเพียง เราไม่มีความสุข ความสุขของคนแสดงออกมาด้วยความพอเพียง สำคัญตรงนี้ ให้ทำตัวเองให้มีความพอเพียง แต่ว่าความพอเพียงไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรคือความพอเพียง บางคนก็พูดดี ไม่ได้หมายความว่าให้รัดเข็มขัด ลำบาก อย่างนี้ตอนออกจากโรงพยาบาลครั้งหลัง น้ำหนัก 65 แล้วก็หมอต้องให้ได้ 70 บอกว่าไม่เอา ไม่ได้พูดถึงพอเพียง คือเขาจะให้พุงใหญ่เหมือนท่าน เมื่อเช้าเราชั่งได้ 66 หมายความว่าไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ออกจากโรงพยาบาล พวกแพทย์หมอเขาก็เอ็ดตะโรว่าต้องขึ้นน้ำหนัก ถ้าขึ้นมันไม่พอเพียง มันมากเกินไป แต่ว่าท่านทูตมากเกินไป แต่ก็เวลาถามก็ลดไม่ได้ ก็เลยยอมจำนน ว่าท่านลดไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่เราขอให้ท่านสามารถทำงานได้ดีๆ'

'ทำไปเถอะทำมาเราจะต้องกลุ้มใจเรื่องลิขสิทธิ์ ลิขสิทธิ์ที่จะทำ ข้าพเจ้าไม่ได้พยายามที่จะเรียกค่าลิขสิทธิ์ แต่ว่าถ้าไปทำต้องเรียกค่าลิขสิทธิ์ ถ้าไม่เช่นนั้นต่างประเทศจะเป็นแอฟริกา จะเป็นฝรั่ง เอาเถอะต้องการลิขสิทธิ์ ต้องการลิขสิทธิ์ ต้องการกำไร อย่างฝนเทียมทำมาหลายสิบปีแล้วไม่เคยนึกถึงลิขสิทธิ์ต้องมานึกตอนหลัง   ฝรั่งเอาเปรียบไทยเรา แต่ว่าที่พูดถึงฝนเทียมถ้าไม่นึกถึงลิขสิทธิ์เราก็ทำไปนานแล้ว ไม่ได้ทำสำเร็จแต่ว่าอย่างปัญหาที่ทูตเป็นห่วงมันสิ้นเปลื้องทำฝนหลวงสิ้นเปลื้องพอสมควร บางทีจำเป็นที่จะใช้ ใช้เทคนิคที่จะต้องสิ้นเปลือง แต่ว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝนหลวงทำได้หรือไม่ได้ถ้าแก้ไขก็พิจารณาทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงถ้าทำได้ อยากให้เปลี่ยนแปลงอากาศยังไงก็ได้มีแต่สิ้นเปลื้องและต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ถึงเวลานี้เพียงอยากจะบอกว่าวิธีทำฝนเทียมทำยังไง วิธีแก้ไขให้อากาศเปลี่ยนแปลงทำยังไง แต่ว่าขอไปคิดถึงเรื่องลิขสิทธิ์เรื่องผลประโยชน์ ก็เลยไม่อยากพูด ในเรื่องนี้เรื่องผลประโยชน์แต่ที่แอฟฟริกาเขาอยากได้ก็ส่งคนไปเถอะไปศึกษาทำได้ อยากจะทำก็ทำได้ แต่ถ้าอยากถามไถ่ก็ไปถามสมเด็จพระเทพ ฯ เพราะว่าสมเด็จพระเทพฯ ไปมาแล้วทั่วโลก'

(จาก มติชน  30 สิงหาคม 2550)

 **************************************

       นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสโดยเฉพาะเรื่อง "ภาษาไทย" และ "การใช้ภาษาไทย" ที่มีความชัดเจนและลึกซึ้งยิ่ง   ภาษาไทยมีมานานแล้ว  เราเจริญมาก่อนฝรั่งในยุโรป เรามีภาษาของเราเอง มีอักษรใช้ ในขณะที่หลายประเทศไม่มี  เราจึงควรภูมิใจในภาษาไทยของเรา 

      ผมมีหน้าที่สอนภาษาไทยแก่นักศึกษาไทยก็พยายามปลูกฝังความคิดให้ตระหนักในคุณค่าภาษาไทยมาโดยตลอด จริงจัง  แม้กระทั่งการสอนภาษาไทยให้แก่คนต่างชาติ  ก็มีความภูมิใจในภาษาไทยของตน  ผมใช้ภาษาไทยล้วนๆ สอนนักศึกษาต่างชาติ  ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาของเขาในการสอนภาษาไทย  เพราะต้องการให้เขาซึมซับภาษาไทยให้มาก ให้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องชัดเจน  อีกทั้งสอดแทกวัฒนธรรมไทย ความเป็นไทยให้แก่เขา  ปลูกฝังเขาว่า เขาโชคดีแล้วที่ได้เรียนภาษาไทยที่มีความไพเราะ ประณีตและมีประวัติมานาน  ภาษาไทย เป็นภาษาอารยะ คือมีความประณีต สุภาพ ไพเราะ  เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

       ผมเชื่อว่า  คนไทยจะต้องภาคภูมิใจในภาษาไทยของตน นำเอาข้อคิดแนวปฏิบัติที่พระองค์พระราชทานไว้แก่คนไทยดังอัญเชิญไว้แล้วนี้

       ดีใจ และซาบซึ้งใจ อย่างยิ่งครับ  เป็นบุญอย่างเหลือล้นที่ได้เกิดภายใต้ร่มโพธิสมภาร ของกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้  

หมายเลขบันทึก: 123413เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2007 13:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 21:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
^ /\ ^            ^ /\ ^               ^ /\ ^

คุณ Little Jazz ครับ

       ผมฟัง พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตอนเช้าวันที่ 29 ทางโทรทัศน์ครับ

วันนี้ฟังคุณหญิงจารุวรรณให้สัมภาษณ์ พึ่งจะ get ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับการที่กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เริ่มทำ MOU เป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้มีช่องทางดิ้นได้ทางภาษาเนื่องจากภาษาอังกฤษไม่รัดกุม สามารถตีความได้หลายแบบ จริงๆ แล้วถ้าเป็นสัญญาภาษาต่างประเทศที่รัดกุม ทั่วโลกเขายอมรับในสัญญาภาษาฝรั่งเศส เพราะคำศัพท์มันระบุเฉพาะชัดเจนจนดิ้น หรือตีความอย่างอื่นไม่ได้

แต่สนับสนุนว่า เราอยู่บนแผ่นดินไทย ทำไมต้องทำเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าคู่สัญญาเป็นต่างชาติก็ให้แปลเอาสิ แล้วก็ลงหมายเหตุว่าถ้ามีข้อโต้แย้งให้ยึดฉบับภาษาไทยเป็นหลัก
 ปัจจุบันคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศเมื่อกลับมาประเทศแล้วยังพูดไม่ค่อยชัดกันเลย ถึงจะไม่ได้ไปต่างประเทศคนไทยก็พูดไม่ค่อยชัด อ่านเรื่องแล้วทำให้เราได้คิดว่าเราเองก็เป็นคนไทยก็ควรต้องพูดภาษาไทยให้ชัดเจน

คุณP

          เห็นด้วยครับ เราเอาเหตุผลความเป็นสากลจนบางครั้งลืมศักดิ์ศรีความเป็น "ไท" (อิสระ)  ผู้ใหญ่มักจะพูดว่า ยอมๆ เขาเถอะ  เขาตั้งใจดี  ผมคิดว่า การทำสัญญาใดๆ ทำเป็นภาษาของเรา ภาษาของเขาและภาษากลาง 3 ฉบับบที่มีสาระตรงกันก็น่าจะยุติ ถ้ากลัวบิดเบี้ยวไป ล่ามเก่งๆ มีออกถมเถตรวจสอบได้ ไม่ต้องกลัว   แต่การทำสัญญาด้วยภาษาอย่างนี้ เป็นศักดิ์ศรีของชาติ และของคนไทย ครับ

คุณพัชรีครับ

            ถ้าคนไทยสำนึกกันไว้อย่างที่พระองค์ท่านมีพระราชดำรัส เราคงไม่ต้องกลุ้มใจกับพวกพูด เขียนภาษาไม่ค่อยเป็นสับปะรดหรอกครับ แล้วพาลทำให้ภาษาเพี้ยนเปลี่ยนไปผิดธรรมชาติอย่างจงใจอย่างนี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท