ธรรมะรับอรุณ : ลูกศร ๒ เล่ม


คนเราถ้ามีเหตุให้ต้องป่วย ก็ควรป่วยด้วยลูกศรเพียงเล่มเดียวก็พอแล้ว ให้กายป่วยแต่ภายนอกเถิด อย่าให้ใจต้องมาป่วยซ้ำอีกเลย

 ธรรมะรับอรุณ : ลูกศร ๒ เล่ม

ปู่เย็นอยู่กับสายน้ำ  อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ  อายุยืนตั้ง ๑๐๖ ปี

ตากแดดตากฝน  เด็กเอาก้อนหินไปปา  ลุกขึ้นมาหาข้าวหาน้ำกินเอง

งกๆเงิ่นๆ อยู่กลางลำน้ำเพชร  ไม่เจ็บไม่ไข้  ซ้ำยังอายุยืน

ส่วนอีกคนเป็นนักธุรกิจพันล้าน  อายุ ๔๕ ปี  สมบูรณ์ทุกอย่าง

วันดีคืนดีกลับพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้  นึกในใจว่ามันน่าเจ็บใจนัก

คนที่สมควรป่วย(อย่างปู่เย็นเป็นต้น) ไม่ป่วย  คนอย่างฉันมันไม่น่าป่วย  กลับมาป่วย

ลูกศรเล่มที่หนึ่ง คือการป่วยด้วยโรคมะเร็ง

ลูกศรเล่มที่สอง ซึ่งตอกย้ำความเป็นโรคมะเร็งให้เจ็บหนักลงไปอีก

คือการไม่ยอมรับความจริง  จึงป่วยทางใจหนักเข้าไปอีก

อาการอย่างนี้เรียกว่า ป่วยเพราะถูกลูกศรสองเล่มปักพร้อมๆ กัน

คนเราถ้ามีเหตุให้ต้องป่วย  ก็ควรป่วยด้วยลูกศรเพียงเล่มเดียวก็พอแล้ว

ให้กายป่วยแต่ภายนอกเถิด  อย่าให้ใจต้องมาป่วยซ้ำอีกเลย

เพราะมันเป็นความทุกข์ทรมานส่วนเกินที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย

ว.วชิรเมธี

หมายเลขบันทึก: 123246เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2007 02:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2012 07:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

แวะมารับธรรมะซะเย็นเลยคะวันนี้

  • ชีวิตทุกวันนี้ต่างต้องแข่งกับเวลาคะ
  • จนลืมดูแลทั้งกายและใจของตนเอง...และผู้คนรอบข้างคะ
  • ช่ายเลย..จริงๆด้วย...แต่ต้องทบทวนบ่อยๆ มิเช่นนั้นจะเผลอ...
  • แหววยังมีปัญหาอยู่กรณีที่ไม่รู้สาเหตุ...ความสงสัยเป็นภัยตัวร้าย...พอรู้เหตุจะสบายใจถึงแม้ว่าจะยังทุกข์อยู่...กำลังพยายามฝึกเรื่องการตามรู้ด้วยจิตเป็นกลางกับสภาวะสงสัย แต่..ยากจังค่ะ...

อ้าว!! Post แล้วทำไมไม่มีข้อความหละ..จาบอกว่า

  • ช่ายเลย..จริงๆด้วย...แต่ต้องทบทวนกันบ่อยๆ มิเช่นนั้น..ก็เผลอนะซี...
  • โดยเฉพาะแหววจะมีปัญหาถ้าไม่รู้เหตุแห่งทุกข์ทางกาย..ด้วยจะมีจิตสงสัยที่ทำร้ายตัวเอง...ตอนนี้กำลังพยายามฝึกตามรู้ด้วยจิตเป็นกลางกับสภาวะสงสัย..แต่...ยากจังค่ะ..
  • ขอบคุณนะคะ...ที่มาช่วยกันทบทวน...

เฮ้อ!! อีกแล้ว ..ต้องให้พิมพ์ซ้ำแล้วก็พึ่งจะโผล่มา..แกล้งกันนี่หน่า...ไปแล้วหละ...บ๊าย..บาย..

P

อิอิ ใจเย็นๆ ครับคุณแหวว

ตอนนี้เครื่องแม่ข่ายทำงานหนักมาก  ด้วยจำนวนสมาชิกและจำนวนบันทึกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทำให้เครื่องแม่ข่ายรับไม่ไหว  คนเบื้องหลังเขาทำงานกันหนักมากครับ  ต้องให้กำลังใจเขาหน่อยครับ

เรื่องลังเลสงสัยนี่ส่วนใหญ่เป็นกับคนที่เรียนสูงๆ ครับ  เพราะมันอยากรู้ไปเสียหมดว่าเพราะอะไร  ทำไมถึงเป็นเช่นนี้  ต้องรู้ให้ได้  ไม่ได้ไม่ยอม  เลยทุกข์สองเด้ง

จะว่าดีก็ดีครึ่งหนึ่งคือเราต้องสาวหาเหตุให้ได้  จะได้แก้ได้ตรงจุดและถาวร  แต่อีกครึ่งคือเราต้องรู้จักปล่อยวางในกรณีที่สาวหาเหตุไม่เจอ

ผมก็เป็นเหมือนกันครับแต่เป็นคนละอย่าง  ช่วงนี้เน็ตมีปัญหามาหลายเดือนแล้ว  ตามเจ้าหน้าที่ก็โบ้ยว่าบ้านเราอยู่ไกลศูนย์จะให้เรายกเลิกท่าเดียว  ทั้งๆ ที่บริเวณนี้มีร้านเน็ตและของเขาปัญหาน้อยกว่าเรามาก  ทำให้อารมณ์เสีย  ดูจิตก็เอาไม่อยู่  คงต้องฝึกอีกเยอะครับ

อ้อ ขอให้หายป่วยไวๆ นะครับ  ดูท่าน่าจะป่วยมาก  ดูแลตัวเองเยอะนะครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

P

สวัสดีครับคุณ naree

อย่าแข่งกับมันเลยครับเวลา เราไม่ชนะมันหรอก  มาแข่งเอาใจตัวเองและคนรอบข้างดีกว่าครับ  คุ้มกว่ากันเยอะ

ดูแลตัวเองและคนรอบข้างนะครับ

สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะ

 มีเพื่อนเป็นมะเร็ง เธอเพียรรักษาทุกวิถีทาง ในชีวิตคนเราฉีดครีโม 1 รอบก็แทบจะมอดไหม้แล้ว แต่เนื่องจากครั้งแรกไม่หาย เธอเลยต้องฉีดอีกรอบ เธอบรรยายไว้ว่า เหมือนไฟเผา ทุรนทุราย สุดท้าย ผลการวินิจฉัยออกมา ก็ยังมีมะเร็งอยู่ในร่างกายอยู่ดี เธอตัดสินใจ ไม่รักษาแล้ว ทำตัวเหมือนไม่ใข่คนป่วยไข้ ออกไปทำงานช่วยสังคม เลี้ยงพระทุกเดือน ฯลฯ ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีใครเล่า จะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง เธอได้เอาศรออกทั้ง 2 ดอกแล้วค่ะ

P

สวัสดีครับคุณบุญรุ่ง

  • พูดถึงมะเร็งนี่  ญาติผมก็เป็นหลายคนเหมือนกัน  บ้างก็เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งถูกตัดทิ้งไปข้างหนึ่ง  บ้างก็เป็นที่คอ  ตอนนี้ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้แล้ว  น่าเห็นใจจริงๆ ครับ
  • น่ายินดีที่เพื่อนของคุณบุญรุ่งเอาชนะมันได้  สามารถเปลี้องศรทั้งสองเล่มนั้นออกได้  น้อยคนนักที่จะคิดอย่างนี้ได้  หลายคนตายเปล่าเพราะศรทั้งสองเล่มนี้แหละครับ
  • บางคนพยายามถอนแต่ศรดอกแรก  แต่หารู้ไม่ว่าที่ถอนดอกแรกไม่ออกเพราะดอกที่สองยึดเอาไว้  ฉะนั้นก็รักษาไม่หาย
  • ใจคนเราสำคัญจริงๆ นะครับ  โรคร้ายจะหายหรือไม่หายใจเท่านั้นเป็นตัวตัดสิน
  • ถึงแม้โรคทางกายรักษาไม่หาย  แต่หากโรคทางใจหายแล้ว ก็สบายครับ
  • ผมมีตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง
  • ผมเคยอ่านหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการเล่มไหนแล้วจำไม่ได้  เรื่องมีอยู่ว่า  ฝรั่งเขามีการทดลองว่าจิตนั้นเหนือกายจริงหรือไม่  โดยการนำนักโทษประหารคนหนึ่งมาทดลอง  โดยหลอกเขาว่าจะนำเขามาทดลองเชือดที่ขาให้เป็นแผลแล้วปล่อยให้เลือดไหลหมดตัว  เพื่ออยากรู้ว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายนั้นมีปริมาณเท่าไหร่  และจะนำชื่อเขามาจารึกไว้
  • ในยุคนั้นฝรั่ง(ซึ่งผมนึกไม่ออกว่าชาติไหน)  เขาจะถือว่าถ้าได้ตายแล้วมีชื่อจารึกให้ชนรุ่นหลังได้ทราบแล้ว  ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง  นักโทษคนนั้นก็ยินยอม  เพราะถึงอย่างไรตัวเองก็ต้องตายอยู่แล้ว
  • การทดลองก็เริ่มขึ้นโดยเอาตัวนักโทษมัดห้อยนไว้ในท่ายืน  ให้อยู่ในห้องมืด  แล้วนักทดลองก็เอาอะไรที่คมๆ คล้ายมีด มากรีดที่ขาให้เป็นรอย แต่เลือดไม่ออก  แล้วแอบเปิดก๊อกน้ำไว้ในห้องนั้นให้ไหลติ๋งๆ เพื่อให้นักโทษเข้าใจว่าเลือดไหนจากตัวของตัวเอง  แต่จริงๆ แล้วเป็นน้ำที่ไหลจากก๊อกต่างหาก
  • แล้วเขาก็ปล่อยให้เวลาล่วงไปหนึ่งคืน  รุ่งเช้าก็พบว่านักโทษคนนี้เสียชีวิตแล้วครับ  เสียชีวิตเพราะเขาคิดว่าเขาเสียเลือดไปหมดตัวแล้ว
  • จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวจริงๆ นะครับ  จิตตายแล้วก็เป็นแค่ซากเท่านั้น

ธรรมะสวัสดีครับ

P
สวัสดีค่ะ

ฝรั่งเขามีการทดลองว่าจิตนั้นเหนือกายจริงหรือไม่

คิดว่า น่าจะจริงในเรื่องของโรคที่ไม่มีการติดต่อ เช่นเครียดค่ะ

พี่มีตัวอย่างของจริงของตัวเอง แล้วจะเล่าให้ฟังค่ะ

P

สวัสดีครับคุณพี่ 

อยากฟังครับ  เอาเป็นว่าคุณพี่เขียนเป็นบันทึกสักบันทึกซีครับ  คนอื่นจะได้อ่านด้วย

ธรรมะสวัสดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท